Jump to content

All Activity

This stream auto-updates

  1. Last week
  2. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์ที่อาร์เซน่อลบุกชนะเอฟเวอร์ตัน 1-0 จากลูกจุดโทษของวิคตอร์ เยอเคเรส พูดถึงรูปเกมส์ที่เกิดขึ้น: ในครึ่งแรก เรามีช่วงเวลาที่ทำได้ดีอยู่บ้าง เราครองเกมได้อย่างมาก แต่ไม่ได้สร้างโอกาสมากนัก เราทำประตูได้หนึ่งลูก และในครึ่งหลัง เรามีโอกาสจะแจ้งแบบเปิดโล่งอยู่สองหรือสามครั้ง ซึ่งถ้าคุณอยากจะสบายใจกว่านี้ในช่วงท้ายเกม ในพรีเมียร์ลีกคุณต้องยิงให้เป็นประตู สองครั้งที่เรายิงไปชนเสา หนึ่งครั้งเป็นของเลโอ (ทรอสซาร์) อีกครั้งเป็นของซูบิเมนดี ส่วนบูกาโย [ซาก้า] นั้นว่างโล่งอยู่ในกรอบเขตโทษ เขามีเวลา เขาเลือกที่จะยิง และบอลก็ถูกเคลียร์ออกจากเส้นประตูพอดี ดังนั้นช่วงเวลาแบบนี้คือสิ่งที่คุณต้องเฉียบคมให้มากกว่านี้ เพื่อให้มีระยะห่างของสกอร์ที่มากขึ้น เยอเคเรสเป็นคนรับหน้าที่สังหารจุดโทษ: ผมมีความสุขกับเขามากจริงๆ พวกเขารับผิดชอบกันเองในสนาม ระหว่างมาร์ติน, บูคาโญ และเขา (เยอเคเรส) ในการตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนยิง และพวกเขาก็ตัดสินใจได้ยอดเยี่ยม เพราะวิคตอร์ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้ ใช่ ผมเห็นด้วย (ว่ามันแสดงถึงความไม่เห็นแก่ตัว) และมันยังสะท้อนถึงความมั่นใจในตัวนักเตะด้วย เพราะแน่นอนว่าเขาซ้อมทุกวัน และเขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมมาก และเขาก็ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้ ดังนั้นผมชอบมากเวลาที่นักเตะรับผิดชอบ ตัดสินใจกันเองว่าอะไรคือการตัดสินใจที่ดีที่สุด นั่นเป็นสิ่งที่ดีมากจริงๆ ฟอร์มของเดแคลน ไรซ์ตอนนี้: เหลือเชื่อมาก ฟอร์มการเล่นของเขาที่เล่นได้หมดทุกอย่าง ความเป็นผู้นำในสนาม จำนวนครั้งที่เขาแย่งบอลกลับมาได้ ซึ่งช่วยให้เราเล่นเกมรุกต่อเนื่องได้ ทั้งหมดนั้นมีความสม่ำเสมออย่างเหลือเชื่อตลอดทั้งปีนี้อีกครั้ง และใช่เลย เขาเป็นนักเตะที่สำคัญมหาศาลสำหรับเรา จังหวะซาลิบาที่สุ่มเสี่ยงจะเสียจุดโทษ: ผมรู้ว่าพวกเขาเช็กจังหวะนั้นแล้ว ผมยังไม่ได้เห็นภาพเลย ทั้งจังหวะนั้น และแม้แต่จังหวะจุดโทษของเราผมก็ยังไม่ได้ดูด้วย ดังนั้นผมไม่รู้จริง ๆ พวกเขาตัดสินใจไปแล้ว เราทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากมายในกรอบเขตโทษ ดังนั้นผมไม่อยากจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก เป็นจ่าฝูงในวันคริสต์มาส: สิ่งที่มันมอบให้ผมคือความเชื่อมั่นและความมั่นใจ ระดับของผลงานและความสม่ำเสมอในฟอร์มการเล่นแบบนั้น ผมหมายถึงว่า มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ มากจริง ๆ ที่จะทำได้ในลีกนี้ นั่นหมายความว่าทีมอยู่ในระดับนั้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ไม่หลุดออกไปไหน จงมีความสุขกับชัยชนะ และคุณจะต้องไปเจอกับสนามที่ยากลำบาก คุณจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยาก เราผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมาแล้ว และเราก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ แล้วสิ่งที่เราต้องการทำคืออะไร? ทำงานเพื่อเกมถัดไป พยายามพัฒนาให้ดีขึ้น และทำให้แน่ใจว่าทุกคนยังคงอยู่กับจิตวิญญาณและพลังแบบนั้น และมีความสุขกับมัน ช่องว่างที่เหลือน้อยมากระหว่างพวกเขากับซิตี้: เราต้องพยายาม เราต้องเดินหน้ากันต่อไป ยิ่งเราพยายามมากเท่าไร สิ่งต่างๆ ก็จะเกิดขึ้น และช่องว่างหรือความแตกต่างก็จะกว้างขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เราต้องพยายามทำ การควบคุมจังหวะของเกมส์: ท้ายที่สุดแล้ว คุณต้องเป็นฝ่ายคุมจังหวะของเกมให้ได้ เพื่อจะทำแบบนั้น คุณต้องเข้าใจว่าเกมต้องการอะไร ในช่วงไหนที่ต้องเล่นให้เร็วจริง ๆ และช่วงไหนที่ต้องชะลอเกมลง หากคุณสามารถกระตุ้นสิ่งที่คุณต้องการด้วยบอลได้ มันก็ถูกต้อง แต่บางครั้งเมื่อคุณจำเป็นต้องเฉียบคมขึ้น ดุดันขึ้น คุณก็ต้องเร่งจังหวะของเกมให้เร็วขึ้น และในวันนี้ เรามีช่วงเวลาที่อ่านเกมตรงจุดนั้นได้ดีมาก แต่ก็มีบางช่วงที่เราลังเลในการตัดสินใจ นั่นคือสิ่งที่เรายังสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น บรรยากาศในสนามแห่งใหม่ของเอฟเวอร์ตัน: ก่อนที่ผมจะไปนะครับทุกคน ผมอยากจะแสดงความยินดีกับทุกคนในสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างสนามที่น่าทึ่งแห่งนี้ เพราะมันน่าประทับใจมากจริง ๆ ที่ได้เห็น ไม่ใช่แค่วิธีการที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมาเท่านั้น แต่รวมถึงบรรยากาศที่พวกเขาสร้างขึ้นมาด้วย ดังนั้น ในฐานะอดีตนักเตะ และในฐานะคนที่สนับสนุนสโมสรแห่งนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับทุกคนด้วย บูคาโญ ซาก้า กับวิคตอร์ เยอเคเรส สองแนวรุกของอาร์เซน่อล ได้มาให้สัมภาษณ์กับทางสกายสปอร์ต หลังจบเกมส์ที่ชนะเอฟเวอร์ตัน 1-0 โดยซาก้า ได้รับเลือกให้เป็น Man Of The Match ในเกมส์นัดนี้ด้วย ซาก้าพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมส์นี้ “เอฟเวอร์ตันทำให้มันยากมากจริง ๆ มันก็เป็นความรับผิดชอบของเราด้วยที่ไม่สามารถปิดเกมได้ในบางช่วงเวลา แต่ต้องให้เครดิตกับพวกเขา การมาเล่นที่นี่มันยากเสมอ เราก็แค่มีความสุขที่ในที่สุดเราคว้าชัยชนะมาได้” เยอเคเรส กับการรับหน้าที่ยิงจุดโทษ "มีหลายคนในทีมที่สามารถรับหน้าที่ยิงได้ และครั้งนี้เป็นผมที่รับหน้าที่ มันสำคัญมากที่ต้องยิงให้เข้า ดังนั้นมันก็รู้สึกดี คุณยิงได้แรงมากนะ? มันก็มักจะออกมาแบบนี้ตลอดนั่นแหละ" เยอเคเรส การกลับมายิงประตูได้อีกครั้ง “คุณอยากจะยิงประตูให้ได้เสมอ นั่นคือเป้าหมายหลักในทุก ๆ เกมสำหรับผู้เล่นแนวรุกทุกคน นั่นคือสิ่งที่เราต้องการทำ วันนี้เราน่าจะยิงได้มากกว่านี้อีกสองสามลูก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราชนะเกมนี้” เยอเคเรส เกี่ยวกับการปรับตัวเข้ากับทีมอาร์เซน่อล “ผมพยายามทำให้ดีที่สุดในสนามอยู่เสมอ คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ระบบการเล่น วิธีที่เราเล่น แล้วก็ปรับตัวให้เข้ากับบทบาทนั้น เรากำลังเล่นกันได้ดีมาก เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีทั้งในลีกและแชมเปียนส์ลีก เราจำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปในแนวทางนี้” ซาก้า พูดถึงการลงเล่นหลังทราบว่าแมนซิตี้ชนะแล้วแซงขึ้นจ่าฝูงชั่วคราว “การลุ้นแชมป์เราต้องตัดความรู้สึกใดๆ ออกไป มีสมาธิกับงานของเรา นับตั้งแต่สัปดาห์เราพุ่งสมาธิในการมาชนะที่นี่ ตอนนี้เรากลับมาเป็นจ่าฝูงของตารางอีกครั้ง แต่เราไม่ได้ไปจับตาดูแมนฯ ซิตี้ หรือทีมอื่นๆ เราแค่รู้ว่าเราควบคุมทุกอย่างได้ และถ้าเราชนะได้ทุกสัปดาห์ เราก็จะอยู่ตรงนั้นต่อไป”
  3. PREMIER LEAGUE LEAGUE 2025/26 Everton 0 - 1 Arsenal Sat 20 December 2025, 03.00 น. GOAL: 0-1 วิคตอร์ เยอเคเรส (นาทีที่ 27, จุดโทษ) ดาบิด ราย่า: 6.5 ไม่ได้มีจังหวะต้องออกแรงเซฟอะไรเลย แต่ราย่าก็ทำได้ดีหลายครั้่งกับจังหวะที่ออกมารับลูกโด่งที่เข้ามาในกรอบเขตโทษ เปียโร่ อินคาปิเอ้: 6.5 จังหวะการเล่นเกมส์รับของอินคาปิเอ้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่เขาทำได้ดีเลยในการชิงจังหวะ แต่ปัญหาที่ชัดเจนของเขาคือการขึ้นเกมส์ หลายครั้งที่เราเห็นถึงความไม่มั่นใจที่จะออกบอลขึ้นหน้า ต้องเสียเวลาวนกลับไปตั้งบอลกันใหม่ที่ราย่า ส่วนการจ่ายบอลยาวของเขา เหมือนเตะคืนให้เอฟเวอร์ตัน วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 จังหวะชิงเหลี่ยม ชิงจังหวะ กับการบังทางซาลิบา เอาชนะกองหน้าของเอฟเวอร์ตันได้ตลอด แต่อาจจะมีหวาดเสียวเล็กน้อยในครึ่งหลัง ที่ซาลิบาจะหวดบอลแต่ไปเตะโดนเท้าของแบร์รี่ ในกรอบเขตโทษ กับจังหวะที่จ่ายขึ้นหน้าเสี่ยง แล้วถูกตัดได้ เกือบทำให้แบร์รี่ได้หลุดเดี่ยว เยอร์เรียน ทิมเบอร์: 7.5 ประกบปิดตายแจ็ค กลิลิช ตัวอันตรายของฝั่งเอฟเวอร์ตันจนแผลงฤทธิ์อะไรไม่ออก แล้วทิมเบอร์มีจังหวะไดรซ์ขึ้นไปเติมเกมส์สวยๆ หลายครั้ง สิ่งที่ขาดก็คงจะเป็นการเปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ ดีที่สุดคือที่เขาคัตแบคมาให้ซาก้าได้ยิง ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.5 พ้นโทษแบนกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงได้อีกครั้ง จังหวะที่มาของจุดโทษ คาลาฟิออรีกำลังจะขึ้นโหม่งได้อยู่แล้ว แต่กองหลังของเอฟเวอร์ตันยกมือมาปัดบอลซะอย่างงั้น ภาพรวมริชชี่ยังทำได้ดีตามมาตรฐาน เกมส์รับก็ไม่มีข้อผิดพลาด แล้วมีจังหวะเคลื่อนที่ไปเชื่อมเกมส์ได้ดีด้วย มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 6.5 การเคลื่อนที่ในจังหวะ Buildup เกมส์ ซูบิเมนดี้ทำได้ดีเลย เอฟเวอร์ตันเพลสยังไงก็หาบอลไม่เจอ ครึ่งหลังเขา เกือบจะยิงประตูได้ด้วย แต่ยิงไปชนเสา การถ่ายบอลไปมาของเขาทำได้ตามมาตรฐาน แต่ลูกจ่ายแบบได้เสียของซูบิ วันนี้ไม่มา เดแคลน ไรซ์: 8.0 เกมส์นี้ไรซ์ ถอยลงมายืนต่ำมากกว่าปกติ บางครั้งอาจจะยืนต่ำกว่าซูบิเมนดี้ด้วยซ้ำ ครึ่งหลังไรซ์มีบทบาทกับเกมส์มากขึ้น โดยเฉพาะกับการทะลุขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ ส่วนเกมส์รับไรซ์ก็สุดยอดเช่นกัน เหมือนชาร์จแบตมาเต็ม มาร์ติน โอเดการ์ด: 7.0 (C) โอเดการ์ด มีบทบาทกับเกมส์อยู่ตลอด ในการเคลื่อนที่ในการขับเคลื่อนบอลจากตรงกลางเข้าสู่พื้นที่สุดท้าย แต่พอบอลมาอยู่หน้ากรอบเขตโทษแล้ว การจ่ายบอลเข้าทำของโอเดการ์ด ยังขาดๆ เกินๆ อย่างจังหวะที่เยอเคเรสทำทางไปแล้ว แต่เขาจ่ายล้นเกินไป เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.5 เขาน่าจะยิงให้ทีมขยับนำห่าง 2-0 ในครึ่งเวลาหลัง แต่ลูกที่วิ่งมายิงบอลไปชนเสาเต็มๆ ส่วนร่วมในการเข้าทำพื้นที่สุดท้ายอาจมีไม่มากนัก แต่เวลาที่บอลอยู่ที่เท้าเขา เสียบอลยาก บูคาโญ ซาก้า: 7.0 ซาก้าได้บอลในพื้นที่สุดท้ายหลายครั้งมาก โดยเฉพาะในครึ่งเวลาหลัง ที่เขามีโอกาสลุ้นประตูหลายครั้งเลย แต่จังหวะยิงของซาก้าวันนี้ ยังไงก็ไม่ผ่านบล็อกของผู้เล่นของฝั่งเอฟเวอร์ตันเลย หรือยิงผ่านก็มีตัวเคลียร์จากเส้นได้อีก ซาก้าทำได้ดีหลายอย่าง แต่มาเสียตรงจังหวะจบสกอร์ วิคตอร์ เยอเคเรส: 7.0 กลับมายิงประตูได้อีกครั้ง เมื่อเป็นคนรับหน้าที่สังหารจุดโทษให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ช่วงครึ่งแรกมีบอลดีๆ และมีพื้นที่ให้เขาได้เล่นอยู่ 2-3 จังหวะ แต่จังหวะจบได้แค่ใกล้เคียง ครึ่งหลังส่วนร่วมกับเกมส์น้อยลง แล้วไปโดนใบเหลืองด้วย ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออก ตัวสำรอง: กาเบรียล เฆซุส: 6.0 (นาทีที่ 65, เยอเคเรส) กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.0 (นาทีที่ 80, ทรอสซาร์) มิเกล เมริโน่: N/A (นาทีที่ 88, โอเดการ์ด)
  4. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์บุกเยือนเอฟเวอร์ตัน ในคืนวันเสาร์นี้ คุมทีมอาร์เซน่อลครบรอบ 6 ปี: คนคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพูดถึงขนาดและความซับซ้อนของปัญหาของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ คุณต้องการผู้คนที่ยอดเยี่ยมจำนวนมาก ผู้คนที่ทุ่มเทอย่างสูง อยู่รอบตัวคุณ พร้อมด้วยวิสัยทัศน์เดียวกัน จรรยาบรรณในการทำงานแบบเดียวกัน และแพสชันเดียวกัน ผมถือว่าโชคดีมาก เพราะตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมมีสิ่งเหล่านั้นอยู่เสมอ ท้ายที่สุดแล้ว คุณต้องการการสนับสนุนอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ผู้บริหารระดับบน ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจร่วมกับคุณ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือบรรดานักเตะ ผมคิดว่านักเตะต้องเชื่อและยอมรับในสิ่งที่คุณพูด และในสิ่งที่คุณทำ ผมรู้สึกโชคดีมาก เพราะนักเตะกลุ่มนี้ทุ่มเทให้คุณเต็มร้อย ในทิศทางเดียวกันทั้งหมด อัพเดทอาการบาดเจ็บของไวท์: ตอนนี้เขายังไม่พร้อมลงสนาม มันไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรง อาการของเขากำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี เราหวังว่าเขาจะกลับมาอยู่กับทีมได้ภายในอีกไม่กี่นัด กำหนดคัมแบ็กของกาเบรียล มากัลเญส: เขากำลังเร่งฟื้นตัวอย่างหนัก เหมือนทุกครั้งเวลาที่เขาบาดเจ็บ อาการของเขาก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขากลับมาลงซ้อมในสนามได้บ้างแล้ว ดังนั้นเขาอยู่อีกไม่ไกลแล้ว ข่าวที่ว่าไค ฮาแวร์ตซ์ดีเลย์กำหนดคัมแบ็ก: อาการของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และฟื้นตัวเร็วมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เรามองในแง่ดีมากว่า หากเขายังคงเป็นแบบนี้ต่อไป เขาอาจจะกลับมาร่วมทีมกับเราได้ในเร็ว ๆ นี้ ผมกำลังคิดที่จะส่งฮาแวร์ตซ์กลับมาลงสนามในเกมใดเกมหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ผมจะไม่เปิดเผยว่าเป็นเกมไหน ซูบิเมนดี้ที่ไม่ได้ลงซ้อมกับทีม: เขาพร้อมสำหรับเกมกับเอฟเวอร์ตัน การที่เขาไม่ได้ลงซ้อมเป็นเพียงมาตรการป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น การบริหารจัดการเกี่ยวกับซูบิเมนดี้: ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เรามี เราต้องแน่ใจว่าเราดูแลเขาอย่างดี และเขาเองก็เข้าใจว่า ทุกโอกาส ทุกความเป็นไปได้ที่คุณจะสามารถดูแลตัวเองได้ คุณจำเป็นต้องคว้ามันไว้ให้หมดในลีกนี้ เพราะความต้องการและความเข้มข้นมันจะสูงมาก ๆ แต่ผมคิดว่าเขารับมือกับลีกนี้ได้ดีมาก ๆ จริง ๆ ทั้งกับความท้าทายทั้งหมดที่ลีกมอบให้คุณ สโมสรใหม่ ประเทศใหม่ และผมคิดว่าเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม การเจอกับเดวิด มอยส์: ผมคิดว่าเขาสอนผมถึงความรักที่เขามีต่อเกมฟุตบอล และความซื่อสัตย์ยึดมั่นในหลักการที่เกมนี้ต้องการ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก วิธีที่เขาบริหารจัดการสโมสร ผู้คน และนักเตะของเขา มันยอดเยี่ยมจริง ๆ และผมรู้สึกขอบคุณอย่างมากสำหรับทุกสิ่งที่เขาทำให้กับผม รวมถึงกับเอฟเวอร์ตันด้วยเช่นกัน แต่ผมคิดว่า โดยภาพรวมแล้ว เขายังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับฟุตบอลอังกฤษด้วย เพราะเขาแสดงให้เห็นถึงวิธีการวางตัวทั้งในช่วงเวลาที่ดี และในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งปกติแล้ว นั่นแหละคือช่วงเวลาที่คุณจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของผู้คน ผมคิดว่าเดวิดทำบางสิ่งที่พิเศษและไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ทีมต้องเข้าใจวิธีการเล่นของ "เยอเคเรส" มากกว่านี้หรือไม่: ผมคิดว่าระดับความสนใจที่มีต่อเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่เขาเซ็นสัญญาเข้ามา ทุกคนตื่นเต้นกันมากที่จะได้นำกองหน้าหมายเลข 9 เข้ามาสู่สโมสร และเราก็ทำได้จริง ๆ เราดึงผู้เล่นที่มีสถิติการทำประตูที่ยอดเยี่ยมมากเข้ามา ซึ่งจำเป็นต้องปรับตัวกับลีกนี้ เขาไม่มีช่วงปรีซีซันเลย ช่วงสองสามสัปดาห์แรกมันยากลำบาก เพราะในแง่สภาพร่างกาย เขายังไม่อยู่ในจุดที่ดีที่สุด และเขาเป็นนักเตะที่ต้องการสิ่งนั้น เช่นเดียวกับผู้เล่นเกือบทุกคนในลีกนี้ เพื่อจะทำผลงานได้ในระดับนั้น จากนั้นเขาก็เริ่มไปได้ดี ผมคิดว่าเขามีช่วงเวลาที่ดีมากช่วงหนึ่ง ก่อนจะได้รับบาดเจ็บ และตอนนี้เขากลับมาแล้ว ผมเห็นหลายอย่างที่เป็นบวกมากจากสองเกมหลังที่เขาลงเล่น เราจำเป็นต้องปรับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และทำความเข้าใจเขาให้ดีขึ้นอีกเล็กน้อยในบางสถานการณ์ และเขาเองก็ต้องทำเช่นเดียวกัน แต่นั่นเป็นเรื่องของเวลา และเรามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ โปรแกรมเตะถี่ยิบที่กำลังจะมาถึง: มันถาโถมเข้ามาพร้อมกับความต้องการที่สูงมาก และเกมการแข่งขันจำนวนมาก ซึ่งผมเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ในชีวิตการทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตส่วนตัวด้วย เพราะมันเป็นช่วงเวลาพิเศษสำหรับพวกเราทุกคน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็คือโอกาส ผมคิดว่าเรานับว่าโชคดีที่มีโอกาสได้ลงเล่นในช่วงที่ผู้คนอยู่ในวันหยุด ได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวมากมาย และผมคิดว่าบรรยากาศที่ถูกสร้างขึ้นในสนามนั้นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และนั่นคือสิ่งที่เราต้องดื่มด่ำและสนุกไปกับมัน”
  5. บทความจาก Sky Sport สุดสัปดาห์ที่แล้ว การชมเกมของอาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากห้องสื่อมวลชนที่เอมิเรตส์ สเตเดียม และเซลเฮิร์สต์ พาร์ก เป็นเหมือนเรื่องราวของกองหน้าสองคนที่ตัดกันอย่างชัดเจน เออร์ลิง ฮาลันด์ อยู่ในฟอร์มโหดตามแบบฉบับของเขา ส่วนผลงานของวิคตอร์ เยอเคเรส กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคย แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างออกไป การยิงประตูไม่ได้อีกครั้ง คราวนี้ในเกมพบกับวูล์ฟแฮมป์ตัน ทีมบ๊วยของตาราง ทำให้กองหน้าค่าตัว 55 ล้านปอนด์ที่ย้ายมาจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน ยังทำประตูไม่ได้ถึง 11 จาก 14 นัดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ สถิติดังกล่าวแทบจะตรงข้ามกับของฮาลันด์โดยสิ้นเชิง และกำลังกลายเป็นแหล่งความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจดูเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ยุติธรรม แต่ในระดับนี้ มาตรฐานมันเป็นแบบนั้น ฮาลันด์ยิงประตูใส่คริสตัล พาเลซ ทำให้เขามี 17 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และในช่วงเวลาเดียวกันของฤดูกาลแรกกับซิตี้ เขายังทำได้มากกว่านี้เสียอีก โดยไม่ต้องมีช่วงปรับตัวใด ๆ แน่นอนว่า ทีมที่รั้งจ่าฝูงในตอนนี้คืออาร์เซนอล ไม่ใช่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และพวกเขายังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากในภาพรวม แต่ “อิมแพ็กต์ครั้งใหญ่” ที่อันเดรีย แบร์ตา ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร คาดการณ์ไว้จาก เยอเคเรสตั้งแต่ตอนเซ็นสัญญาในเดือนกรกฎาคมนั้น ยังไม่เกิดขึ้นจริง ในวัย 27 ปี พร้อมผลงานการทำประตูระดับเดียวกับฮาลันด์ในอดีต เขาถูกมองว่าเป็นกองหน้าหมายเลข 9 แบบสำเร็จรูปที่แฟนบอลโหยหา ทว่าความกังวลก็คือ ความได้เปรียบด้านสภาพร่างกายที่เขาเคยมีในโปรตุเกส อาจหายไปเมื่อต้องเผชิญกับความเข้มข้นที่โหดกว่ามากของพรีเมียร์ลีก ลองพิจารณาจากอัตราความสำเร็จในการดวลตัวต่อตัวของเขา ซึ่งลดลงจาก 50 เปอร์เซ็นต์ในพรีเมร่า ลีกา ฤดูกาลที่แล้ว เหลือเพียง 37 เปอร์เซ็นต์ในฤดูกาลนี้ เกมกับวูล์ฟส์ ซึ่งเขามีโอกาสสัมผัสบอลเพียง 15 ครั้ง และยิงแค่ครั้งเดียว เป็นเพียงตัวอย่างล่าสุดของเกมที่เขาดูจะไม่สามารถสร้างอิมแพ็คของตัวเองได้ การที่ผลงานจะดรอปลงบ้างหลังจากก้าวขึ้นมาเจอคุณภาพที่สูงกว่า เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว แต่ระดับของการตกลงนั้น หลังผ่านไปสี่เดือน ถือว่าน่าเป็นห่วง แม้จะนับรวมอาการบาดเจ็บที่จังหวะไม่เป็นใจเมื่อเดือนที่แล้วก็ตาม มิเกล อาร์เตต้า พยายามเน้นย้ำถึงความสำคัญของผลงานของเยอเคเรสในยามที่ทีมไม่มีบอล ไม่มีใครกังขาในเรื่องอัตราการทำงานหนักของเขา แต่กุนซืออาร์เซนอลก็ยอมรับเช่นกันว่า สุดท้ายแล้ว เยอเคเรสจะถูกตัดสินจากจำนวนประตูที่ทำได้ “นั่นเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล” อาร์เตต้ากล่าว แต่จนถึงตอนนี้ ประตูก็ยังคงหนีห่างจากเขาไป ภาพที่ชัดเจนที่สุดของฟอร์มการเล่นในเกมกับวูล์ฟส์ คือจังหวะที่เขาไปไม่ถึงลูกเปิดเรียดของบูกาโย ซาก้า ในครึ่งแรก เพราะยืนคาตำแหน่ง ขยับตัวช้า เช่นเดียวกับจังหวะท้ายเกมกับแอสตัน วิลลา จากบอลของเดแคลน ไรซ์ ในนัดพรีเมียร์ลีกก่อนหน้านั้น การอยู่ถูกที่ถูกเวลาเพื่อเปลี่ยนโอกาสแบบนี้ให้เป็นประตู ควรจะเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับกองหน้าที่ล่าประตูในกรอบเขตโทษ แต่การเข้าช้ากลับกลายเป็นภาพซ้ำ ๆ โยเคเรสมีค่าเฉลี่ยการยิงแบบจังหวะเดียวเพียง 0.76 ครั้งต่อ 90 นาที ขณะที่ฮาลันด์ทำได้ถึง 1.85 ครั้ง ที่เซลเฮิร์สต์ พาร์ก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่มีใครแปลกใจเลยที่กองหน้าชาวนอร์เวย์ต้องการเพียงโอกาสเดียวในการเปลี่ยนเกม ประตูแรกของเขามาจากการจบสกอร์แบบจังหวะเดียวตามสไตล์ถนัด หลังหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษของคริสตัล พาเลซ แล้วโหม่งลูกเปิดเข้าไป แต่เยอเคเรสกลับไม่ได้มีโอกาสยิงมากพอโดยรวม ค่าเฉลี่ยการยิงทั้งหมดของเขาที่ 1.98 ครั้งต่อ 90 นาที ทำให้เขาอยู่อันดับที่ 45 ในฤดูกาลนี้ จากกองหน้าทั้ง 81 คนที่ Opta จัดกลุ่มไว้ ซึ่งลงเล่นอย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ของเวลาการแข่งขัน เยอเคเรสอยู่ระหว่าง นิคลาส ฟูลล์ครุก ของเวสต์แฮม และจอร์จินิโอ รุตแตร์ ของไบรท์ตัน ในรายชื่อดังกล่าว ตัวเลขเหล่านี้ชวนให้ตั้งคำถามถึงการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม เยอเคเรสเป็นกองหน้าที่มีลักษณะแตกต่างจากตัวเลือกคนอื่น ๆ ของอาร์เซนอล เขาชอบเล่นโดยยืนอยู่ด้านข้างของเซนเตอร์แบ็คคู่แข่ง เพื่อใช้พื้นที่วิ่งทำทาง ดังนั้นเขาจึงต้องการการป้อนบอลในรูปแบบที่ต่างออกไป อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมทีมก็พยายามแล้ว อาร์เซนอลเป็นทีมที่จ่ายบอลทะลุช่องมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ตามข้อมูลของ Opta ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ จากมากกว่าสองครั้งต่อเกมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เป็นเกือบสี่ครั้งต่อเกมในฤดูกาลนี้ สะท้อนถึงความพยายามอย่างจริงจังในการเพิ่มความเฉียบคมให้กับการผ่านบอลของทีม ข้อมูลการติดตามการเคลื่อนที่จาก GeniusIQ แสดงให้เห็นว่า การวิ่งทำทางของเขาถูกล็อคเป้าในการจ่ายบอลด้วยอัตราที่สูงกว่าทั้งของอูโก เอกิติเก้ ที่ลิเวอร์พูล และของฮาลันด์ ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสียอีก แน่นอนว่า การจ่ายบอลเหล่านั้นต้องแม่นยำด้วยเช่นกัน เพื่อนร่วมทีมยังคงอยู่ในช่วงปรับตัวให้เข้ากับเขา อาร์เตต้าเคยพูดถึงความจำเป็นในการสร้างเคมีและความเชื่อมโยงกันในสนาม แต่โยเคเรสเองก็ต้องทำหน้าที่ของเขาเช่นกัน หลายครั้งเกินไป เมื่อเขาได้รับบอล เขากลับไม่สามารถครองบอลไว้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นปัญหาทางเทคนิค แต่ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องของ “พื้นที่” ด้วยเช่นกัน ตามข้อมูลของ GeniusIQ เยอเคเรสเป็นผู้เล่นพรีเมียร์ลีกที่มี “พื้นที่” น้อยที่สุดในจังหวะที่พร้อมรับบอลในฤดูกาลนี้ โดยมีค่าเฉลี่ยเพียง 3.14 เมตร สถิตินี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของเขาในการสร้างระยะห่างจากตัวประกบผ่านการเคลื่อนไหว แน่นอนว่า การสร้างพื้นที่เป็นเรื่องยากขึ้น เมื่อคุณต้องเจอกับแนวรับที่ถอยต่ำและยืนกันอย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นสิ่งที่อาร์เซนอลต้องเผชิญอยู่บ่อยครั้ง แต่ความท้าทายนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับพวกเขาเพียงทีมเดียว ฮาลันด์และเอกิติเก้ต้องเจอสถานการณ์ลักษณะเดียวกันกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลิเวอร์พูล แต่กลับมีค่าเฉลี่ยพื้นที่ในการรับบอลสูงถึง 4.92 เมตร และ 5.32 เมตร ตามลำดับ อาร์เตต้าและทีมงานจะพยายามแก้ไขปัญหาบางส่วนเหล่านี้ในสนามซ้อม เยอเคเรสไม่ใช่นักเตะคนแรกที่ต้องการช่วงเวลาในการปรับตัวกับพรีเมียร์ลีก และมันยังเร็วเกินไปมากที่จะตัดสินว่าเขาล้มเหลว อย่างไรก็ตาม การกลับมาฟิตสมบูรณ์ของกาเบรียล เชซุส ได้เพิ่มแรงกดดันและการจับตามองต่อความเหมาะสมของเยอเคเรสกับทีมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผลงานที่ทุ่มเท มีส่วนร่วมทุกจังหวะของเชซุสในช่วงหลัง ตัดกันอย่างชัดเจนกับฟอร์มของเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ของเขา แน่นอนว่าเยอเคเรสเป็นนักเตะคนละสไตล์ เขาถูกดึงเข้ามาเพื่อมอบสัญชาตญาณเพชฌฆาตที่อาร์เซนอลขาดหายไป ฮาลันด์แสดงให้เห็นแล้วว่า ปริมาณการสัมผัสบอลไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากประตูยังคงไหลมา แต่ความรู้สึกก็ยังคงมีอยู่ว่า อาร์เซนอลเป็นทีมที่ดีกว่า เมื่อมีกองหน้าที่มีส่วนร่วมกับเกมรุกโดยรวมของทีม สองเกมรุกที่ดีที่สุดของอาร์เซนอลในฤดูกาลนี้ คือเกมพบกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และบาเยิร์น มิวนิค เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเกิดขึ้นโดยมีมิเกล เมริโน่ ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า สลับตำแหน่งกับเพื่อนร่วมทีม ถอยลงมาเชื่อมเกมในแดนกลาง พร้อมกับยังเป็นอันตรายในกรอบเขตโทษได้ด้วย “ผมคิดจริง ๆ ว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเยอเคเรสในการเป็นกองหน้าตัวเลือกแรกของอาร์เซนอล” เจมี คาร์ราเกอร์ กูรูของสกาย สปอร์ตส์ กล่าวในรายการ Monday Night Football หลังมีการพูดถึงว่า เขากำลังจะต้องแย่งตำแหน่งกับทั้งไค ฮาแวร์ตซ์ ที่กำลังจะกลับมา รวมถึงเชซุส และเมริโน่ด้วย เยอเคเรสสมควรได้รับเครดิตจากการแบกรับภาระเกมรุกเพียงลำพังในช่วงต้นฤดูกาล แต่ในอนาคต เขาอาจมองย้อนกลับมาและรู้สึกว่าช่วงเวลานี้คือโอกาสที่หลุดลอยไปในการสร้างตัวตนให้มั่นคงกับทีม ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องคว้าโอกาสนั้นให้ได้เสียที
  6. Earlier
  7. นักเตะอาร์เซนอลแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนภายในห้องแต่งตัว หลังจากชัยชนะสุดดราม่าเหนือวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อวันเสาร์ โดยมีแกนหลักของทีมหลายคนออกมาพูดว่าฟอร์มการเล่นของทีมไม่ใกล้เคียงกับมาตรฐานที่ควรจะเป็นเลย Telegraph Sport เข้าใจว่า มีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาระหว่างนักเตะอาร์เซนอล หลังจากที่พวกเขาจำเป็นต้องอาศัยการทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 94 ของ เยอร์สัน มอสเกรา เพื่อคว้าชัยเหนือทีมบ๊วยของพรีเมียร์ลีก เดแคลน ไรซ์ กองกลางตัวหลัก ถูกเห็นว่าเดินลงอุโมงค์ด้วยท่าทีโกรธจัดทันทีที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา และก่อนหน้านั้นเขาก็แสดงความไม่พอใจออกมาแล้วในสนาม ระหว่างการฉลองประตูชัย เป็นที่เข้าใจกันว่า ไรซ์เป็นหนึ่งในนักเตะที่แสดงความโกรธต่อฟอร์มการเล่นของทีมในห้องแต่งตัว ขณะที่กัปตันทีมอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด และบรรดานักเตะซีเนียร์คนอื่น ๆ ก็ได้ออกมาพูดเช่นกัน ไม่มีความขัดแย้งหรือการโต้เถียงกันระหว่างนักเตะ โดยทั้งทีมเห็นพ้องต้องกันว่า พวกเขาเล่นได้ต่ำกว่าระดับปกติของตัวเองอย่างมาก อาร์เซนอลเสียประตูตีเสมอในนาทีที่ 90 จาก โตลู อาโรโคดาเร ก่อนจะมาได้ประตูชัยจากการทำเข้าประตูตัวเองในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา บรรยากาศของนักเตะและทีมงานโค้ชภายในสนาม แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับบรรยากาศบนอัฒจันทร์ของเอมิเรตส์ สเตเดียม ที่แฟนบอลเจ้าบ้านเฉลิมฉลองประตูชัยกันอย่างสุดเหวี่ยง มาตรฐานที่สูงกว่าที่เคยเป็นมา ประตูชัยในช่วงวินาทีสุดท้าย มันควรจะเป็นการเฉลิมฉลองแบบบ้าคลั่ง อย่างที่เราเคยเห็นในเกมกับบอร์นมัธ, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เบรนท์ฟอร์ด และเลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มาตรฐานของพวกเขาในตอนนี้สูงกว่าที่เคยเป็นมา และนักเตะอาร์เซนอลต่างรู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถทำได้ถึงมาตรฐานนั้นในเกมกับวูล์ฟส์ นักเตะหลายคนในฤดูกาลนี้เคยพูดถึงทีมชุดนี้ว่าเป็นกลุ่มที่มีความมุ่งมั่นและแรงผลักดันสูงมาก และปฏิกิริยาความไม่พอใจแม้ทีมชนะ เป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงทัศนคติของทีมชุดนี้ ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มกลับมามีโมเมนตัมในเส้นทางลุ้นแชมป์ และตามหลังจ่าฝูงเพียงสองคะแนน อาร์เซน่อลทราบดีว่าพวกเขาจะต้องกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองอีกครั้งตลอดช่วงโปรแกรมคริสต์มาส ถ้าหากยังต้องการรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ให้ได้ต่อไป อาร์เตต้าไฟเขียวให้นักเตะพัก 2 วันหลังจบเกมส์กับวูลฟ์ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะให้นักเตะพักฟื้นร่างกาย เพราะนี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่อาร์เซน่อลไม่มีโปรแกรมลงเล่นช่วงกลางสัปดาห์
  8. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์เปิดบ้านชนะวูลฟ์แฮมตันแบบหวุดหวิด 2-1 เมื่อคืนที่ผ่านมา รูปเกมส์ที่เกิดขึ้น: เป็นเกมที่ยากลำบาก โดยเฉพาะถ้าเราไม่สามารถทำประตูได้ในช่วงต้นเกมส์ เรามีหลายสถานการณ์ในครึ่งแรก ที่เราพลาดโอกาสดีๆ มาร์ตินเนลลี่อยู่ห่างแค่ 3 หลา เปิดโล่งมาก แต่ทำประตูไม่ได้เรามีหลายสถานการณ์ แต่แล้วเราก็ไม่ได้สร้างโอกาสชัดๆ มากนัก ในครึ่งหลัง เราทำได้ดีขึ้นหน่อย เราทำประตูได้ แต่แล้วเรามีช่วง 3 นาทีที่เราเล่นรับลึก เฉื่อย เป็นนิสัยการเล่นเกมส์รับที่แย่มาก มันไม่สามารถยอมรับได้เลย สำหรับระดับการเล่นของทีมเรา และนี่คือพรีเมียร์ลีก ผมตระหนักดีและจะต้องปรับปรุงเรื่องนี้ให้ดีขึ้น เราต้องวุ่นวายเพื่อทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทั้งๆ ที่ช่องว่างของสกอร์ควรจะห่างกว่านี้ นำแล้วถอยลงไปตั้งรับต่ำ: ไม่ใช่แบบนั้น มันลึกเกินไป แล้วบอลก็ไปอยู่ในมือผู้รักษาประตู จากนั้นเราไม่เล่นฟุตบอล เราแค่เตะทิ้งอย่างเดียว ไม่ ไม่ ไม่ นี่เป็นความรับผิดชอบของเรา และเราต้องเดินหน้าต่อไปด้วยการเล่นในรูปแบบที่เราควรจะเล่น เราสามารถบริหารผลการแข่งขันได้ในระดับหนึ่ง แต่มันต้องทำในแบบของเราเอง เป็นตัวของตัวเอง และเราสามารถป้องกันมันได้ เพราะพวกเขาทุ่มผู้เล่นขึ้นมาจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงเป็นช่วงเวลาที่คุณไม่สามารถเพรสพวกเขาได้ ซึ่งนั่นก็โอเค แต่ระดับของความกระตือรือร้นและความเข้มข้นในการยืนเป็นบล็อกตรงจุดนั้น มันต้องแตกต่างจากที่เราแสดงออกมาอย่างมาก ประตูชัยในช่วงท้ายเกมส์: มันทำให้คุณเกิดความเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าเกมส์จะดำเนินไปในรูปแบบไหน คุณก็สามารถหาทางออกได้ วิคตอร์ เยอเคเรส ควรมอบอะไรกับทีมมากกว่านี้? มันเป็นการทำงานร่วมกัน เขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากหลายครั้ง แต่บอลยังเข้าไปถึงพื้นที่อันตรายได้ไม่เร็วพอ และขาดความแม่นยำในแบบที่จำเป็นต่อการทำประตู อัตราการทำงานและความตั้งใจของเขามีอยู่ครบถ้วนแล้ว อัพเดทอาการบาดเจ็บเบน ไวท์: เรายังไม่ทราบชัดเจน ผมคิดว่าเขารู้สึกบางอย่างบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง ผมต้องรอและดูว่าอาการบาดเจ็บนั้นจะเป็นอย่างไร แต่มันไม่ใช่ข่าวดี วงจรการบาดเจ็บไม่รู้จบของอาร์เซน่อล: ใช่เลย มันเป็นแบบนั้นเป๊ะๆ แน่นอนว่าเขา [เบน ไวท์] ไม่ได้ลงเล่นเป็นจำนวนนาทีมากนัก เพราะปัญหาที่หัวเข่าซึ่งเขาเคยมีมาก่อน จากนั้นพอเขาเริ่มจะจับจังหวะและมีโมเมนตัมขึ้นมา เขาก็ต้องลงเล่นอย่างหนักมาก เพราะเราไม่มีทางเลือกอื่น เราจำเป็นต้องเสี่ยงใช้งานวิลลี่ [ซาลีบา] ในวันนี้ด้วย ทั้งที่จริงแล้วมันอาจไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีที่สุดในการให้เขาเล่นครบ 90 นาที เพราะมันเหมือนกับว่าเรากำลังซื้อตั๋วรอการบาดเจ็บครั้งต่อไป แต่เราก็ไม่มีใครให้เลือกใช้อีกแล้ว ดังนั้น ใช่ นี่เป็นข่าวร้ายอย่างแน่นอน มีเวลาพักหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนถึงนัดถัดไป: ตอนนี้เราจะได้มีสัปดาห์ที่ไม่มีโปรแกรมแข่งขันแทรก เราจำเป็นต้องเริ่มถ่ายทอดและนำองค์ประกอบต่างๆ เหล่านั้นไปใช้ให้ชัดเจน เพราะถ้าคุณไม่ฝึกซ้อมสิ่งเหล่านี้ ระดับมันก็จะเริ่มถดถอยลงเล็กน้อย จากนั้นเราก็ต้องเดินหน้ากันใหม่อีกครั้ง เพราะในช่วงคริสต์มาส เรารู้กันดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น
  9. PREMIER LEAGUE LEAGUE 2025/26 Arsenal 2 - 1 Wolves Sat 13 December 2025, 03.00 น. GOAL: 1-0 แซม จอห์นตัน (นาทีที่ 70, ทำเข้าประตูตัวเอง) 1-1 โตลู อโรโกดาเร่ (นาทีที่ 90+1) 2-1 กาเบรียล เฆซุส (นาทีที่ 90+3, ซาก้า) ดาบิด ราย่า: 6.0 ครึ่งแรกก็มีจังหวะต้องออกแรงเซฟลูกยิงของฮวาง ฮีซางที่ได้หลุดเดี่ยวในจังหวะสวนกลับเร็ว เกมส์นี้ดูเหมือนจะได้คลีนซีตไม่ยาก แต่ก็มาโดนท้ายเกมส์อีกแล้ว เปียโร่ อินคาปิเอ้: 6.5 ช่วงนี้อินคาปิเอ้ ต้องลงเล่นต่อเนื่อง เพราะแนวรับทีมผลัดกันไม่สมบูรณ์ ท้ายครึ่งแรกมีจังหวะไปลื่น แต่ยังดีที่ตามไปบล็อกลูกยิงในกรอบเขตโทษได้ทัน จริงๆ ก็เป็นเกมส์ที่ดีของเขา แต่จังหวะโดนตีเสมอ 1-1 การประกบตัวของเขาไม่ดีเลย มันเป็นรายละเอียดที่อินคาปิเอ้ต้องดีขึ้นกว่านี้ วิลเลี่ยม ซาลิบา: 6.5 หายเจ็บกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงได้อีกครั้ง หลังจากพลาดช่วงทีมไป 2-3 นัดหลัง ภาพรวมซาลิบาก็อ่านดักเกมส์สบายๆ เยอร์เรียน ทิมเบอร์: 6.0 เริ่มต้นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค ก่อนจะขยับกลับมายืนแบ็คขวาตามเดิม ฟอร์มของทิมเบอร์ดูจะดร็อปๆ ไปสักหน่อย จังหวะเติมขึ้นเกมส์รุกก็ไม่ค่อยดี เบน ไวท์: 6.0 ปัญหาบาดเจ็บในเกมส์รับก็ยังเล่นงานอาร์เซน่อลไม่หยุด เกมส์นี้ไวท์เล่นไปได้ครึ่งชั่วโมงก็เล่นต่อไม่ไหวและต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป ดูแล้วจะเจ็บตรงกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง แบบนี้ต้องมี 2-3 สัปดาห์ มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 6.0 เป็นเกมส์ที่ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานของซูบิเมนดี้ การวางบอลจากแนวลึกไปให้เพื่อนไม่แม่นยำ และมีจ่ายง่ายๆ พลาดให้เห็นด้วย เกือบสร้างงานให้อินคาปิเอ้ เดแคลน ไรซ์: 7.0 ได้พักมาในเกมส์กลางสัปดาห์ที่เจ้าตัวมีอาการป่วย ไรซ์มายกระดับการเล่นได้ดีขึ้นชัดเจนในครึ่งหลัง มีโอกาสลุ้นประตูสองหน จากฟรีคิกและลูกยิงนอกกรอบเขตโทษ แต่ถูกจอห์นตันเซฟไว้ได้ทั้งสองครั้ง เอเบเรซี่ เอเซ่: 6.0 กลับมาประจำการในตำแหน่งจอมทัพในเกมส์นี้ เอเซ่ก็พยายามที่จะประสานงานทางฝั่งขวากับซาก้า แต่ในพื้นที่สุดท้ายมันไม่ค่อยคลิกกัน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.0 ครึ่งแรกเกมส์รุกดูจะหนักขวา บอลไม่ค่อยมาขึ้นทางมาร์ติเนลลี่สักเท่าไร โอกาสส่วนใหญ่มาจากลูกเตะมุม ที่เขาไปรอโอกาสอยู่เสาสอง ซึ่งมันก็มีโอกาสลุ้นอยู่ 1-2 หน แต่มาร์ตี้ทำได้ไม่ดีพอ ก่อนจะโดนเปลี่ยนออก เกือบจะทำประตูได้ด้วย แต่เอียงตัวยิงหลุดเสาออกไป บูคาโญ ซาก้า: 7.5 (C) วันนี้ค่อนข้างพึ่งพาการทำเกมส์บุกของซาก้ามากเป็นพิเศษ ซาก้าก็มีฝ่าเข้าไปถึงเส้นหลังได้บ้าง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เข้าจุดโฟกัสกับเพื่อน ประตูปลดล็อก 1-0 มาจากลูกเตะมุมของซาก้าที่โค้งไปชนเสา แล้วมาเด้งโดนตัวประตูวูลฟ์เข้าไป ประตูชัย 2-1 ก็มาจากการเปิดบอลของซาก้า แล้วมอสเกร่ากองหลังวูลฟ์โหม่งเข้าประตูตัวเอง วิคตอร์ เยอเคเรส: 6.0 จะโทษซาก้าว่าไม่จ่ายไม่ได้แล้ว ครึ่งแรกซาก้าเปิดบอลแบบได้เสียเลย แต่เป็นเยอเคเรสเอง ที่ช้าในจังหวะปรี่เข้าเขตโทษทำให้ชาร์จบอลจ่อๆ ไม่ถึง แม้ว่าบอลจะมาถึงเขาไม่เยอะ แต่เวลาได้บอล เยอเคเรสก็ทำได้ไม่ดีด้วย ครึ่งหลังทำได้ดีขึ้นหน่อยเวลาที่ได้บอล แล้วมีได้ลุ้นพลิกยิงหลุดเสาไปนิดเดียว ตัวสำรอง: ไมล์ส-ลูอิส สเกลลี่: 6.5 (นาทีที่ 31, ไวท์) วันนี้น้องไมล์สลงมาก็ถือว่าทำได้ดี มีจังหวะช่วยสกัดในจังหวะสำคัญๆ ในกรอบเขตโทษได้ 2-3 ครั้ง เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.5 (นาทีที่ 57, มาร์ติเนลลี่) ลงมาเกมส์รุกฝั่งซ้ายดูจะคาดหวังได้เพิ่มขึ้นชัดเจน ทรอสซาร์ก็มีโอกาสทั้งลุ้นประตูเอง และสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (นาทีที่ 57, เอเซ่) มิเกล เมริโน่: 5.0 (นาทีที่ 57, ซูบิเมนดี้) ลงมาเหม่อๆ ยังไงชอบกล เมริโน่ไม่มีสมาธิกับเกมส์เลย เพื่อนเตือนสติอยู่หลายรอบ กาเบรียล เฆซุส: 6.0 (นาทีที่ 81, เยอเคเรส) คิดว่าเฆซุสเป็นฮีโร่ คนโหม่งประตูให้ทีมนำ 2-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ภาพช้ากลายเป็นมอสเกร่าโหม่งผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง
  10. Sam Dean (The Telegraph) มิเกล อาร์เตต้า ยังคงต้องเสียผู้เล่นไปเป็นกลุ่มตามตำแหน่งอยู่เรื่อย ๆ เมื่อโปรแกรมการแข่งขันอันอัดแน่นเริ่มส่งผลกระทบ แม้ว่าจะมีข่าวดีที่ กาเบรียล เฆซุส กองหน้าบราซิเลี่ยน กลับมาลงเล่นได้ในรอบ 11 เดือน หลังผ่านการแข่งขันพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 15 นัด ในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะมีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่อาจขัดขวางอาร์เซนอลจากการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบกว่าสองทศวรรษ ปัญหาแรกคือเกมรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่นำโดยเครื่องจักรถล่มประตูอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ปัญหาที่สองอยู่ใกล้ตัวกว่านั้นมาก นั่นคือรายชื่ออาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักของอาร์เซนอลที่ดูเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด อาร์เซนอลได้รวบรวมขุมกำลังที่ทั้งลึกและมีมูลค่าสูงที่สุดชุดหนึ่งของโลก แต่ถึงแม้จะมีการวางแผนและการลงทุนอย่างรอบคอบทั้งหมดนั้น ปัญหาอาการบาดเจ็บก็ยังคงสร้างอาการปวดหัวอย่างต่อเนื่องให้กับมิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลกำลังใช้เวลาจำนวนมากไปกับการมองหาทางออกที่ทั้งอึดอัดและนอกตำรา เพื่อแก้ปัญหาความฟิตของทีม ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น เขาจำเป็นต้องใช้งาน มิเกล เมริโน ซึ่งโดยธรรมชาติเป็นกองกลาง ลงเล่นเป็นกองหน้าจำเป็น และในเกมแชมเปียนส์ลีกกับคลับ บรูช เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อาร์เตต้าก็ต้องใช้ คริสเตียน นอร์การ์ด ซึ่งเป็นกองกลางอีกคนหนึ่ง ลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กจำเป็น มันคงให้ความรู้สึกเหมือนเกมตีตัวตุ่นที่ไม่มีวันจบสิ้น เมื่อใดก็ตามที่มีผู้เล่นคนหนึ่งกลับมา ก็ดูเหมือนว่าจะมีอีกคนหนึ่งบาดเจ็บตามมา จากผู้เล่น 25 คนในทีมชุดใหญ่ของอาร์เซนอล มีถึง 17 คนที่พลาดการแข่งขันอย่างน้อยหนึ่งนัดในฤดูกาลนี้เนื่องจากอาการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย ในพรีเมียร์ลีก มีเพียงลีดส์ ยูไนเต็ดเท่านั้นที่ประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บมากกว่าอาร์เซนอล ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหา แต่ก็ยังไม่เล่าเรื่องได้แม้แต่ครึ่งเดียวสำหรับอาร์เซนอล เพราะประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือ พวกเขามักจะเสียผู้เล่นไปเป็นกลุ่ม ๆ ในตำแหน่งเดียวกัน ขุมกำลังของอาร์เซนอลแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือได้สบาย ๆ หากต้องขาดกองหน้าหนึ่งคน กองกลางหนึ่งคน และกองหลังหนึ่งคนพร้อมกัน สถานการณ์แบบนั้นจะไม่ทำให้อาร์เตต้านอนไม่หลับ แต่การต้องเสียกองหน้าถึงสามคนพร้อมกัน หรือเซ็นเตอร์แบ็กถึงสี่คนพร้อมกัน (ซึ่งเป็นสถานการณ์ในปัจจุบัน) นั้น เป็นความท้าทายที่ใหญ่กว่ามาก ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น และอาร์เซนอลจะทำอะไรได้บ้างกับปัญหานี้? ในประเด็นภาพรวมของอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ไม่มีคำตอบที่ง่ายไปกว่าการลดจำนวนแมตช์ที่ผู้เล่นต้องลงแข่งขัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ หากมีวิธีแก้ไขง่าย ๆ ที่อยู่ในการควบคุมของอาร์เซนอล ทีมแพทย์ของพวกเขา ซึ่งนำโดย นพ.ซาฟ อิกบาล ผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยทำงานกับคริสตัล พาเลซ, ลิเวอร์พูล และท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ มาก่อน คงจะแก้ปัญหานี้ไปนานแล้ว ก่อนที่มันจะทำลายเส้นทางลุ้นแชมป์ของพวกเขาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในประเด็นของอาการบาดเจ็บที่เกิดกับผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกัน มีสาเหตุที่ชัดเจนอยู่ เมื่อผู้เล่นคนหนึ่งล้มลง ภาระทางร่างกายของคนที่เข้ามาแทนก็จะเพิ่มขึ้น ตัวอย่างคือ วิคเตอร์ เยอเคเรส ซึ่งได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงถึง 13 จาก 15 นัดแรกของฤดูกาล เพราะเขาเป็นกองหน้าตัวเป้าเพียงคนเดียวที่ยังฟิตสมบูรณ์ ในขณะที่ กาเบรียล เชซุส และ ไค ฮาแวร์ตซ์ มีอาการบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย เมื่อ เยอเคเรสประสบปัญหาบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อในเดือนพฤศจิกายน ในทำนองเดียวกัน ก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ วิลเลียม ซาลิบา, คริสเตียน มอสเกรา และ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ต่างได้รับอาการบาดเจ็บเล็กน้อยถึงรุนแรงแตกต่างกันไป หลังจากที่เซ็นเตอร์แบ็กอย่าง กาเบรียล มากัลเญส ได้รับบาดเจ็บระหว่างการรับใช้ทีมชาติ “ความจริงที่ว่าคุณขาดผู้เล่นไป คุณก็ต้องใช้งานผู้เล่นคนอื่นมากขึ้น” อาร์เตต้ากล่าวในสัปดาห์นี้ “และผลที่ตามมาก็คือ มันกลายเป็นวงจรที่อันตรายมาก” ------------------------------------------------------------------------------ แฟนบอลบางส่วนที่ไม่พอใจได้ตั้งคำถามว่า การฝึกซ้อมที่ขึ้นชื่อว่าหนักหน่วงและเข้มข้นของอาร์เตต้าอาจเป็นสาเหตุหรือไม่ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลปัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างไม่แยแส โดยกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า ตารางการแข่งขันที่แน่นขนัดทำให้แทบไม่มีเวลาสำหรับการฝึกซ้อมอย่างเหมาะสมเลย ในความเป็นจริง ความรู้สึกภายในทีมสตาฟฟ์โค้ชไม่ใช่ว่าอาร์เซนอลฝึกซ้อมหนักเกินไปหรือบ่อยเกินไป แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถฝึกซ้อมได้มากพอ เอ็นกล้ามเนื้อต้องการเวลา 72 ชั่วโมงในการฟื้นตัวจากการแข่งขันจริง และอาร์เซนอลก็ลงแข่งแทบทุกกลางสัปดาห์ ตลอดทั้งฤดูกาล จึงแทบไม่มีโอกาสเลยที่ผู้เล่นของอาร์เซนอลจะได้เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเอ็นผ่านการฝึกซ้อม พวกเขาแข่ง ฟื้นตัวอยู่ไม่กี่วัน แล้วก็ต้องลงแข่งอีกครั้ง อาร์เซนอลได้ศึกษาเรื่องอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้ออย่างจริงจัง ตามที่แฟนบอลคาดหวัง หนึ่งในข้อค้นพบคือ อันตรายมักเกิดขึ้นในจังหวะที่ผู้เล่นพยายามเร่งความเร็วไปถึงระดับสูงสุดของตัวเอง เนื่องจากตารางการแข่งขันที่อัดแน่น สโมสรที่ลงเล่นในรายการยุโรปจึงไม่สามารถทำให้ผู้เล่นได้เผชิญกับแรงทางชีวกลศาสตร์เหล่านั้นอย่างสม่ำเสมอในการฝึกซ้อม ในขณะที่พวกเขายังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากเกมก่อนหน้า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การแข่งขันต้องการการใช้พละกำลังในระดับที่ไม่สามารถจำลองได้ในช่วงการฝึกซ้อมเพื่อฟื้นฟูร่างกายที่สนามซ้อม นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบของโชคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อาการบาดเจ็บหลายครั้งของอาร์เซนอลในฤดูกาลนี้เป็นผลมาจากเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ในเกม มาร์ติน โอเดการ์ด เพียงคนเดียวก็ประสบกับอาการบาดเจ็บจากการปะทะถึงสามครั้งในฤดูกาลนี้ ขณะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ และ แม็กซ์ ดาวแมน ต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าสกัดของผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ปัญหาของมอสเกรามาจากการลงพื้นอย่างผิดจังหวะ ส่วนทิมเบอร์พลาดเกมกับคลับ บรูช เพราะโดนเตะในเกมกับแอสตัน วิลลา อย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากวิธีการทำงานหรือแนวทางการฝึกซ้อม ------------------------------------------------------------------------------ แล้วแนวทางแท็กติกของอาร์เตต้าอาจมีส่วนหรือไม่? ในระบบของเขา กองหลังถูกสั่งให้ยืนไลน์สูง และด้วยเหตุนี้จึงต้องรับมือกับพื้นที่กว้าง วิงเกอร์ถูกสั่งให้วิ่งด้วยความเร็วสูงเข้าใส่ฟูลแบ็กของคู่แข่ง ขณะที่กองหน้ามีหน้าที่นำการเพรสซิ่งของทีมด้วยการไล่กดดันคู่ต่อสู้อย่างดุดัน ในฤดูกาลนี้ ผู้เล่นที่บาดเจ็บมากที่สุดคือเซ็นเตอร์แบ็กและกองหน้า ส่วนกองกลางตัวกลางซึ่งเล่นด้วยความระเบิดพลังน้อยกว่า กลับปลอดภัยกว่า อีกปัจจัยที่น่าสนใจคือ อาร์เซนอลตั้งใจคัดเลือกผู้เล่นที่มีประวัติความพร้อมในการลงสนามที่ดีตลอดอาชีพการค้าแข้ง เมื่อพิจารณาการเซ็นสัญญา ความแข็งแกร่งทางร่างกายเป็นปัจจัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ด้านกลับของเหตุผลนี้ก็คือ ผู้เล่นประเภทดังกล่าวอาจย้ายมาร่วมทีมอาร์เซนอลพร้อมกับการใช้งานสะสมมาแล้วจำนวนมาก มีความเสี่ยงหรือไม่ที่ความเหนื่อยล้าสะสมตลอดหลายปีจะเพิ่มโอกาสในการบาดเจ็บ? มันย่อมเป็นไปได้ คำถามและทฤษฎีทั้งหมดนี้ตอกย้ำความจริงพื้นฐานของเรื่องนี้ นั่นคือ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ได้อย่างแม่นยำว่าอาการบาดเจ็บจะเกิดขึ้นเมื่อไรและอย่างไร สำหรับอาร์เซนอล ความหวังคือ “วงจรอันตราย” ที่กำลังเกิดขึ้นนี้จะสิ้นสุดลงในเร็ววัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้อาร์เตต้าได้หมุนเวียนผู้เล่น ปกป้องนักเตะของเขา และใช้งานศักยภาพอันมหาศาลของขุมกำลังชุดนี้ได้อย่างเต็มที่
  11. ในการผ่านค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเรื่องดีๆ อีกครั้งในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก… มันเป็นค่ำคืนที่ดีมากๆ และผมคิดว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะชนะเกมเยือนในแชมเปียนส์ลีก เราทำได้ทั้งที่มีผู้เล่นบาดเจ็บหายไปหลายคน โดยเฉพาะในแนวรับ และแม้แต่เมื่อเช้านี้เรายังเสียผู้เล่นไปอีกสองคน ผมชอบวิธีที่ทีมตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ ทั้งในแง่ทีมและรายบุคคล ตัวอย่างเช่น สิ่งที่คริสเตียน นอร์การ์ดทำ มันบอกทุกอย่างถึงคุณค่าที่เขามอบให้เรา ด้วยทัศนคติของเขา ด้วยความทุ่มเทของเขา ในวิธีที่เขาเตรียมตัวและพร้อมลงสนามด้วยฟอร์มระดับนั้น ดังนั้นโดยรวมแล้ว ถือเป็นค่ำคืนที่ดีมากจริงๆ เรื่องการกลับมาของกาเบรียล เชซุส… ผมมีความสุขมากสำหรับเขา คุณก็น่าจะเห็นว่าเราทุกคนรักเขามากแค่ไหน มันเป็นการเดินทางที่ยากลำบากและยาวนานมาก ตลอด 11 เดือนที่ผ่านมาเขาต่อสู้กับอาการบาดเจ็บที่หนักมากอีกครั้ง และการได้เห็นเขากลับมาพร้อมรอยยิ้ม พลังงาน และคุณภาพที่เขาแสดงออกมาในเกมแรกของเขากับเรา มันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจจริงๆ และพวกเราทุกคนดีใจกับเขามาก เชซุสจะเป็นกำลังสำคัญของทีมในฤดูกาลนี้หรือไม่… ใช่ และยิ่งเขายังคงเล่นได้แบบที่ทำอยู่ พร้อมกับพลังงานที่เขาใส่ลงไปในการฝึกซ้อม ผมคิดว่าเขานำสิ่งที่แตกต่างบางอย่างมาให้ทีม และผมดีใจมากที่เห็นแบบนั้น รวมถึงเพื่อเขาเองด้วย เพื่อให้ความมั่นใจของเขาเติบโตขึ้น เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมรู้สึกถึงเขาด้วย เพราะมีบางคนที่ยังไม่เคยเล่นร่วมกับเขา กาบีมีคุณสมบัติพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้เขาสามารถเชื่อมโยงทุกคนรอบตัวเขาได้ทันที และนั่นคือสิ่งที่ทีมเราต้องการ และมันจะทำให้เราดียิ่งขึ้น เชซุสช่วยเพิ่มโปรไฟล์กองหน้าที่แตกต่างไปจากวิคตอร์ เยอเคเรสหรือไม่… ใช่ ผมคิดว่าทั้งคู่แตกต่างกันอยู่บ้าง ทั้งคู่มีคุณภาพที่สุดยอด แต่ก็มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกันในสิ่งที่พวกเขานำมาสู่ทีม รวมถึงการเล่นรายบุคคลและความสัมพันธ์กับผู้เล่นรอบข้าง ดังนั้น การมีนักเตะที่แตกต่างกันสองคนถือว่าเป็นเรื่องดีมาก เกี่ยวกับโนนี มาดูเอเก… ประตูที่เหลือเชื่อจริงๆ เมื่อคุณพูดถึงคุณภาพเฉพาะตัว การเล่นเฉพาะตัว ช่วงเวลามหัศจรรย์ นั่นแหละคือมัน นักเตะที่สามารถรับบอลจากระยะไกล ลากผ่านผู้เล่นหลายคน และจบสกอร์ด้วยคุณภาพและพลังแบบนั้น เช่นเดียวกับมาร์ติเนลลี ผมคิดว่าในระดับนี้ ถ้าคุณอยากชนะเกม คุณต้องการผู้เล่นที่สามารถก้าวขึ้นมาทำสิ่งที่แตกต่างได้ ผมจึงมีความสุขมาก เพราะตอนนี้เรามีผู้เล่นตัวรุกบางคนกลับมาแล้ว และคุณก็ดูออกว่าเราทำได้ดีขึ้นแค่ไหน เรื่องการแข่งขันแย่งตำแหน่งระหว่างโนนีและบูคาโย ซาก้า… ใช่ ต้องรักษามาตรฐาน ทั้งคู่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และมันยอดเยี่ยมมากเพราะเราจะต้องใช้งานพวกเขา เราเล่นทุกสามวัน และนักเตะที่สด มีความกระหาย และเข้าใจว่าต้องเล่นให้ได้ในระดับนี้ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เรากำหนดไว้ มันเป็นสิ่งที่ดีมาก เกี่ยวกับผลงานของมาดูเอเก… มันเกี่ยวกับความสม่ำเสมอ นักเตะทุกคนที่เล่นในตำแหน่งนั้นก็เหมือนกัน เราต้องรักษามาตรฐานนั้นและเล่นอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เกมเดียว สองเกม สามเกม แต่ต้องทำได้ 10 เกมติด เล่นทุกสามวัน และนั่นคือระดับที่เราต้องไปให้ถึง ได้คุยกับโน่นีเกี่ยวกับความสม่ำเสมอหรือยัง… ใช่ และใน 10 จังหวะติดต่อกัน นั่นคือระดับที่เกมต้องการ ทุกๆ จังหวะ ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ และนั่นคือความท้าทายของพวกเขา การลุกขึ้นกลับมาหลังผลการแข่งขันกับแอสตัน วิลล่าเมื่อวันเสาร์… ใช่ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการหลังความพ่ายแพ้ คือการกลับมาชนะให้ได้ และดูวิธีที่พวกเขาทำ คุณต้องเจอความท้าทายแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อเราต้องเสียผู้เล่นไปอีกสองคน แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของเรา มาตรฐานที่เราตั้งไว้ และความสามารถของทีมในการเอาชนะในหลายวิธี วันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากของสิ่งนั้น มาร์ลี แซลมอน ที่ได้ลงประเดิมทีมอาร์เซน่อล… จริงๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เราต้องคิดหนัก เพราะเราต้องส่งคริสเตียน [นอร์การ์ด] ลงเล่นด้วย และเรากำลังเจอกับทีมที่ดีมาก และมีผลการแข่งขันในบ้านที่ดีในแชมเปียนส์ลีก แต่เรารู้ว่าต้องใช้งานเขาในบางจังหวะ เขาพร้อมแล้ว เขาเตรียมตัวมาดี เขาเล่นได้ทั้งเซ็นเตอร์แบ็กและฟูลแบ็ก ผมดีใจมาก เขายังเด็กมาก แค่ 16 ปี และเขาลงเล่นในแชมเปียนส์ลีก มันเป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขาเช่นกัน ความภาคภูมิใจที่ได้ให้โอกาสนักเตะดาวรุ่ง… ยอดเยี่ยม นั่นคือสิ่งที่เราต้องการ นั่นคือเหตุผลที่เราทุ่มเททำงานอย่างหนัก และทุกคนในอะคาเดมีก็ใส่ความมุ่งมั่นลงไป และต้องใช้เวลานานในการเตรียมพรสวรรค์เหล่านี้ ดังนั้นต้องขอบคุณพวกเขา เพราะเมื่อเราต้องการ พวกเขาก็พร้อมที่จะลงเล่นและทำผลงานได้ดี นั่นคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมา คาดหวังไหมว่าจะชนะ 6 นัดรวดในยุโรป… ไม่เลย และถ้ามองย้อนกลับไปด้วย จะเห็นว่าเราขาดผู้เล่นไปมากมาย แต่สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงอะไร และเป็นเกมที่แตกต่างกันมาก แต่ละเกมไม่เหมือนกันเลย เกมนี้ต่างจากเกมกับบาเยิร์น มิวนิค ต่างจากเกมที่บิลเบา หรือเกมในบ้านของเรา แต่ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทีมสามารถปรับตัวเข้ากับบริบทต่างๆ ได้ และมันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ว่าเราสามารถมาที่สนามแห่งนี้และชนะได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก
  12. UEFA CHAMPION LEAGUE LEAGUE 2025/26 Club Brugge 0 - 3 Arsenal Wed 10 December 2025, 03.00 น. GOAL: 0-1 โนนี่ มาดูเอเก้ (นาทีที่ 25) 0-2 โนนี่ มาดูเอเก้ (นาทีที่ 47, ซูบิเมนดี้) 0-3 กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (นาทีที่ 56) ดาบิด ราย่า: 7.5 ดูจากสกอร์ที่เกิดขึ้นอาจจะมองว่าง่าย แต่ครึ่งแรกก็ต้องให้เครดิตกับราย่า ในจังหวะเซฟช่วยทีมไว้ได้ 2-3 หน โดยเฉพาะเซฟลูกหลุดเดี่ยวของสแตนโควิช เปียโร่ อินคาปิเอ้: 7.0 ช่วงนี้เซนเตอร์แบ็คเจ็บไปเกือบหมด อินคาปิเอ้ก็ต้องสเต็ปอัพตัวเองขึ้นมา จังหวะขึ้นไปเล่นลูกตั้งเตะ อินคาปิเอ้ได้ลุ้น 2 ครั้งเน้นๆ หนึ่งยิงไปชนเสา อีกครั้งได้โหม่งแต่ถูกเคลียร์บนเส้นประตู ส่วนเกมส์รับก็ถือว่าทำได้ดี ในจังหวะที่ตามซ้อนให้กับไมล์ส คริสเตียน นอร์การ์ด: 6.5 ได้รับโอกาสลงสนามตัวจริง แต่นอร์การ์ดต้องมาเล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็คจำเป็นในเกมส์นี้ อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ภาพรวมนอร์การ์ดก็ถือว่าลงมาช่วยแก้ไขสถานการณ์การขาดเซนเตอร์ได้โอเค ไมล์ส-ลูอิส สเกลลี่: 6.0 ไมล์สก็ยังดูเป็นจุดเปราะบางในแผงแบ็คโฟร์โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรก เขายังรับมือกับสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่งได้ดีกว่านี้ เขาปล่อยให้ คาร์ลอส ฟอร์บส์ ลากผ่านไปง่ายๆ เลย และการยืนตำแหน่งบางครั้งก็ยังไม่ดี ครึ่งหลังโอเคขึ้นมาหน่อย เกมส์รับไม่หลวมมาก เบน ไวท์: 6.5 ช่วงนี้ได้ลงสนามต่อเนื่องเลยสำหรับไวท์ การเติมขึ้นไปเติมเกมส์รุกก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เกมส์รับก็รับผิดชอบพื้นที่ของตัวเองได้ดี ไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไร มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 7.0 คาดว่าจะได้พัก แต่สุดท้ายก็ต้องลงเล่นเหมือนเดิมสำหรับซูบิเมนดี้เมื่อแนวรับพากันเจ็บไปหลายคน การเก็บบอลสอง และก็มีลงไปช่วยเคลียร์บอลในกรอบเขตโทษได้ดี ประตูที่สองเป็นซูบิเมนดี้ ที่เติมสูงไปเปิดให้ให้โนนี่ได้โขกประตูที่สองแบบโล่งๆ มิเกล เมริโน่: 6.5 กลับมาประจำการในตำแหน่งแดนกลาง จังหวะเชื่อมบอลตรงกลางก็มี ลูกบู๊ก็มี แล้วมีถอยลงไปช่วยคู่เซนเตอร์ได้บ้างจังหวะ แต่บางครั้งสกัดได้แล้ว เมริโน่แกชอบเคลียร์ไม่ค่อยขาด ทำแอบหวาดเสียวเวลาเมริโน่ครองบอลในกรอบเขตโทษตัวเอง มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.5 (C) โอเดการ์ดเกมส์นี้ถอยลงมารับบอลต่ำ แล้วหลายครั้งที่เขาเป็นตัวออกบอลจากแนวลึก ช่วงต้นเกมส์มีจังหวะจ่ายสวยๆ ขึ้นหน้า บทบาทกับเกมส์ก็มีอยู่เรื่อยๆ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 7.0 ครึ่งแรกมาร์ตี้เล่นไม่ออก จังหวะหนึ่งต่อหนึ่งกับแบ็คคลับบรูซ เขาเอาชนะไม่ได้เลย แต่ครึ่งหลังยกระดับขึ้นมาดีขึ้น แล้วเขายังคงความร้อนแรงในยูซีแอลได้ต่อเนื่อง เมื่อเป็นคนยิงประตูหนีห่าง 3-0 จากลูกยิงนอกกรอบเขตโทษ พอทำประตูได้ความมั่นใจมาทันที โนนี่ มาดูเอเก้: 8.0 ลากมาเองก่อนจะยิงเสียบคานเข้าไปอย่างสวยงามให้อาร์เซน่อลบุกนำ 1-0 โนนี่กดดันแนวรับของฝั่งเจ้าถิ่นได้ดี ท้ายครึ่งแรกเกือบยิงได้อีกลูกแต่ติดเซฟ แต่ต้นครึ่งหลังก็เป็นโนนี่ที่มาบวกเพิ่มอีกประตูให้ทีมหนีห่าง 2-0 จากลูกโหม่งโล่งๆ วิคตอร์ เยอเคเรส: 5.5 มีโอกาสลุ้นประตู 1-2 ครั้งจากลูกโหม่งแต่ก็ไม่ได้ดีพอที่จะเป็นประตู ส่วนร่วมกับเกมส์น้อยมากๆ พอหายเจ็บกลับมา ก็ต้องกลับมาเรียกจังหวะกันใหม่ ตัวสำรอง: กาเบรียล เฆซุส: 6.0 (นาทีที่ 63, เยอเคเรส) หายหน้าหายตาไปเกือบปีจากการไปผ่าหัวเข่า เฆซุสได้ลงมาเล่นช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย เพื่อนๆ ก็พยายามจะปั้นให้ทำประตูได้ เขามีโอกาสยิงอยู่ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ใกล้เคียงสุดคือลูกที่ซัดไปชนคาน ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.0 (นาทีที่ 63, อินคาปิเอ้) บูคาโญ ซาก้า: 6.0 (นาทีที่ 71, มาดูเอเก้) อีธาน วาเนรี: 6.0 (นาทีที่ 71, โอเดการ์ด) ช่วงท้ายมีโอกาสลุ้นประตูสองครั้งติดๆ กัน แต่ลูกยิงทั้งสองครั้งของอีธาน ติดเซฟผู้รักษาประตูทั้งหมด มาร์ลี่ แซลมอน: 6.0 (นาทีที่ 83, ไวท์) เจ้าหนูวัย 16 ปี ได้ประเดิมสนามเกมส์แรกกับทีมชุดใหญ่ของอาร์เซน่อล และในเวทีแชมเปี้ยนลีกด้วย
  13. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์เยือนคลับ บรูซ ในคืนวันพุธนี้ ปฏิกิริยาต่อความพ่ายแพ้ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา: มันแปลกนะ เพราะเราไม่ได้แพ้บ่อยนัก นั่นก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องย้อนกลับมาคิดและมองภาพรวมเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังทำ ก่อนอื่นเลย เมื่อคุณเห็นปฏิกิริยาของนักเตะตอนที่พวกเขานอนอยู่กับพื้นและเจ็บปวด และสิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนั้น ท้ายที่สุดแล้ว คุณจะไม่รู้เลยว่าพวกเขาทุ่มเทไปมากแค่ไหน และพวกเขาต้องการมันมากเพียงใด มันเป็นเรื่องยาก แต่ก็เป็นภาพสะท้อนของตัวเราเองและสิ่งที่เราต้องการจะไปให้ถึง และสิ่งนี้ต้องช่วยให้เราเป็นทีมที่ดีขึ้น เรียนรู้บทเรียน และเห็นคุณค่าสิ่งที่เรากำลังทำ ก่อนอื่นคือ ความยากลำบากทั้งหมดที่เรามีตั้งแต่ต้นฤดูกาล ทั้งในแชมเปียนส์ลีกและพรีเมียร์ลีก เราอยู่ในตำแหน่งที่เราต้องการจะเป็น และถึงเวลาที่เราต้องเรียนรู้ทุกวันว่าความแตกต่างมันเล็กมาก ๆ การได้ลงเล่นอีกครั้งในเวลาไม่นานหลังเกมก่อนหน้า: แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อคุณเล่นในรายการอย่างแชมเปียนส์ลีก และเราต้องการทำงานต่อจากสิ่งที่เราเริ่มไว้ในห้าเกมแรก พรุ่งนี้เราจะมีเกมเปิดบ้านกับคู่แข่งที่ทำผลงานได้ดีมาก พวกเขามีผู้จัดการทีมคนใหม่ และผู้จัดการทีมใหม่มักจะนำพลังงานใหม่ ๆ ความคิดใหม่ ๆ เข้ามา เราก็เตรียมรับมือสิ่งนั้นไว้แล้ว และพรุ่งนี้เราต้องแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเรายังอยู่ในระดับสูงสุด และต้องดีกว่าคู่แข่งในเกมนี้ กาเบรียล เฆซุส ที่เข้ามาแทนแม็กซ์ ดาวแมน: ใช่ ก่อนอื่นเลย น่าเสียดายมากที่แม็กซ์ (ดาวแมน) ได้รับบาดเจ็บเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและต้องออกจากสนาม เขาเข้ารับการสแกนแล้ว และเขาจะต้องพักเป็นสัปดาห์ ๆ แล้วเราก็มีสถานการณ์ของกาบี (เฆซุส) ซึ่งเดิมเราคาดว่าเขาจะกลับมาซ้อมได้ช่วงปลายเดือนธันวาคม แต่กาบีกระตุ้นตัวเองทุกวัน เขาบอกทุกคนว่า “ผมจะกลับมาก่อน ก่ อ น และก่อนกว่าเดิม” และเขาก็ทำได้จริง ต้องขอบคุณเขาและทีมแพทย์ที่ทำงานกันมาตลอดหลายเดือน เราจึงสามารถสลับรายชื่อได้ และเราก็ทำไปแล้ว ใช่ ด้านหนึ่งคุณเห็นแม็กซ์ในสถานการณ์นั้น แต่อีกด้านหนึ่งคุณเห็นความดีใจและความสุขของกาบีที่ได้กลับมาเล่นในแชมเปียนส์ลีก เกี่ยวกับ เดแคลน ไรซ์, วิลเลียม ซาลิบา และ เลอันโดร ทรอสซาร์: ไม่เดแคลนไม่สบาย เขาป่วยหนักหลังเกม และไม่ได้เดินทางมากับเรา วิลเลียมก็ยังไม่พร้อม และเลโอก็ได้รับการกระแทกอีกครั้งบริเวณเดิมที่เคยมีปัญหา ผมคิดว่าคงไม่ต้องพักนาน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมาที่นี่ได้ คลับ บรูช ที่มีผู้จัดการทีมคนใหม่: แน่นอนว่าเราดูทุกเกม วิเคราะห์ผู้จัดการทีมและรูปแบบของเขา เกมล่าสุดที่พวกเขาเล่นทั้งในแชมเปียนส์ลีกและในลีก ตอนบ่ายเราก็ได้รับข่าวว่าพวกเขามีโค้ชใหม่ ดังนั้นเราต้องปรับตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอสถานการณ์แบบนี้ ก็โอเค เราต้องคิดถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ ดูประวัติของเขา และโฟกัสมากกว่านั้นในสิ่งที่เราต้องทำ เราต้องปรับตามสิ่งที่พวกเขาทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปแบบการเล่นหรือผู้เล่นที่เขาจะเลือก จากนั้นเราต้องโฟกัสที่ตัวเอง ว่าเราต้องทำอะไรเพื่อให้ดีกว่าพวกเขา ความน่าหงุดหงิดของปัญหาอาการบาดเจ็บ: ใช่ มากทีเดียว ผมหมายถึง การเสียแม็กซ์อีกครั้งมันไม่ดีอยู่แล้ว เลโอก็กำลังกลับมาและเราต้องค่อย ๆ เพิ่มนาทีให้เขา วิลลี่ยังก็ไม่พร้อม เราไม่ได้มีกาบิเบิ้ง (กาเบรียล มาร์ติเนลลี่) และยังมีผู้เล่นบางคนที่ลงได้เพียงไม่กี่นาที เช่น ริคกี้ (คาลาฟิออรี) ที่ลงเล่นเกมก่อนหน้า แต่นี่คือสถานการณ์ที่เราต้องรับมือมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ตอนนี้เราอยู่ในเดือนธันวาคม ก็เกือบห้าเดือนแล้ว ซึ่งถือว่ารับมือได้ดีมาก และเราจะเดินหน้าต่อไป สาเหตุของอาการบาดเจ็บ: ไม่ใช่เพราะการซ้อม เพราะเราแทบไม่ได้ซ้อมเลย เราไม่มีเวลา ดังนั้นการซ้อมไม่ใช่ปัญหา แต่แน่นอนว่าการที่คุณขาดผู้เล่นไป มันทำให้ผู้เล่นคนอื่นต้องแบกรับภาระมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นผลกระทบที่อันตรายมาก และเรายังมีผู้เล่นบางคนที่เจ็บยาวตั้งแต่ต้นฤดูกาล แต่มันคือบททดสอบของทีม และจนถึงตอนนี้เราก็รับมือได้ดีมาก ความกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของแม็กซ์ ดาวแมน: มันเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางอาชีพ ผมหมายความว่าไม่ช้าก็เร็ว เมื่อคุณเล่นในระดับนี้ เล่นในตำแหน่งของเขา เล่นในสไตล์ของเขา มันต้องเกิดขึ้น และมันก็เกิดขึ้นแล้ว ก็ใช่ มันไม่ดี แต่เขาจะพักเป็นไม่กี่สัปดาห์ และมันอาจแย่กว่านี้ก็ได้ ใช้เวลานี้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ทั้งในเรื่องการฝึกซ้อมอาชีพ นิสัย การพัฒนาร่างกาย และความเข้าใจในเกม บางครั้งเมื่อคุณต้องห่างจากเกม คุณจะรู้สึกว่า “ฉันขาดมันไม่ได้เลย และมันสำคัญมากแค่ไหน” ก็ใช้ช่วงเวลานี้ทบทวนตัวเอง และถ้ากลับมาดีขึ้น ก็เดินหน้าต่อ จะเสริมทัพในเดือนมกราคมหรือไม่: ตอนนี้เรามุ่งโฟกัสที่การเรียกผู้เล่นให้กลับมา และหวังว่าจะเป็นเรื่องของสัปดาห์เท่านั้น เรารู้ว่าสัปดาห์เหล่านี้สำคัญมาก เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาที่หลายอย่างเริ่มถูกตัดสิน และหวังว่าเราจะมีผู้เล่นกลับมา การมีส่วนร่วมของ คริสเตียน นอร์การ์ด: ใช่ ผมพอใจมากกับวิธีที่เขาเข้ามาสู่สโมสร โดยเฉพาะสิ่งที่เขาต้องทำในหลาย ๆ ด้าน ไม่ใช่แค่ในสนาม แต่รวมถึงบทบาทของเขานอกสนามด้วย เขาทำได้ยอดเยี่ยมตามที่เราคาดหวัง ผมคิดว่ามันคล้ายกับเบน ไวท์ หรือ ไมลส์ (ลูอิส-สเคลลี) ที่ไม่ได้ลงเล่นมากเท่าที่คาดไว้ แต่พวกเขาก็ยังมีทัศนคติที่ดีมาก การเลือกผู้เล่นหนึ่งคนที่อยากให้ไม่บาดเจ็บเลย: ผมปล่อยให้คุณเป็นคนตัดสินดีกว่า ผมคิดว่าคุณคงสนุกกับการพูดคุยเรื่องนี้ ช่วงโปรแกรมนี้เหมาะแก่การโรเตชันหรือไม่: เราพยายามให้ผู้เล่นอยู่ในสภาพดีที่สุดสำหรับการเล่นในระดับสูง เช่น อาการบาดเจ็บของวิคตอร์ (เยอเคเรส) ที่ทำให้เราขาดเขาไปสองเกม ทุกครั้งที่เขากลับมาโดยไม่มีปรีซีซั่น เขาก็มักจะเจ็บอีก มิเกล (เมริโน) ต้องรับบทบาทนั้นเพราะเลโอไม่ฟิต หรือมาร์ติเนลลีไม่ฟิต คุณเห็นแล้วว่าในเกมล่าสุดมิเกลต้องการความช่วยเหลือเพราะเขาหมดแรง นั่นคือผลจากการไม่มีผู้เล่นเพียงพอ ข้อดีคือจนถึงตอนนี้เราจัดการมันได้ดี เราจะมีสัปดาห์ว่างหลังจากนี้ ซึ่งเราไม่ได้มีมานานมากแล้ว เป็นทีมที่มีอาการบาดเจ็บมากเป็นอันดับสองในพรีเมียร์ลีก: ผมคิดว่าคุณต้องแยกประเภทของอาการบาดเจ็บออกจากกัน บางรายเป็นอาการบาดเจ็บยาว และเป็นการบาดเจ็บรุนแรงโดยเฉพาะผู้เล่นสำคัญที่ต้องพักนาน นี่คือสิ่งที่เราตรวจสอบตลอดเวลา เราลงเล่นหลายเกมโดยมีผู้เล่นขาดหายไปหลายคน ซึ่งทำให้เกิดความกดดันและนำไปสู่อาการบาดเจ็บเพิ่มเติม เรากำลังพยายามอย่างหนัก และผมพอใจมากกับสิ่งที่ทีมแพทย์และทุกคนพยายามทำร่วมกัน บางครั้งเราก็แค่ต้องการให้โชคเข้าข้างเราบ้าง สิ่งที่เห็นจากการวิเคราะห์อาการบาดเจ็บ: มันไม่ใช่แค่ฤดูกาลเดียว มันเกี่ยวกับผู้เล่นบางคนที่ลงเล่นมากเกินไป และคุณต้องใช้พวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่วนบางราย เมื่อคุณบาดเจ็บหนึ่งครั้ง คุณก็มีโอกาสบาดเจ็บซ้ำอีก นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในบางกรณี เรากำลังจัดการมันอยู่ ผู้เล่นถูกซ้อมหนักเกินไปหรือไม่: ไม่เลย เพราะเราแทบไม่ได้ซ้อม วันนี้เราซ้อมกันแค่ 20 นาที ดังนั้นมันไม่ใช่เพราะซ้อมหนักเกินไปแน่นอน โอกาสของ วิคตอร์ เยอเคเรส: ใช่ เราต้องจัดการเวลาลงเล่นของเขาต่อไป เขาเล่นไป 45 นาทีในเกมล่าสุด ก็ต้องดูว่าเป็นอย่างไรในวันพรุ่งนี้ การฟื้นตัวของ เดแคลน ไรซ์: ผมคิดว่าเขาต้องการเตียงมากกว่าแสงแดด เพราะเขารู้สึกแย่มาก เขาจะได้พักอีกสองสามวันเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว แต่วันนี้เขาก็อยากลงเล่นมาก แต่โชคร้ายที่เขาทำไม่ได้
  14. PREMIER LEAGUE LEAGUE 2025/26 Aston Villa 2 - 1 Arsenal Sat 6 December 2025, 19.30 น. GOAL: 1-0 แมตตี้ แคซ (นาทีที่ 36) 1-1 เลอันโดร ทรอสซาร์ (นาทีที่ 53) 2-1 บูเอนเดีย (นาทีที่ 90+5) ดาบิด ราย่า: 7.0 ครึ่งแรกมีจังหวะซูเปอร์เซฟลูกยิงของวัตกิ้นส์ที่ใครเห็นก็ว่าเข้า ปลายครึ่งแรกมาโดนยิงจนได้ ครึ่งหลังก็มีจังหวะซูปเปอร์อีกหน แต่สุดท้ายจากบอลขลุกขลิกหน้าประตูอาร์เซน่อลมาเสียประตูช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย ราย่าก็อุตสาห์เซฟจังหวะแรกไว้ได้แล้ว เปียโร่ อินคาปิเอ้: 7.0 ก็เป็นเกมส์ที่ดีของอินคาปิเอ้ เขามีจังหวะช่วยบล็อกลูกยิงของฝั่งวิลล่าเอาไว้ได้หลายครั้ง แม้จะมีปัญหาบางกับจังหวะจ่ายบอลขึ้นหน้า แต่เขาก็ดูเป็นคนที่ดูดีสุดในแผงหลังวันนี้ของทีม ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.5 ก็ต้องลงมาเล่นเซนเตอร์แบ็คต่อจากนัดก่อน เพราะซาลิบายังไม่กลับมา และมอสเกร่าดูเหมือนจะต้องพักยาว การแย่งลูกกลางอากาศทิมเบอร์ดูเสียเปรียบอยู่บ้าง แต่ปัญหาของทิมเบอร์พอมาเล่นตรงนี้คือเขามุทะลุเกินไป เสี่ยงแบบไม่จำเป็น จนพลาดหลุดตำแหน่งบ้าง ต้องเล่นให้นิ่งกว่านี้ ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.0 ครึ่งแรกแม็คกินส์ลากคาลาฟิออรีต้องตามมาประกบด้านใน เปิดพื้นที่ให้แบ็คเติมขึ้นตรงที่ว่าง แล้วเอเซ่ก็ตามไม่สุด เป็นเหตุให้แคซหลุดไปโล่ง 2 หนแล้วหนึ่งในนั้นคือการเสียประตู ท้ายๆ คาลาฟิออรีดูจะยุบเหมือนกัน เจอทางวิลล่าเจาะต่อเนื่องตั้งแต่ที่เขาโดนใบเหลือง ซึ่งทำให้เกมส์หน้าเขาจะติดโทษแบนหนึ่งนัด เบน ไวท์: 6.0 ลงเป็นตัวจริงในเกมส์ลีกเป็นนัดที่สองติดต่อกัน เกมส์รับก็ต้องเจองานหนักทีเดียวที่มีมอร์แกน โรเจอร์ กับการเติมเกมส์ของแมนเซ่น จังหวะเติมขึ้นไปก็พอมี แต่จังหวะเปิดไม่ค่อยได้ลุ้นเท่าไร มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 6.0 วิลล่าตัดตอนการสู้กับอาร์เซน่อลตรงกลางสนาม ด้วยการวางบอลยาวขึ้นหน้าแล้วรอเก็บบอลจังหวะสอง ครึ่งหลังอาจจะมีบอลให้เร็วมากขึ้น แต่บทบาทเจือจางไปหน่อยสำหรับซูบิเมนดี้ในเกมส์นี้ เดแคลน ไรซ์: 7.0 ผ่านความฟิตลงสนามเป็นตัวจริงให้กับทีมได้ ครึ่งแรกบทบาทของไรซ์ดูไม่ค่อยเยอะ แต่ก็มีจังหวะบล็อกลูกยิงของแคซช่วยทีมได้ทัน ประตูตีเสมอ ก็เริ่มจากเขาที่ตัดบอลจากโอนาน่าในแดนของวิลล่าได้ มาร์ติน โอเดการ์ด: 7.0 (C) โอเดการ์ดช่วยลำเลียงบอลขึ้นหน้าได้ แต่บอลทะลุทะลวงทีเด็ดเราแทบไม่ได้เห็นจากโอเดการ์ด จะมีก็แค่ที่แทงให้ซาก้าหลุดไปเปิดให้เอเซ่ยิงเข้าไป แต่ซาก้าล้ำหน้าไปก่อน ครึ่งหลังโอเดการ์ดมีบทบาทกับเกมส์มากขึ้นเยอะเลย เขามีส่วนในการเข้าทำอยู่หลายครั้ง รวมถึงเกือบทำประตูได้ด้วย แต่มาร์ติเนซบินปัดปลายมือได้หวุดหวิด เอเบเรซี่ เอเซ่: 5.0 ขยับออกมาเล่นริมเส้นฝั่งซ้าย สิ่งที่เอเซ่ต้องปรับปรุงคือเรื่องเกมส์รับคือเขาตามไม่สุด อย่างลูกแรกที่เสีย เอเซ่ ไม่ได้ระวังแคซที่อยู่ด้านหลังพอเห็นก็ไม่ทันแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีสัญญาเตือนมาแล้วหนหนึ่ง บูคาโญ ซาก้า: 7.0 เป็นตัวรุกคนเดียวในเกมส์นี้ที่สามารถกดดันแนวรับของแอสตัน วิลล่าได้เป็นระยะๆ ครึ่งแรกมีโอกาสลุ้นประตูอยู่ 2-3 หน และเอาชนะแบ็คของวิลล่าจนหลุดไปถึงเส้นหลัง ประตูตีเสมอ 1-1 ก็เป็นซาก้าที่หลุดทะลุไปเปิดที่เส้นหลัง ก่อนบอลจะทะลักไปถึงทรอสซาร์ที่เสาสอง มิเกล เมริโน่: 5.0 ยังได้รับความไว้วางใจให้ลงเป็นกองหน้าตัวเป้าต่อ และเล่นมาต่อเนื่องแทบไม่ได้พัก ซึ่งวันนี้เมริโน่พลิกบอล พักบอลไม่ได้เลย เมื่อเจอผู้เล่นวิลล่าเข้าถึงตัวเร็ว และเล่นหนักใส่ ช่วงพักครึ่งโดนเปลี่ยนตัวออกไป ตัวสำรอง: เลอันโดร ทรอสซาร์: 7.0 (นาทีที่ 46, เอเซ่) ลงมาเล่นในครึ่งหลังแล้ว ทรอสซาร์สร้างอิมแพ็คได้แบบทันที เขาเป็นคนที่ยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับทีมได้สำเร็จ ก่อนหน้านั้นก็ได้วอลเลย์หลุดเสาไปนิดเดียว อีกครั้งที่พิสูจน์ว่าทรอสซาร์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตำแหน่งปีกซ้ายตอนนี้ วิคตอร์ เยอเคเรส: 5.5 (นาทีที่ 46, เมริโน่) ลงมาคึกแค่ช่วง 10-15 นาทีเท่านั้นสำหรับเยอเคเรส แต่หลังจากนั้นจมหายไปจากเกมส์ จังหวะปะทะดูเสียเปรียบกับผู้เล่นวิลล่าตลอด ทำให้เก็บบอลแดนหน้าไม่ได้เลย โนนี่ มาดูเอเก้: 6.0 (นาทีที่ 79, ซาก้า) ไมล์ส-ลูอิส สเกลลี่: N/A (นาทีที่ 86, คาลาฟิออรี) กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: N/A (นาทีที่ 86, ทรอสซาร์)
  15. RMC Sport รายงานว่า: อายูบ บูอัดดี ผู้ซึ่งทำผลงานโดดเด่นกับลีลล์ กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากหลายสโมสรใหญ่ในยุโรป โดยอาร์เซน่อลดูมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเดินหน้าคว้าตัว ขณะเดียวกันเชลซีและสโมสรในพรีเมียร์ลีกอื่นๆ ก็จับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนเปแอสเช (PSG) นั้นกำลังติดตามความเคลื่อนไหว แต่ยังไม่ได้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ ในบรรดาสโมสรเหล่านั้น อาร์เซน่อลกำลังเดินหน้าอย่างหนักเพื่อคว้าตัวนักเตะ ทีมจากลอนดอน เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่างเชลซี พร้อมจะยื่นข้อเสนอราว 45 ล้านยูโร เพื่อดึงตัวมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส U21 รายนี้ในเดือนมกราคม อันเดรีย แบร์ต้า ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซน่อล ได้ติดต่อกับตัวแทนของนักเตะแล้ว และต้องการเร่งการเจรจา เพราะรู้ดีว่าการแข่งขันแย่งลายเซ็นของเขาจะทวีความเข้มข้นขึ้น ด้วยสัญญาที่เหลืออยู่หนึ่งปีครึ่ง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ให้ความสนใจเช่นกัน สโมสรจากปารีสชื่นชอบสไตล์การเล่นของเขา แต่ต้องรอดูว่าแชมป์ยุโรปจะพร้อมยื่นข้อเสนอในช่วงซัมเมอร์หรือไม่ หากมีนักเตะย้ายออก (ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีแผน) หรือมีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้น มิดฟิลด์รายนี้ก็อาจกลายเป็นเป้าหมายหลักทันที ด้านต้นสังกัดลีลล์ต้องการเก็บนักเตะไว้ในตลาดหน้าหนาวนี้ และหวังจะต่อสัญญาออกไปอีก 2 ปีจนถึงปี 2029 การเจรจากำลังดำเนินอยู่ และทางสโมสรมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ประธานสโมสร โอลิวิเยร์ เลอต็อง คาดหวังว่าจะได้รับข้อเสนอ เกิน 50 ล้านยูโร ในช่วงซัมเมอร์หน้าก่อนพิจารณาปล่อยตัวกองกลางตัวเก่งรายนี้
  16. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์พรีเมียร์ลีกที่จะบุกเยือนแอสตัน วิลล่า ในวันเสาร์นี้ เดแคลน ไรซ์ พร้อมลงหรือไม่: เอาล่ะ มาดูกัน (เรื่อง เดแคลน ไรซ์) ผมคิดว่ากับทุกคำถามที่ผมจะได้รับ คำตอบก็คงเหมือนเดิมทั้งหมดนั่นแหละ น่าเสียดายที่มันเป็นแบบนั้น เรามีอีกหนึ่งช่วงซ้อมในช่วงบ่าย ทุก ๆ ชั่วโมงมีความสำคัญมาก เพื่อดูความพร้อมของผู้เล่นแต่ละคน หลังจากนั้นเราจะตัดสินใจว่าใครจะเดินทางไปด้วย อาการบาดเจ็บของมอสเกร่า: สถานการณ์ของเขายังมีความซับซ้อนอยู่ เราจะต้องทดสอบอีกครั้งในวันนี้ เพื่อดูว่าปัญหาอยู่จุดไหน หลังจากต้นสัปดาห์เรามีการประเมินไปบ้างแล้ว อาการบาดเจ็บของมอสเกร่าอยู่ตรงจุดไหน มันเป็นอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า โอกาสกลับมาลงสนามของซาลิบา: ถ้าหากซาลิบาสามารถลงซ้อมในวันนี้ได้ มันก็คาดว่าเขาจะพร้อมลงเจอกับวิลล่า ปัญหาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นภายในทีม: เราได้สร้างทีมที่ให้โอกาสดีที่สุดในการลุ้นแชมป์ แต่ระดับที่ผมต้องการตอนนี้ถึงหรือยัง? ยังไม่ถึง เพราะอาการบาดเจ็บที่เรากำลังเผชิญอยู่ หากต้องการให้ทีมพร้อมจริง ๆ คุณต้องมีผู้เล่นที่ฟิตและพร้อมลงสนาม เพราะมันส่งผลต่อการเตรียมทีมและการรักษาความสดใหม่ของนักเตะภายในทีม แต่ผมก็พอใจนะกับวิธีที่เรารับมือกับหลายสถานการณ์ที่ผ่านมา เมริโน่เป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งกองหน้าหรือไม่ เขาสมควรได้รับอย่างน้อยที่สุดคือการถูกนำไปพิจารณา ทั้งจากวิธีที่เขาเล่นและผลกระทบที่เขามอบให้ทีม ดังนั้นคำตอบคือใช่ มีความคิดที่จะส่งกองหน้าลงสนามพร้อมกันสองคนหรือไม่ ม้แต่การส่ง ฮาแวร์ตซ์ กับ เมรีโน ลงเล่นด้วยกัน หรือการใช้ เยอเคเรสคู่กับ เชซุส นั่นเป็นสิ่งที่เราวางแผนไว้ตั้งแต่ซัมเมอร์แล้ว แต่จนถึงตอนนี้เรายังไม่สามารถทำมันได้เลย โอกาสในการเสริมทัพช่วงเดือนมกราคมนี้: เราต้องพร้อมเสมอ เพราะเมื่อมีโอกาสที่จะพัฒนาทีมและปกป้องทีม ตามสิ่งที่เกิดขึ้น เราต้องเปิดรับมันไว้ และใครจะไปรู้ว่าตั้งแต่ตอนนี้จนถึงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมจะเกิดอะไรขึ้น นี่แหละฟุตบอล เราจะเตรียมพร้อมและรู้ว่าในจุดไหนที่ทีมอาจเผชิญความเสี่ยง และเราจะพร้อมหากจำเป็นต้องดำเนินการใดๆ มีใครย้ายออกในเดือนมกราคม: เรายังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้น เวลานี้มันชัดเจนว่าเราไม่ได้มีทางเลือกที่จะทำแบบนั้น กังวลว่าคุณภาพของพรีเมียร์ลีกจะลดลงเพราะโปรแกรมเตะถี่หรือไม่: ผมไม่รู้เหมือนกันนะ ผมไม่คิดว่าเราควรไปถึงจุดนั้น แต่สิ่งเดียวที่ผมอยากจะบอกคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสช่วยเหลือและให้ผู้เล่นได้พักเพิ่มอีกสักวันหรือไม่กี่ชั่วโมง เพื่อให้พวกเขาสามารถแสดงศักยภาพได้สูงสุด ก็ควรทำครับ แค่นั้นเอง เราพร้อมตั้งแต่วันนี้สำหรับเกมพรุ่งนี้แน่นอน โอเดการ์ดพร้อมเล่นทุกๆ 3 วันแล้วหรือยัง ผมคิดว่าเขาทำได้แน่นอน เมื่ออาการบาดเจ็บหายดีแล้ว คุณเห็นสถิติเขาในเกมกลางสัปดาห์ หลังจากหายไปหกหรือเจ็ดสัปดาห์ มันสุดยอดมาก เรายังมีอีกหนึ่งผู้เล่นระดับท็อป ที่ให้ทีมได้เยอะมาก และให้สิ่งที่แตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นในตำแหน่งนั้น ผมดีใจมากที่มีเขาอยู่ในทีม วิลล่ามีลุ้นแชมป์หรือไม่ ถ้าพวกเขายังทำผลงานได้ในระดับที่ทำอยู่ตอนนี้ ถ้าพวกเขายังเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำมา ผมคิดว่าทุกสโมสรหรือทุกทีมที่อยู่ในตำแหน่งนั้น ย่อมมีโอกาสแน่นอน คาลาฟิออรีที่ติดใบเหลือง 4 ใบมีผลกับการจัดตัวและระหว่างเกมส์หรือไม่ ทั้งสองอย่างเลย โดยเฉพาะเกมส์กับเบรนท์ฟอร์ด และโดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่เรามีในช่วงท้ายเกมส์ กับแนวรับ และจำนวนผู้เล่นที่เรามีตรงนั้น แต่สุดท้ายมันไม่เกิดขึ้น (เขาไม่ได้รับใบเหลือง) ก็ถือว่าเป็นข่าวดี
  17. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์เปิดบ้านชนะเบรนท์ฟอร์ด 2-0 ในเกมส์พรีเมียร์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมา โรเตชันผู้เล่นในเกมส์นี้: การพัก นั่นเป็นคำที่ค่อนข้างจะเป็นบวกที่จะใช้ เราจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เรามีสัปดาห์ที่ต้องใช้พลังงานอย่างหนักในทุกแง่มุม ทั้งด้านอารมณ์ ร่างกาย และสิ่งที่เกมต้องการ ด้านแท็กติกและเทคนิคเองก็เช่นกัน เราต้องลงเล่นหลังจากนั้นเพียงสามวัน ซึ่งมีเวลาพักน้อยกว่าพวกเขา 1 วัน แต่เรายังสามารถแสดงผลงานได้แบบที่เราทำ วันนี้เราเจอกับทีมที่ได้รับการโค้ชมาอย่างดีมาก จัดการทีมได้เป็นระเบียบ และพวกเขารู้ชัดเจนว่าจะสร้างโอกาสสำคัญอย่างไร ซึ่งพวกเขาทำได้ดีมากๆ เราออกนำ 1-0 เรารู้ว่ามันยังไม่พอ ผมคิดว่าเราแทบไม่เสียโอกาสอะไรเลย นอกจากลูกเซฟจากลูกเตะมุมที่เราต้องป้องกัน แต่เกมยังเปิดอยู่และเราต้องการพลังเพิ่มเพื่อปิดเกม และบางทีในช่วงที่เราไม่มีพลังนั้น เราก็ยังมีความกล้าที่จะคอนโทรลบอลภายใต้แรงกดดัน และเริ่มเจาะการเพรสซิ่งของพวกเขาผ่านการเคลื่อนที่ที่ยอดเยี่ยมและการตั้งใจเล่นกับบอล เพื่อไปทำประตูที่สองและชนะเกมนี้ ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งของเมริโน่: วันนี้เขาเล่นได้สุดยอดอีกครั้ง วิธีที่เขายิงประตูนั้นฉลาดสุดๆ จังหวะเวลา การชิงตำแหน่ง และการจบสกอร์ของเขายอดเยี่ยมมาก หลังจากนั้นผลงานโดยรวมของเขา ทั้งมีบอลและไม่มีบอล เขาอยู่ทุกที่ และตอนนี้เขาอยู่ในโมเมนตัมที่ดีมาก และทำให้ทีมดีขึ้นมาก บทความของเมริโน่ในทีม: ผมบอกไปก่อนหน้านี้แล้ว มันคือการเรียนรู้ รวมถึงความต้องการช่วยทีมของเขา เขารู้ว่าเรามีปัญหาใหญ่ตั้งแต่ต้นฤดูกาล วิคตอร์เจ็บ ไคก็เจ็บ และกาเบรียล เชซุส ก็เจ็บ เราต้องการทางออก เขาทำหน้าที่นี้ได้ดีมากตั้งแต่ปีที่แล้ว และซีซันนี้เขายกระดับขึ้นไปอีก เพราะเขาทำได้มากกว่าเดิม ผมคิดว่าทีมขอบคุณเขามาก และเขาเองก็สนุกกับบทบาทนี้ เบน ไวท์ในการกลับมาเป็นตัวจริงในเกมส์ลีก: สำหรับผม ผมมีความสุขมากในฐานะมนุษย์คนหนึ่งสำหรับเขา ผมคิดว่าคนอื่นในทีมก็เหมือนกัน เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่เคยลงเล่นให้เราตลอด แต่ด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง เขาไม่ได้เล่นมากนัก เพราะยูร์เรียน ทำได้ยอดเยี่ยม และเขาเองก็เจ็บไปพักหนึ่ง ก่อนต้องมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ทัศนคติของเขาเป็นบวกและดีมาก และเมื่อคุณพร้อมแล้วได้รับโอกาส คุณต้องคว้ามันไว้เหมือนที่เขาทำวันนี้ ผมมีความสุขมากที่เราได้เห็นเขากลับมาในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองอีกครั้ง และเราจะต้องใช้เขาแน่นอน เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมมาก ไวท์กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีหรือยัง: สิ่งแรกสำหรับกองหลังคือการป้องกัน และเขาป้องกันด้วยความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และประสิทธิภาพ เขาทำได้วันนี้ จากนั้นถ้าเขาเพิ่มคุณค่าให้ทีมด้วยการจ่ายบอล การเคลื่อนที่ และการเปิดบอลด้วยคุณภาพที่เขามี ก็ยิ่งดี และวันนี้เขาทำทั้งสองอย่างได้ยอดเยี่ยม อัพเดทอาการของไรซ์: เดแคลนจำเป็นต้องถูกเปลี่ยนตัวออก เราไม่รู้เหมือนกัน ต้องรอดูพรุ่งนี้ว่าเขาจะเป็นอย่างไร เขาไม่สามารถเล่นต่อได้ เขาเดินได้ แต่เขาเล่นต่อไม่ได้ มอสเกร่าที่เจ็บในช่วงท้ายครึ่งแรก: มันน่าจะเป็นที่หัวเข่าหรือไม่ก็ข้อเท้า แต่เขาเองก็บอกเราไม่ได้ว่าตรงไหน ซึ่งเขาไม่สามารถเล่นต่อไหว กลับมาเก็บคลีนซีตได้อีกครั้ง: เราคุยเรื่องนี้กัน ผมคิดว่าเป็นสี่เกมที่เรายังทำไม่ได้ด้วยเหตุผลต่างๆ เราเสียจากลูกตั้งเตะเกมกับเชลซีและซันเดอร์แลนด์ ส่วนเกมอื่นก็แตกต่างออกไป วันนี้เราน่าจะเสียประตู ถ้าไม่ใช่เพราะเซฟของดาวิด (รายา) แต่หลังจากนั้นผมคิดว่าเราแทบไม่ได้เสียโอกาสอะไรมากนัก โปรแกรมเตะที่ถี่ยิบในเดือนนี้ มันไม่ใช่เรื่องเดียว แต่เราสามารถช่วยผู้เล่นและทุกคนในลีกได้ โดยการเพิ่มเวลาให้อีกวัน โดยเฉพาะทีมที่ต้องเล่นเกมยุโรปมากมาย ผมคิดว่าทุกคนจะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ เราไม่เคยมีโปรแกรมแน่นขนาดนี้มาก่อน ไม่ใช่แค่พรีเมียร์ลีก แต่ทุกการแข่งขันระดับนานาชาติด้วย เราต้องพยายามช่วยกัน เพราะมันเป็นสามัญสำนึก ผมคิดว่า ณ จุดหนึ่งมันจะมากเกินไป ผู้เล่นไม่ใช่เครื่องจักร เราต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเมื่อทำได้
  18. PREMIER LEAGUE LEAGUE 2025/26 Arsenal 2 - 0 Brentford Wed 3 December 2025, 02.30 น. GOAL: 1-0 มิเกล เมริโน่ (นาทีที่ 13, ไวท์) 2-0 บูคาโญ ซาก้า (นาทีที่ 90+1, เมริโน่) ดาบิด ราย่า: 7.0 ครึ่งแรกมีจังหวะซูปเปอร์เซฟลูกโหม่งของชาร์เดอร์ไปชนคานได้แบบหวุดหวิด ครึ่งหลังไม่มีอะไรที่ต้องออกแรงอะไรมาก จบเกมส์ด้วยคลีนซีตอีกครั้ง เปียโร่ อินคาปิเอ้: 7.0 อินคาปิเอ้ถือว่าทำผลได้ดีขึ้นกว่าเกมส์นัดที่แล้วพอสมควร จังหวะชิงเล่นลูกกลางอากาศถือว่าทำได้ดีเลย รวมถึงการรับมือกับลูกทุ่มไกลของฝั่งทีมเยือน และไม่มีข้อผิดพลาดอะไร คริสเตียน มอสเกร่า: 6.5 ซาลิบายังไม่ฟิตกลับมา มอสเกร่าก็ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง แต่มอสเกร่าเป็นปราการหลังอีกคนที่มีปัญหาบาดเจ็บ เขาเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวและถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายครึ่งแรก ส่วน 40 กว่านาทีในสนาม มอสเกร่าก็ถือว่าทำหน้าที่ได้โอเค ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 7.0 เกมส์รับ ริชชี่ก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่ที่โดดเด่นในเกมส์นี้คือจังหวะที่เขาเติมขึ้นไปเล่นตรงพื้นที่ฮาล์ฟสเปซ ที่ทำให้เขาได้ลุ้นจบสกอร์ 2 ครั้งแบบจัง แต่ติดเซฟประตูของเบรนท์ฟอร์ดไป เบน ไวท์: 7.5 ได้รับโอกาสให้ออกสตาร์ทตัวจริงบ้าง เป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในฤดูกาลนี้ ไวท์ก็ยังมีทีเด็ดกับจังหวะโอเวอร์แล็ป แบบประตู 1-0 ที่เขาวิ่งทะลุไปคลอสมาเข้าหัวเมริโน่ ส่วนเกมส์รับไวท์ก็ทำได้ดีด้วยเช่นกัน ถือว่าได้โอกาสแล้วเขาทำได้ มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 6.5 ซูบิเมนดี้เกมส์นี้รอเก็บบอลจังหวะสองเป็นหลัก ซึ่งเขาก็ทำได้ดีตามมาตรฐานของตัวเอง รวมถึงความนิ่งในการแกะเพลสซิ่ง เดแคลน ไรซ์: 6.5 ใช้พลังงานไปเยอะกับสามเกมส์หนักก่อนหน้านี้ ครึ่งแรกเราก็ยังพอเห็นไรซ์ใช้พลังงานทะลุทะลวงตามจังหวะของเกมส์ แต่ครึ่งหลังไรซ์ออกอาการล้าชัดเจน ทำให้เสียบอลง่ายๆ อยู่หลายจังหวะ ท้ายเกมส์มีปัญหาบาดเจ็บบริเวณน่องอีก มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (C) ลงสนามมาเป็นตัวสำรองได้ในช่วงหลัง วันนี้โอเดการ์ดได้กลับมาสตาร์ทตัวจริงอีกครั้ง การให้บอลทะลุทะลวงแทบไม่มีให้เห็นเลยจากโอเดการ์ด น่าจะต้องใช้เวลาเรียกฟอร์มสักหน่อย กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.0 เราเห็นมาร์ติเนลลี่ขยับเข้ามารับบอลด้านในอยู่หลายครั้ง แต่เหลี่ยมความแข็งแกร่งในแย่งบอล มาร์ตี้ดูเป็นรองผู้เล่นเบรนท์ฟอร์ดชัดเจน และไม่ได้สร้างแรงกดดันแนวรับทีมเยือนได้มากนัก โนนี่ มาดูเอเก้: 7.0 มาดูเอเก้พอได้มาเล่นฝั่งขวาเหมือนเป็นคนละคนกับตอนเล่นฝั่งซ้าย ดูวูบวาบกว่าชัดเจน กดดันแนวรับของเบรนท์ฟอร์ดได้เป็นระยะๆ ประตูแรกของทีมก็เริ่มจากการเซ็ทอัพจากเขา มาดูเอเก้มีโอกาสลุ้นประตูด้วย มิเกล เมริโน่: 7.5 แม้ว่าเยอเคเรสจะกลับมาแล้ว แต่เมริโน่ก็ยังได้ลงเป็นหน้าเป้าต่อไป แล้วเป็นเขาที่ทะยานมาโขกให้ทีมขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้นเมริโน่ยังมีโอกาสลุ้นประตูอยู่พอสมควร โดยเฉพาะลูกตามซ้ำดาบสองที่ไรซ์ยิงติดเซฟ แต่เขายิงออกเหลือเชื่อ บทบาทกับเกมส์พอสมควร และประตูตอกฝาโรงก็เป็นเขาที่จ่ายให้ซาก้า ตัวสำรอง: ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.5 (นาทีที่ 43, มอสเกร่า) ต้องกลับมาเล่นเซนเตอร์แบ็ค หลังจากที่มอสเกร่ามีปัญหาบาดเจ็บ แต่ไม่ใช่ปัญหาเหลี่ยมบอล ทางบอลของทิมเบอร์ยังเล่นได้สบายๆ อยู่แล้ว บูคาโญ ซาก้า: 6.5 (นาทีที่ 60, มาร์ติเนลลี่) วันนี้ได้พักบ้าง ลงมาเล่นในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย แล้วก็เป็นซาก้าที่ยิงประตูให้ทีมนำ 2-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เป็นการการันตีสามคะแนนในเกมส์นี้ ก่อนหน้าจะได้ประตูนี้ จริงๆ ซาก้าควรจะมีสกอร์ไปแล้ว แต่จังหวะซ้ำดันยิงไม่เต็มเท้า เอเบเรซี่ เอเซ่: 6.0 (นาทีที่ 60, มาดูเอเก้) วิคตอร์ เยอเคเรส: N/A (นาทีที่ 84, ไรซ์)
  19. บทความโดย: แซม ดีน (The Telegraph) ดูเหมือนว่ายุทธศาสตร์การเสริมทัพรูปแบบใหม่ของอาร์เซนอลกำลังเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อพวกเขาคว้าตัว วิคตอร์ โอเซียนวูน่า วัย 16 ปีมาจากแซมร็อค โรเวอร์ส โดยเขาจะย้ายมาอาร์เซน่อลเมื่ออายุครบ 18 ปี ในเดือนมกราคม 2017 และล่าสุดกับการคว้าตัวฝาแฝด เอ็ดวิน และฮอลเกอร์ ควินเตโร่ จากอินดิเพนเดนเต้ เดลวาเญ่ อาร์เซนอลมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการสร้างนักเตะเยาวชนขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ แต่ลอนดอนดูเหมือนจะไม่เพียงพออีกต่อไป เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งในการแย่งชิงดาวรุ่งที่ดีที่สุด ทีมงานสรรหานักเตะของอาร์เซนอลจึงรู้ดีว่าพวกเขาต้องสเกาต์ลีกใหม่ ๆ ประเทศใหม่ ๆ และทวีปใหม่ ๆ มากกว่าที่เคย การคว้าตัวฝาแฝดควินเตโร วัย 16 ปี ถือเป็นพัฒนาการที่โดดเด่นที่สุดนับตั้งแต่อาร์เซนอลเริ่มใช้กลยุทธ์การซื้อขายใหม่ ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาเป็นฝาแฝด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขามาจากสโมสรเดียวกับที่ให้กำเนิดดาวดังอย่าง มอยเซส ไกเซโด และเปียโร่ อินคาปิเอ้ และอีกส่วนหนึ่งเพราะดีลนี้แสดงให้เห็นว่าอาร์เซนอลกำลังพยายามท้าชนเชลซีอย่างจริงจังในตลาดผู้เล่นดาวรุ่งระดับนานาชาติ ความจริงแล้ว เชลซีได้ไปช้อปที่อินดิเพนเด้นเต้ เดล วาเญ่มาแล้วเช่นกัน พวกเขาประกาศคว้าตัว เคนดรี ปาเอซ เพลย์เมกเกอร์ชาวเอกวาดอร์ตั้งแต่เขาอายุ 16 ปีในเดือนมิถุนายน 2023 เขาย้ายมาลอนดอนในซัมเมอร์นี้ และถูกปล่อยยืมไปเล่นที่สตราส์บูร์ก (ซึ่งทั้งเชลซีและสตราส์บูร์กอยู่ภายใต้เจ้าของกลุ่ม BlueCo) แมนเชสเตอร์ ซิตี้เองก็ล้ำหน้าอาร์เซนอลในการแย่งชิงผู้เล่นดาวรุ่งเช่นกัน ตัวอย่างในปี 2022 คือพวกเขาเอาชนะอาร์เซนอล ในการคว้าตัว ซาวินโญ ปีกบราซิล ที่ตอนนี้กลายเป็นขุมกำลังในทีมแมนซิตี้ของเป๊ป กวาร์ดิโอลา หลังเลือกย้ายไปกลุ่ม City Football Group แทนที่จะมาลอนดอนเหนือ มีหลายเหตุผลที่ทำให้อาร์เซนอลผลักดันโมเดลการสรรหาแบบใหม่ ซึ่งนำโดยเจมส์ เอลลิส ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค หนึ่งในนั้นคือภายในสโมสรมีความรู้สึกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มาตรฐานทีมเยาวชนของพวกเขายังไม่ดีพอ อาจฟังดูแปลก เมื่อมองจากการแจ้งเกิดของสามดาวรุ่งอีธาน วาเนรี, ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี และแม็กซ์ ดาวแมน ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา แต่อาร์เซนอลต้องการมากกว่านั้น แม้ว่าจะมีผู้เล่นพรสวรรค์ที่สูง แต่ผลงานทีมเยาวชนกับย่ำแย่ ทีม U21 ของอาร์เซน่อลจบอันดับ 8 ของลีก ความหวังคือการดึงดาวรุ่งช่วงอายุ 16–18 ปีเข้ามาจะช่วยยกระดับมาตรฐานทีมเยาวชนโดยรวม หากผู้เล่นเหล่านั้นยังไม่ดีพอที่จะไปอยู่ในทีมชุดใหญ่ทันที อาร์เซนอลเชื่อว่าการซ้อมที่คุณภาพสูงขึ้นและการแข่งขันภายในอะคาเดมีที่เข้มข้นขึ้น จะช่วยให้ผู้เล่นพร้อมก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ได้มากขึ้น เหตุผลที่สองในการซื้อดาวรุ่งอายุน้อยคือ “การดึงเข้ามาเร็ว” แทนที่จะรอให้พวกเขาแจ้งเกิดกับสโมสรอย่างเบรนท์ฟอร์ดหรือไบรท์ตัน แล้วต้องซื้อด้วยค่าตัวสูงลิ่ว ทำไมไม่ตัดคนกลางทิ้งแล้วซื้อพวกเขาตั้งแต่ยังเด็กไปเลย? เหตุผลที่สามเป็นเรื่องเรียบง่าย: โมเดลนี้สร้างรายได้ แม้ดาวรุ่งที่ซื้อมาจะไม่ประสบความสำเร็จกับทีมชุดใหญ่ของอาร์เซนอล แต่พวกเขาอาจไปแจ้งเกิดกับทีมอื่น และอาร์เซน่อลก็ได้รับกำไรจากค่าตัวนักเตะดาวรุ่งเหล่านั้น การเซ็นทอมมี่ เซ็ตฟอร์ด ผู้รักษาประตูดาวรุ่งจากอาแจ็กซ์เมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของกลยุทธ์นี้ อาร์เซนอลยังดึง ซีแดค โอนีล ทีมชาติไอร์แลนด์เหนือจากลินฟิลด์ และคัลลัน แฮมมิล ทีมชาติสก็อตจากเซนต์จอห์นสโตน พวกเขายังเคยพยายามคว้าวิล ไรท์ จากซัลฟอร์ด ซิตี้ แต่สุดท้ายเป็นลิเวอร์พูลที่ได้ตัวไป อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าอาร์เซนอล จะละเลยนักเตะท้องถิ่น พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างจริงจังในเมืองหลวง โดยคว้าไคแรน ทอมป์สันจากเวสต์แฮม และมิเชล เอ็นดูคา จากชาร์ลตัน นอกจากนี้ยังเกิดการแข่งขันระหว่างสโมสรในลอนดอน เพื่อแย่งตัวเด็กอายุ 8 ขวบที่โดดเด่นที่สุดเข้าอะคาเดมี่ของตนเอง แฟนบอลของอาร์เซน่อล สามารถคาดหวังว่าจะได้เห็นดีลลักษณะนี้อีกในอนาคตอันใกล้ เมื่ออาร์เซน่อลตกเป็นข่าวต่อเนื่องกับแข้งดาวรุ่งจากโปแลนด์ เม็กซิโก และฝรั่งเศส แต่มีข้อแตกต่างระหว่างอาร์เซนอลกับเชลซีและซิตี้: อาร์เซนอลไม่มีโมเดลหลายสโมสร (multi-club) พวกเขาไม่มีสโมสรอย่างสตราส์บูร์ก ทรัวส์ หรือคิโรน่าเพื่อส่งผู้เล่นดาวรุ่งไปพัฒนา จนกว่าจะเปลี่ยนแปลง และยังไม่มีสัญญาณว่าพวกเขาจะทำเร็ว ๆ นี้ มีข้อจำกัดว่าอาร์เซนอลจะแข่งขันกับสองสโมสรนั้นในตลาดผู้เล่นดาวรุ่งได้มากแค่ไหน พวกเขาแทบจะไม่สามารถทำธุรกิจซื้อขายผู้เล่นขนาดใหญ่เช่นเชลซีได้ หากไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ อาร์เซนอลเชื่อว่าพวกเขาสามารถแข่งขันกับโมเดลกลุ่มสโมสรเหล่านี้ และมุ่งเป้าหานักเตะพรสวรรค์ระดับโลกได้ ความสวยงามของกลยุทธ์นี้คือ แม้จะมีดาวรุ่งเพียงคนเดียวที่ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในทีมชุดใหญ่ได้ กลยุทธ์ทั้งหมดก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว นี่คือธรรมชาติของโลกลูกหนังในปัจจุบัน และอาร์เซนอลต้องการให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเมื่อโลกฟุตบอลหมุนไปข้างหน้า
  20. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ก่อนเปิดบ้านรับเบรนท์ฟอร์ด ในเกมส์พรีเมียร์ลีกคืนวันพุธนี้ อัพเดทเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในทีม: “วันนี้ผมคงช่วยคุณได้ไม่มากนัก เพราะเรามีการซ้อมในภายหลัง จนกว่าจะถึงตอนนั้น เราก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้เล่นที่เรายังมีความกังวลอยู่” ปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บในฤดูกาลนี้: “ฤดูกาลนี้ถือว่าแย่ที่สุดในเรื่องอาการบาดเจ็บในบางด้าน โดยเฉพาะในแนวรุก และตอนนี้ก็เกิดขึ้นในแนวรับด้วย โดยเฉพาะวิธีที่เราสูญเสียผู้เล่นไป ลีโอก็ด้วย เขากำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม มาร์ตินเนลลี่เพิ่งกลับมา เราต้องจัดการเวลาเล่นของเขา และเขาก็ไม่สามารถลงเล่นได้มากกว่าที่ทำในวันอาทิตย์ วิลลี่ซ้อมเมื่อวันก่อนและรู้สึกบางอย่าง ผู้เล่นบางคนที่ไม่ได้ซ้อมในตำแหน่งนั้นแต่จำเป็นต้องลงเล่น” “แต่ผู้เล่นที่ต้องทุ่มสุดตัวเพื่อชดเชยการขาดหายไปเหล่านั้นคือกุญแจสำคัญของฤดูกาลนี้ เราต้องรับมือกับสิ่งต่าง ๆ มากมายแล้ว เราได้เรียนรู้และสามารถสร้างทีมที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งให้ทางเลือกกับเราได้มากกว่าเดิม เรายังได้เรียนรู้จากอดีตว่าเราจำเป็นต้องใช้ผู้เล่นในตำแหน่งต่าง ๆ หากต้องการแข่งขันในระดับนี้ ตัวอย่างของ มิเกล เมริโน่ คือที่สุดของตัวอย่างนั้น” เกี่ยวกับวิลเลี่ยม ซาลิบา: "จนกว่าจะถึงตอนนั้น เราก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเรามีความกังวลอยู่… เขามีอาการเจ็บเล็กน้อย แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของไม่กี่วัน มาดูกันว่าเขาจะลงเล่นพรุ่งนี้ได้หรือไม่” เกี่ยวกับทรอสซาร์: "มันเป็นอาการบาดเจ็บเพียงไม่กี่วันเช่นกัน" กาเบรียลจะคืนสนามตอนไหน: “กาบีไหนเหรอ? เรามีกาบิเยอะมากนะ กาบีตัวใหญ่ใช่ไหม? เขากำลังทำได้ดีมาก แต่เขาก็ยังต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ๆ เช่นกัน” กำหนดคัมแบ็กของไค ฮาแวร์ตซ์: “เป็นเรื่องของอีกไม่กี่สัปดาห์ มาดูกันว่าเขาจะพัฒนาขึ้นอย่างไรในช่วงสองสามสัปดาห์ต่อจากนี้ เขากำลังทำได้ดีมาก ลงทำงานบางอย่างในสนามแล้ว ผมคิดว่าเขายังต้องใช้เวลาอีกหน่อย” "เราทุกคนต่างตั้งตารอการกลับมาของเขา เขาเป็นผู้เล่นที่ผมชื่นชอบมากเป็นการส่วนตัว ทั้งเพราะสิ่งที่เขานำมาสู่ทีม และเพราะบุคลิกและตัวตนของเขา ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะให้เขากลับมา เขาจะเป็นแรงผลักดันครั้งใหญ่ให้กับเรา" ฟอร์มของเดแคลน ไรซ์ในตอนนี้: “เขาได้พิสูจน์ตัวเองในทุกขั้นตอน ทั้งจากการกระทำ ฟอร์มการเล่น และตำแหน่งที่อยู่ในระดับสูงสุด เขาเป็นคนที่ผมไว้วางใจ ทั้งผมเองและสโมสรเช่นกัน และเขาจะอยู่กับเราไปอีกหลายปี” พลังงานจากแฟนบอลในเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม: “พรุ่งนี้เวลา 19:30 น. ทุกคน เวลา 19:30 น. คือโอกาสที่จะไปอยู่ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม ร่วมกันส่งเสียงเชียร์และผลักดันพลังให้เราชนะเกมนี้ 19:30 น. เราจะสู้เต็มที่ ทุกคนที่เอมิเรตส์ต้องลุกขึ้นอีกครั้งและเอาชนะเบรนท์ฟอร์ดให้ได้ นี่คือโอกาส โอกาสสำคัญมาก โอกาสใหญ่จริง ๆ” “แรงผลักดันของเรามาจากการเตรียมตัว พยายามทำให้ดีกว่าคู่แข่ง และในลีก กับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เราไม่จำเป็นต้องมีแรงกระตุ้นใด ๆ มากไปกว่านั้นแล้ว” การรับมือกับลูกตั้งเตะและลูกทุ่มของเบรนท์ฟอร์ด: “ผมไม่รู้เหมือนกันนะว่ามีทีมไหนที่ไม่ชอบการได้ประตูจากลูกตั้งเตะ เราเสียประตูให้เชลซีจากลูกตั้งเตะ พวกเขายิงได้ 7 ประตู และเรายิงได้ 8 ประตู ผมคิดว่าทุกทีมควรเล่นจากลูกตั้งเตะ เพราะทุกทีมก็ยิงได้และเสียประตูจากลูกตั้งเตะเหมือนกัน” การเซ็นสัญญาผู้เล่นจากเบรนท์ฟอร์ด: “นอร์การ์ด? สิ่งที่ผมเห็นเขาในสนาม แล้วทุกอย่างที่ผมได้ยินเกี่ยวกับเขาในฐานะผู้นำ บทบาทที่เขาสามารถเล่นได้ และบทบาทที่เขาจะมีที่นี่ ทันทีที่ผมโทรหเขา เขาตื่นเต้นมาก เขานำสิ่งที่เราไม่มีในทีมมาให้ และผมก็ตื่นเต้นมากที่ได้เขามาร่วมทีม” “รายา? ผู้รักษาประตูที่สุดยอดมาก เรื่องราวของเขาก็น่าประทับใจและวิธีที่ทุกอย่างเกิดขึ้นก็สุดยอด เราพยายามเซ็นสัญญากับดาวิดตั้งแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ผมมาถึง และเราก็ต้องรออีกสองปี เส้นทางที่เราเดินด้วยกันมันน่าทึ่งจริงๆ เขาเป็นคนที่พาเราไปสู่อีกระดับหนึ่ง และยกระดับรูปแบบการเล่นของเราให้ต่างไปจากเดิม”
  21. อาร์เซนอลบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการคว้าตัวฝาแฝดชาวเอกวาดอร์ เอ็ดวิน และ ฮอลเกอร์ ควินเตโร จากสโมสรอินดิเพนเดียนเต เดล วาเญ่ โดยทั้งคู่จะย้ายร่วมทีมเมื่ออายุครบ 18 ปีในเดือนสิงหาคม ปี 2027 แหล่งข่าวเปิดเผยกับ ESPN สองพี่น้องวัย 16 ปีเดินทางมาลอนดอนในสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะดำเนินการขั้นตอนทางการต่าง ๆ รวมถึงการเซ็นสัญญา ก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในอนาคต ค่าตัวในดีลนี้ยังไม่ชัดเจน แต่การย้ายทีมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอาร์เซนอลในการคว้าตัวผู้เล่นพรสวรรค์ระดับดาวรุ่ง โดยก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม สโมสรได้ยืนยันว่า วิคเตอร์ โอเซียนวูนา แข้งวัย 16 ปีอีกคนหนึ่ง จะย้ายจากแชมร็อก โรเวอร์ส มาร่วมทีมในเดือนมกราคม ปี 2027 เมื่อเขาอายุครบ 18 ปี อินดิเพนเดียนเต ซึ่งเป็นทีมในเอกวาดอร์ เซเรียอา ถือเป็นแหล่งบ่มเพาะดาวรุ่งที่สำคัญของประเทศ โดยเคยปลุกปั้นนักเตะอย่าง มอยเซส ไกเซโด ของเชลซี และ ปิเอโร ฮินคาปิเย่ ซึ่งย้ายมาอาร์เซนอลจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซนเมื่อเดือนกันยายนด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาลพร้อมออปชั่นซื้อขาด เชลซีก็ได้บรรลุข้อตกลงคว้าตัวสองดาวรุ่งจากอินดิเพนเดียนเตเช่นกัน ได้แก่ เคนดรี ปาเอซ และ เดอินเนอร์ ออร์โดเญซ แต่ครั้งนี้อาร์เซนอลเอาชนะคู่แข่งจากหลายสโมสรชั้นนำทั่วยุโรปจนสามารถคว้าฝาแฝดควินเตโรมาครองได้สำเร็จ แหล่งข่าวเปิดเผยกับ ESPN ว่า อาร์เซนอลติดตามฟอร์มของทั้งคู่อยู่มากกว่าหนึ่งปีแล้ว โดยเอ็ดวิน ควินเตโรเป็นปีกขวาความเร็วสูงที่มีรายงานว่าได้รับการเปรียบเทียบกับ “เนย์มาร์ในวัยหนุ่ม” ส่วนฮอลเกอร์เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก ดีลนี้ถูกมองว่าเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของทีมงานสรรหานักเตะเยาวชนของสโมสร โดยแหล่งข่าวระบุว่า ปัจจัยที่ช่วยโน้มน้าวการย้ายทีมคือเส้นทางสู่ทีมชุดใหญ่ที่ชัดเจน เห็นได้จากพัฒนาการล่าสุดของ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี, อีธาน วาเนรี และล่าสุด แม็กซ์ ดาวแมน
  22. PREMIER LEAGUE LEAGUE 2025/26 Chelsea 1 - 1 Arsenal Sun 30 November 2025, 22.30 น. GOAL: 1-0 เทรโวห์ ชาโลบาห์ (นาทีที่ 48, เจมส์) 1-1 มิเกล เมริโน่ (นาทีที่ 59, ซาก้า) ดาบิด ราย่า: 6.5 ช่วงหลังหาคลีนซีตไม่ค่อยเจอ แต่ลูกที่เสียก็ป้องกันไม่ได้จริงสำหรับราย่า ส่วนจังหวะอื่นที่เชลชีได้ยิงเข้ากรอบ ราย่าก็ตะคุบเอาไว้ได้หมด เปียโร่ อินคาปิเอ้: 6.0 วันนี้อาร์เซน่อลขาดเซนเตอร์แบ็คตัวหลักไปทั้งสองคน ซึ่งก็มีผลกระทบพอสมควร มีอาการแกว่งอย่างเห็นได้ชัด อินคาปิเอ้ก็มีจังหวะเกือบพลาดที่ไปโดนเปโดรฉก ดีที่มีคาลาฟิออรีขยับเข้ามาช่วยได้ทัน ครึ่งหลังก็ถือว่าดีขึ้นมาหน่อย มีเจอสวนกลับมาหลายครั้งที่เขาต้องเจอสถานการณ์แบบ 1 ต่อ 1 ก็พอชะลอได้ คริสเตียน มอสเกร่า: 6.0 ลงตัวจริงต่ออีกนัดสำหรับมอสเกร่า เขาไปโดนใบเหลืองเร็ว ทำให้ตัวเองเล่นยาก และก็มีความผิดพลาดในการออกบอลให้เห็นอยู่บ้าง แต่เทียบกับอินคาปิเอ้ มอสเกร่ายังดูแกว่งน้อยกว่า ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.5 ต้องตามประกบกับเอสเตเวาปีกตัวจี๊ดของฝั่งเชลชีก็ถือว่าริชชี่คุมได้ดี มีหาจังหวะทะลุขึ้นไปได้ 1-2 ครั้ง ช่วงพักครึ่งถูกเปลี่ยนตัวออกไปจากสนาม ก็ไม่รู้ว่าเซฟใบเหลืองจากครึ่งแรกหรือเปล่า หรือว่ามีปัญหาบาดเจ็บ ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.5 เกมส์รับไม่มีปัญหา ทิมเบอร์จัดการเกมส์รุกฝั่งซ้ายของเชลชีได้ดี แต่จังหวะเติมขึ้นไปช่วยซาก้าอาจจะดูน้อยไปหน่อย ช่วงทดเจ็บมีโอกาสขึ้นโหม่งลุ้นประตู แต่ถ้าลูกนี้ทิมเบอร์ปล่อย เยอเคเรสน่าจะมีโอกาสดีกว่า มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 6.0 เป็นคนแรกที่โดนใบเหลืองในเกมส์นี้ แล้วเจอตั้งแต่ 5 นาทีแรก ครึ่งหลังโดนเปลี่ยนตัวออกเร็วตั้งแต่ต้นๆ ครึ่งหลัง เพราะทีมไปเสียประตูก่อน ทำให้ต้องส่งตัวรุกลงมาเพิ่ม เดแคลน ไรซ์: 7.0 ช่วงครึ่งแรกมีจังหวะสกัดสำคัญที่เนโต้ พลิกหนีกำลังจะได้ยิง แต่ไรซ์หมุนตัวกับมาสไลด์บล็อกไว้ได้ทันเวลา ประมาณครึ่งชั่วโมงสุดท้ายไรซ์ถอยลงมาเล่นเป็นกลางรับ รอเก็บบอลจังหวะสองที่หลุดมา เอเบเรซี่ เอเซ่: 6.0 เอเซ่บทบาทกับเกมส์น้อยมาก จังหวะการเล่นติดๆ ขัดๆ โดยเฉพาะกับบอลในพื้นที่สุดท้าย แต่ก็ยังมีสองจังหวะที่สร้างโอกาสได้หนแรกที่จ่ายออกไปให้ซาก้ายิง กับอีกจังหวะที่ต่อบอลกับไรซ์ ก่อนจบที่มาร์ตี้ได้ยิง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 5.5 ได้โอกาสลงเล่นตัวจริงแทนทรอสซาร์ที่บาดเจ็บไป บทบาทค่อนข้างน้อย แต่ท้ายครึ่งแรกมาร์ติเนลลี่เกือบยิงประตูขึ้นนำ แต่ลูกยิงของเขายังติดเซฟ ภาพรวมเงียบมาก บูคาโญ ซาก้า: 6.5 (C) ต่อสู้กับทางคูคูเรย่าตามที่คาดไว้ ซึ่งมาเข้าบอลหนักใส่ซาก้าตั้งแต่เริ่มเลย แต่เหลี่ยมบังบอล การครองบอลของซาก้ายังเหนียว แล้วเขาเป็นคนเปิดให้เมริโน่ยิงตีเสมอ โอกาสหลังจากนั้นซาก้ามีอยู่ 2-3 หนทั้งยิงและจ่าย แต่จังหวะสุดท้ายไม่เด็ดขาด มิเกล เมริโน่: 7.0 ครึ่งเวลาแรกลงมาลวงบอลค่อนข้างต่ำ แล้วเป็นเหมือนตัวออกบอลขึ้นหน้า แต่ก็มีหลายจังหวะที่จ่ายเสียพอสมควร อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือจังหวะที่เมริโน่เจอไคเซโดย่ำที่ข้อเท้า ทำให้ไคเซโดโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ครึ่งหลังเมริโน่เป็นคนโหม่งตีเสมอ 1-1 ช่วงท้ายเกมส์เกือบยิงประตูชัยได้ด้วย แต่ลูกยิงของเมริโน่ไปติดเซฟซานเซซ ตัวสำรอง: ไมล์ส-ลูอิส สเกลลี่: 5.0 (นาทีที่ 46, คาลาฟิออรี) เป็นหมากการเปลี่ยนตัวที่ไม่ค่อยดีนักของอาร์เตต้าในการแก้เกมส์ช่วงพักครึ่ง ไม่มีจุดไหนที่ไมล์สทำได้ดีเลย เกมส์รับก็หลุดตำแหน่งตลอด เกมส์รุกก็ไม่ได้มีมิติอะไร แล้วทำเสียง่ายๆ โนนี่ มาดูเอเก้: 6.0 (นาทีที่ 57, มาร์ติเนลลี่) มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (นาทีที่ 57, ซูบิเมนดี้) วิคตอร์ เยอเคเรส: 6.0 (นาทีที่ 72, เอเซ่)
  23. ในซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Last Samurai Standing ทาง Netflix เนื้อเรื่องหลักคือการที่ตัวเอก ต้องเข้าร่วมเกมส์ที่เรียกว่า โดโดกุ (Kodoku) โดยชื่อ โคโดกุ มาจากพิธีกรรมโบราณในการปรุงยาพิษของญี่ปุ่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการนำแมลงหรือสัตว์มีพิษหลายชนิดมาใส่รวมกันในไหหรือภาชนะ แล้วปล่อยให้พวกมันฆ่ากันเองจนกว่าจะเหลือรอดเพียงตัวเดียว เกมนี้จึงจำลองหลักการเดียวกัน คือการบังคับให้ผู้เข้าร่วมต้องฆ่าฟันกันเอง เพื่อให้มีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แฟนบอลอาร์เซน่อล อาจจะได้เห็นคลิปการโซโล่เข้าไปยิงประตูของเจ้าหนู แม็กซ์ ดาวแมน ในเกมส์ที่อาร์เซน่อล U19 เปิดบ้านชนะบาเยิร์น มิวนิค 4-2 แต่เชื่อหรือไม่ นี่คือชัยชนะนัดแรก หลังจากที่ทีมอาร์เซน่อลระดับ U18, U19 และ U21 ไม่สามารถเอาชนะใครได้มา 16 เกมส์ติดต่อกัน และชัยชนะเหนือบาเยิร์น มันคือชัยชนะเกมส์แรกในยูฟ่า ยูธลีกในฤดูกาลนี้ โดยก่อนหน้านั้นอาร์เซน่อลแพ้ 4 เกมส์รวด อยู่ในอันดับ 30 จาก 36 ทีมในยูธลีก โอกาสที่พวกเขาจะเข้าสู่รอบเพลย์ออฟถือเป็นเรื่องยาก แม้จะเหลือโปรแกรมแข่งอีกสามเกมส์ก็ตาม ไม่ต่างจากฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อลจบในอันดับ 26 ของตารางคะแนนยูฟ่ายูธลีก ตกรอบตั้งแต่รอบลีก นี่คือความผิดปกติสำหรับสโมสรที่มีการลงทุนกับระบบเยาวชนอย่างหนัก และมีผลผลิตป้อนเข้าสู่ทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่องในระยะหลัง บูคาโญ ซาก้า (24 ปี) ไมล์ส-ลูอิส สเกลลี่ (19 ปี) อีธาน วาเนรี (18 ปี) และแม็กซ์ ดาวแมน (15 ปี) แต่พรสวรรค์ของผู้เล่นในอะคาเดมี่ แตกต่างจากผลลัพธ์ในสนาม อาร์เซน่อล U21 อยู่ในอันดับที่ 14 บนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกทู (จากทั้งหมด 29 ทีม) ส่วนอาร์เซน่อล U18 อยู่ในอันดับ 8 ของพรีเมียร์ลีก U18 โซนใต้ (จากทั้งหมด 15 ทีม) ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แก่นของปัญหาคือ ความไม่สอดคล้องระหว่าง “การพัฒนา” กับ “ผลลัพธ์” ซึ่งเป็นหัวใจของแผนกลยุทธ์อะคาเดมีอาร์เซนอล สโมสรให้ความสำคัญกับการพัฒนารายบุคคลมากกว่าถ้วยรางวัลระดับเยาวชน อาร์เซน่อล เร่งพัฒนาและผลักดันนักเตะดาวรุ่งหัวกระทิแบบก้าวกระโดด อีธาน วาเนรี และแม็กซ์ ดาวแมน ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกตั้งแต่อายุ 15 ปีเท่านั้น ก่อนหน้าที่จะขึ้นชุดใหญ่ ดาวแมนเล่นกับ U18 ตั้งแต่อายุ 13 ปี และเล่นกับ U21 ตอนอายุ 14 ปี มันถูกมองว่าเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของนักเตะใช่หรือไม่? คำตอบก็คือใช่ แต่อีกด้านมันก็ทำให้ทีมเยาวชนรุ่นที่เขาจากไปอ่อนแอลงเช่นกัน แหล่งข่าวรายหนึ่งเปิดเผยว่า: "ถ้าคุณดูชิโด โอบี มาร์ติน (ตอนนี้อยู่กับแมนยู), อีธาน วาเนรี, ไมล์ส-ลูอิส สเกลลี่ พวกเขาคือผู้เล่นทีมชุดใหญ่ นี่ละคือเป้าหมาย การสร้าง 1-2 คนจากแต่ละรุ่นที่ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ส่วนที่เหลือก็ถูกสโมสรปล่อยออกไปในท้ายที่สุด แต่นั่นแหละคือโลกของฟุตบอลอะคาเดมี่" อาจจะมีข้อโต้แย้งได้ว่าในระยะยาว วิธีนี้สร้างผลผลิตให้กับอาร์เซน่อลได้ดีกว่า และเมื่อเส้นทางในยูฟ่ายูธลีก จะไปไม่ได้ไกลแล้ว อาร์เซน่อลเลือกใส่ชื่อผู้เล่น 6 คน ที่ยังเป็นักเตะ School boy (อายุไม่เกิน 15 ปี) ในเกมส์กับบาเยิร์น มิวนิค ทั้ง แองเจลิโน่ เปโดร กองหลังวัย 15 ปี, เอเมอร์สัน วาเนรี น้องชายของอีธาน วาเนรี ในวัย 15 ปี และหลุยส์ มุนญอซ วัย 13 ปี ซึ่งกลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่นในรายการนี้ แต่ผลข้างเคียงของแนวทางนี้กำลังปรากฏชัดในตารางคะแนน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการผลิตผู้เล่นของอะคาเดมีถูกสงสัย เส้นทางผู้เล่นสู่ทีมชุดใหญ่ยังแข็งแรงดี นอกจากนี้ อาร์เซน่อลยังเชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้เล่น U16 ชุดปัจจุบันของเฮล เอนด์ คือหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นที่ดีที่สุดในรอบหลายปีของสโมสร ล่าสุดพวกเขาเพิ่งคว้าแชมป์พมีเมียร์ลีก U16 เนชันทัวร์นาเมนท์ 2025/26 และก่อนหน้านั้นทีมชุดนี้ ก็คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกคัพ U16 2024/25 เราก็ต้องมารอดูกันว่าทีมรุ่น U16 ชุดนี้ จะมอบทั้งการพัฒนา และผลลัพธ์ ให้กับฟุตบอลอะคาเดมี่ได้อย่างที่คาดหมายกันหรือไม่ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อีกหนึ่งประเด็นปัญหาในอะคาเดมี่ของอาร์เซน่อล หลายแหล่งข่าวรอบอะคาเดมีพูดตรงกันถึง “ประเด็นด้านความแข็งแกร่งทางร่างกาย” ทีมเยาวชนอาร์เซนอลเล่นได้เนียนตา ทักษะยอดเยี่ยม แต่คู่แข่งมักเอาชนะทางร่างกายได้ง่ายเกินไป คำพูดว่า “เสียประตูแบบง่ายๆ (SOFT)” คือการพูดแบบสุภาพถึงข้อเท็จจริงที่ว่ากองหลังสู้ความแข็งแรงของคู่แข่งไม่ได้ หรือเล่นดุดันไม่พอ ประตูที่เสียมาจากจังหวะบอลสอง หรือการเปิดเข้ามาที่อาร์เซนอลแพ้ในอากาศอย่างชัดเจน เช่นในเกมแพ้สลาเวีย ปราก 5-1 ที่ทีมเจ้าถิ่นชนะการปะทะเกือบทั้งหมด และได้สองประตูจากลูกตั้งเตะ การเสียประตูแบบง่ายๆ เป็นปัญหาของอะคาเดมี่อาร์เซน่อลมาอย่างยาวนานแล้ว มันไม่ใช่เรื่องโชคร้าย อาร์เซน่อลเน้นผลิตผู้เล่นกองกลางและตัวรุกที่มีเทคนิค ทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขาไม่ได้เน้นพัฒนาความแข็งแกร่งของร่างกายโดยรวมของผู้เล่นเยาวชน รวมถึงในแง่ของแท็กติกการเล่นที่พยายามจะเล่นให้ได้แบบทีมชุดใหญ่ แต่ปัญหาคือการเพลสที่ไม่สม่ำเสมอ เราอาจจะได้เห็นผู้เล่นกองหน้า หรือผู้เล่นหมายเลข 10 มีความตั้งใจที่ดีในการเข้าเพลสแดนบน แต่แนวที่สองมาถึงช้า ทำให้คู่แข่งสามารถเจาะผ่านแถวแรกได้แบบง่ายๆ และฉกฉวยช่องว่างตรงกลางสนาม ผลลัพธ์คือแนวรับต้องเจอกับแรงกดดัน และกองหลังหลายคนรับมือกับความแข็งแกร่งของคู่แข่งไม่ได้ แบ็คสองข้างถูกสอนให้เล่นอินเวิร์ต เข้ามารับบอลตรงกลาง เวลาที่ได้ครองบอลแบบที่เราเห็นจนชินตากับทีมของมิเกล อาร์เตต้า แต่ผู้เล่นเยาวชน ไม่รู้ว่าจะต้องขยับเข้ากลางตอนไหน หลายครั้งขยับเร็วเกินไป หรือไม่ก็ถูกจับทางได้ง่าย จนกลายเป็นทิ้งช่องว่างให้กับตัวรุกของคู่แข่ง
  24. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์บุกเยือนเชลชี ในวันอาทิตย์นี้ อาการบาดเจ็บของทรอสซาร์: “วันนี้ยังมีการทดสอบอีกครั้ง เราต้องดูว่าเขารู้สึกอย่างไร มันดูไม่ใช่อาการหนักอะไร เรามีเวลาอยู่อีกไม่กี่ชั่วโมง และต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไป ยังมีโอกาสที่เขาจะพร้อมลงเล่น” ฮาแวร์ตซ์กับเยอเคเรสจะพร้อมสำหรับเกมส์นี้หรือไม่ "เรายังมีเวลาซ้อมอีกวัน ดังนั้นรอดูว่าทุกคนจะตอบสนองอย่างไร แต่พวกเขาทั้งคู่ใกล้มากๆ แล้ว เรามีแง่บวกมากๆ กับพวกเขาทั้งสองคน" อัพเดทเกี่ยวกับกาเบรียล มากัลเญส: “ยังไม่ทราบแน่ชัด เราต้องรอสแกนอีกสักหน่อยเพื่อให้ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับระยะเวลา แต่ผมค่อนข้างมั่นใจ โดยเฉพาะกับวิธีที่กาบีรับมือกับทุกอาการบาดเจ็บและกระตุ้นทุกคน เขาจะไม่ต้องพักนานนักแน่นอน” กาเบรียลจะกลับมาก่อนสิ้นปีหรือเปล่า? "ผมไม่รู้ เราจะต้องรอดู" จะเลือกมอสเกร่าหรืออินคาปิเอ้ในเกมส์นี้: “ทั้งสองคนมีโอกาสสูงมากที่จะได้ลงตัวจริงในวันอาทิตย์ เปียโร่ (อินคาปิเอ้) ก็เคยเล่นฟูลแบ็กซ้ายด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เรามี ไมลส์ ลูอิส-สเกลลีก็แน่นอนว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับเรา” เกมส์อุ่นเครื่องแบบปิดเมื่อวานนี้: “ใช่ มันเกิดขึ้นแล้ว กาบี เชซุสก็ได้ลงซ้อม อีธาน วาเนรี ก็เช่นกัน เพราะเขาต้องการลงเล่นสักหน่อย เราก็ใช้โอกาสนี้ให้กับผู้เล่นที่ต้องการจังหวะเกมส์และการแข่งขันบ้าง มันออกมาเป็นผลเชิงบวกมากๆ” คำพูดของคิมมิชที่บอกว่าอาร์เซน่อลเน้นเล่นบอลยาวและลูกตั้งเตะ: “เกมส์มันถูกทำให้เกิดขึ้นจากรูปแบบการเล่นของทั้งสองทีม และเกมส์ที่พวกเขาเจอกับปารีส แซงต์แชร์กแม็ง มีความคล้ายกันมาก เพราะแทบทุกอย่างจะกลายเป็นการประกบแบบตัวต่อตัว และวิธีที่พวกเขาเล่นกับผู้เล่นริมเส้นเช่นกัน” "สิ่งที่เราทำกับการครองบอลและการเคลื่อนที่ ทำให้เกมเกิดเป็นการต่อบอลสั้นๆ ผมเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง และนั่นก็โอเค มันเป็นส่วนหนึ่งของเกม และเป็นเกมส์ที่ทั้งสองฝ่ายมีส่วนในการกำหนดรูปแบบ" เกมส์เยือนเชลชี: “มันเป็นเกมส์ใหญ่ เป็นลอนดอนดาร์บี้ครั้งสำคัญ เรากำลังจะเจอคู่แข่งที่ดีมาก และพวกเขากำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม เรารู้ถึงความท้าทายและโอกาสที่เรามี เราพร้อมเต็มที่สำหรับเกมส์นี้” เชลชีคือคู่แข่งแย่งแชมป์หรือไม่? “พวกเขาอยู่ตรงนั้น และอยู่ตรงนั้นเพราะพวกเขาสมควรอย่างเต็มที่ ทีมที่พวกเขารวมตัวกันไว้ ตัวเลขที่พวกเขามี คุณภาพมหาศาล รวมถึงผู้จัดการทีมและสตาฟฟ์โค้ชที่พวกเขามี ทุกอย่างมันสมเหตุสมผลกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก พวกเขาสมควรอยู่ตรงนั้นจริงๆ” เกมส์สุดท้ายกับสัปดาห์ที่เจอโปรแกรมหนัก: “เรารู้ถึงความสำคัญของสัปดาห์นี้ แต่หลังจากนั้นสามวันมันก็จะสำคัญไม่ต่างกันเลย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เรามีแรงจูงใจสูงมากสำหรับเกมนี้” นี่คือเกมส์สำคัญที่สุดของซีซั่นหรือเปล่า “เรามักจะเจอคำถามเดิมแบบนี้อยู่เสมอ… ผมเข้าใจ สำหรับเราน่ะ มันเกี่ยวกับเกมส์ถัดไป เพราะเรามีชีวิตอยู่กับปัจจุบันและทำการเตรียมตัวให้ดีที่สุดเพื่อลงเล่นและชนะเกมส์” เดแคลน ไรซ์ กับรางวัลบัลลงดอร์: “ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น นั่นหมายความว่าเราคว้าแชมป์รายการสำคัญได้ เพราะมันมักจะเกี่ยวข้องกัน เขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมตั้งแต่ต้นฤดูกาล เขาเป็นผู้เล่นที่เหลือเชื่อและสำคัญมากสำหรับเรา”
  25. มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์ที่อาร์เซน่อลเปิดบ้านเอาชนะบาเยิร์น มิวนิค 3-1 อาการบาดเจ็บของ เลอันโดร ทรอสซาร์: เขาบอกว่าเขารู้สึกมีอะไรบางอย่าง เราไม่อยากเสี่ยงเลยแน่นอน เขาคิดไหมว่าอาร์เซนอลอยู่ในจุดที่ดีกว่าที่เขาคาดไว้หรือไม่: ผมไม่รู้ แน่นอนว่าเราไม่ได้คาดว่าจะมีผู้เล่นสำคัญเจ็บมากขนาดนี้ แต่สิ่งที่ดีคือวิธีที่ทีมตอบสนองอย่างต่อเนื่อง และผู้เล่นต้องปรับตัวไปเล่นในตำแหน่งต่างๆ ผมคิดว่า ยกตัวอย่างเช่น สิ่งที่มิเกล (เมริโน) ทำในวันนี้ ผมคิดว่ามันเหลือเชื่อมากในฐานะกองหน้าตัวเป้า ดังนั้นต้องขอชื่นชมพวกเขาทุกคน เพราะพวกเขามีความตั้งใจอย่างมากที่จะลงเล่น ตั้งใจอย่างมากที่จะนำความสุขมาให้สโมสรแห่งนี้ และตั้งใจที่จะชนะเกมฟุตบอล นั่นคือสิ่งที่เราต้องเดินหน้าต่อไป เลือกมอสเกราในเกมพบบาเยิร์น และเหตุผลที่เขาได้ลงเล่นก่อนอินคาปิเอ้: ผมคิดว่าเขา (มอสเกรา) ทำได้ดีมาก รวมถึง เปียโร่ (อินคาปิเอ้) ด้วย เราต้องเข้าใจว่าเขามาจากสถานการณ์แบบไหน เขามาจากเอกวาดอร์ หลังจากเพิ่งลงเล่นเต็ม 90 นาทีไปสองนัด เจอปัญหาใหญ่ จากนั้นก็มาเล่นเกมดาร์บี้ ซึ่งเป็นเกมลงตัวจริงครั้งแรกของเขาในพรีเมียร์ลีก และเขาจบเกมแบบเหนื่อยล้ามากๆ นั่นเป็นเรื่องดีที่เรามีมอสเควรา และเขาสามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง เขายอดเยี่ยมมาก ผมคิดว่าทั้งเขาและวิลลี่ (ซาลิบา) ทำได้ดีมากทั้งคู่ มาดูเอเก้ทำประตูแรกให้อาร์เซน่อล: ดีใจมาก เขาทำงานหนักอย่างเหลือเชื่อเพื่อกลับมา ผมคิดว่าเขาอยู่ในช่วงที่ยอดเยี่ยมก่อนที่จะบาดเจ็บ เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำผลงานได้ในระดับสูงที่สุด และตอนนี้เราได้เขากลับมาแล้ว เขาเล่นทางซ้าย เขาเล่นทางขวา เขาให้มิติที่แตกต่างแก่เราในแนวรุก ผมดีใจมากที่ได้เห็นเขากลับมา และหวังว่าจะมีอะไรดีๆ อีกมากจากเขา ลดช่องว่างกับทีมหัวแถวของยุโรป: แน่นอนว่าเราแสดงความคงเส้นคงวาอย่างมากในรายการนี้จนถึงตอนนี้ แต่ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เราดีใจกับสิ่งที่เราได้เห็นในวันนี้มากๆ อีกครั้ง พลังงานที่เราสร้างในสนาม สิ่งที่ทีมถ่ายทอดออกมา พลังงานที่เรานำเสนอ คุณภาพที่เราเล่นด้วย มันน่าทึ่งมาก และเราต้องรักษาระดับนี้ไว้เพราะมันยังเร็วอยู่มาก น่าเสียดายที่ทุกๆ สามวันคุณต้องทำให้ได้อีก และนั่นก็คือความงดงามของมันเช่นกัน การรีบปิดจ็อบในรอบลีกของยูซีแอล: ใช่ แน่นอน ไม่ว่าจะรายการไหน คุณยิ่งปิดจ็อบได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น แต่เรารู้ว่ามันยากมาก เรามีเกมที่ยากมากๆ รออยู่ แต่ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ดีมาก การจัดทัพในเกมส์วันอาทิตย์นี้กับเชลชี: เรารู้ดี แค่คุณดูเกมที่พวกเขาเล่นกับบาร์เซโลน่าเมื่อวานนี้ คุณก็จะเข้าใจว่าเชลซีเป็นทีมที่ดีแค่ไหน และว่าเกมจะยากแค่ไหน ดังนั้นพรุ่งนี้เราจะเริ่มเตรียมทีม และเดินหน้าต่อจากตรงนั้น คาลาฟิออรีลงมาเปลี่ยนเกมส์ได้: นั่นแหละ คือสิ่งที่ผมบอกเขาเลย! รับบอล ไปทางริมเส้น เปิดบอลไปตรงช่องระหว่างผู้รักษาประตูกับกองหลัง แล้วก็ยิงประตู ผมชอบเขาเพราะเขามีทัศนคติและออร่าที่ดีมาก เขาลงมาเพื่อสร้างความแตกต่าง และเขามีทัศนคติในแง่บวกเสมอเวลาที่เขาเล่น มันเยี่ยมมากที่ผู้เล่นลงมาด้วยความคิดแบบนั้น การทำให้ผู้เล่นไม่หลุดสมาธิ: อย่างแรกเลย ผมต้องชื่นชมผู้เล่นของเรา เพราะผมคิดว่าพวกเขาเล่นได้อย่างเหลือเชื่อมากในเกมกับทีมที่ในความเห็นของผมคือทีมที่ดีที่สุดในยุโรป โดยเฉพาะในรายบุคคล เราแข็งแกร่งมากในการแก้ปัญหาทุกอย่างที่ทีมเหล่านี้สร้างขึ้นมา จากนั้น ใช่ พวกเขารู้ว่าเราทำงานหนักแค่ไหนเพื่อเตรียมตัวสำหรับทุกๆ เกม เรารู้ว่าช่องว่างมันเล็กมากๆ เราเริ่มสัปดาห์ได้ดีมากในเกมพบสเปอร์สด้วยชัยชนะในบ้าน วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ก็เท่านั้นเอง ตอนนี้เรากลับบ้าน ไปทานข้าวเย็นดีๆ แล้วพรุ่งนี้เช้าเราก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เดแคลน ไรซ์ กองกลางคนสำคัญของอาร์เซน่อล ที่ได้รางวัล Man of the Match ในเกมส์วันนี้ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วย กำลังอยู่ฟอร์มที่ดีที่สุดในอาชีพ: ตอนนี้ผมอาจกำลังเล่นฟุตบอลได้ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้งของผม ทุกครั้งที่ผมซ้อม และทุกครั้งที่ผมก้าวลงสู่สนาม ผมรู้สึกมั่นใจมากๆ ผมอาจจะอยู่ในสภาพร่างกายที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผมมีความสุขมากกับผลงานของตัวเอง และหวังว่าระดับผลงานแบบนี้จะคงอยู่ไปอีกนาน การเล่นกับซูบิเมนดี้: การเล่นร่วมกับเขานั้นง่ายมากๆ ปกติแล้วมันต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจกับผู้เล่นใหม่ แต่ตั้งแต่วินาทีแรก ผมก็รู้เลยว่าผมสามารถเล่นเข้าขากับเขาได้ เขายอดเยี่ยมมากกับเรา เป็นนักเตะที่เหลือเชื่อจริงๆ ผมเป็นแฟนตัวยงของเขา ทั้งในฐานะคนคนหนึ่งและในฐานะนักเตะ (ในช่วงปรีซีซัน) และเมื่อผ่านไปทุกๆ นัด ความเข้าใจของเราก็ดีขึ้นอย่างยอดเยี่ยม พวกเราทุกคนเชื่อใจเขาเวลาที่เขาครองบอล มันง่ายมากที่จะส่งบอลให้เขาและรู้สึกมั่นใจกับเขา
  26. UEFA CHAMPION LEAGUE 2025/26 Arsenal 3 - 1 Bayern Munich Wed 26 November 2025, 03.00 น. GOAL: 1-0 ยูร์เรียน ทิมเบอร์ (นาทีที่ 21, ซาก้า) 1-1 เลนนาร์ท คาร์ล (นาทีที่ 32, นาร์บี้) 2-1 โนนี่ มาดูเอเก้ (นาทีที่ 69, คาลาฟิออรี) 3-1 กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (นาทีที่ 77, เอเซ่) ดาบิด ราย่า: 6.5 ประตูโดนตีเสมอราย่าก็หมดสิทธิ์ป้องกันจริงๆ ครึ่งหลังมีจังหวะที่ต้องออกแรงเซฟลูกยิงของคาร์ล ที่กระชากหนีไมล์สเข้ามาได้ นอกนั้นก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องออกแรงเพิ่ม วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 ทำหน้าที่ตามประกบกับเคน ซึ่งซาลิบาก็ทำหน้าที่ของเขาได้เป็นอย่างดี เคนแทบจะโดนตัดออกจากเกมส์ไปเลย มีแค่ท้ายครึ่งแรกที่เคลียร์บอลหน้าประตูไม่ดีไปโดนหลังซูบิเมนดี้ ดีที่บอลยังเด้งมาเข้ามือราย่า คริสเตียน มอสเกร่า: 7.0 ถือว่าแหกโผอยู่เหมือนกันที่ มอสเกร่า ได้สตาร์ทตัวจริงในเกมส์นี้ เพราะคิดว่าอินคาปิเอ้น่าจะได้เล่นต่อหลังทำผลงานได้ดีนัดก่อน แต่มอสเกร่าก็แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นแบ็คอัพชั้นยอดอีกครั้ง มอสเกร่าทำได้ดี ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรเลย แล้วเกือบจะทำประตูได้ด้วย แต่ลูกโหม่งจ่อๆ ไปติดเซฟนอยเออร์ ไมล์ส-ลูอิส สเกลลี่: 5.0 ประตูที่โดนบาเยิร์นตีเสมอ 1-1 ไมล์สไม่ได้ตื่นตัวมากพอ เรียกว่าเหม่อได้ เจอวางบอลยาวข้ามหัวไปง่ายๆ เลย อุตสาห์ได้รับโอกาสได้ลงตัวจริงในเกมส์สำคัญ แต่เหมือนจะเป็นบ่อในแผงแบ็คโฟร์ของทีมวันนี้เลย ครึ่งหลังเจอปีกบาเยิร์นเลี้ยงหนีไปดื้อสองหน ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 7.5 ทิมเบอร์ขึ้นโหม่งลูกเตะมุมให้ทีมออกนำ 1-0 ด้านเกมส์รับไม่ต้องพูดถึงเลย เก็บงานเนี้ยบ บาเยิร์นเจาะฝั่งพื้นที่ทิมเบอร์ไม่ได้เลย และจังหวะเติมขึ้นไปเล่นก็เป็นจุดที่เขาพัฒนาขึ้นชัดเจนในปีนี้ มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 7.0 ซูบิเมนดี้ไม่ได้ขยับเติมขึ้นสูงมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการปักหลักอยู่บริเวณกลางสนาม เขายังคงช่วยแจกจ่ายบอลได้ดี และไล่บี้แย่งบอลตรงกลางได้ดี เป็นเหมือนตัวปิดทองหลังพระ ช่วยตัดฟาล์วจุกจิกจนตรงกลางบาเยิร์นต่อเกมส์ไม่ได้ เราเลยเห็นบาเยิร์นทำได้แค่วางบอลจากแนวลึก เดแคลน ไรซ์: 8.0 ไรซ์เล่นได้โดดเด่นมาก โดยเฉพาะครึ่งหลัง พลังงานกินแดนกลางบาเยิร์นได้หมด มีจังหวะควบบอลทะลุเข้ากรอบเขตโทษเอง แต่นอยเออร์ยังเซฟได้เหลือเชื่อ ประตูที่สองก็เริ่มจากที่เขาดักบอลได้ตรงกลางสนาม เกมส์รับก็มีจังหวะไปช่วยบล็อกลูกยิงโอลิเซ่ ที่พาไมล์สทัวร์เข้ามาถึงกรอบเขตโทษ แล้วลูกตั้งเตะก็อันตรายเหมือนเดิม เอเบเรซี่ เอเซ่: 7.0 มีโอกาสทองที่จะยิงให้ทีมขยับนำห่าง 2-0 ในจังหวะที่ประสานงานกับเมริโน่ จนได้หลุดไปยิง แต่เอเซ่แปปบอลเปิดหน้าเท้ามากเกินไป ต้องบอกว่าเอเซ่ เริ่มเล่นเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ กับบทบาทเบอร์ 10 เข้ามีส่วนร่วมกับเกมส์มากขึ้น มีถอยลงมาช่วยล้วงบอลบ้าง ประตูที่สามเข้าเป็นคนวางบอลให้มาร์ติเนลลี่ เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.0 กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีในช่วงที่ผ่านมา แต่เกมส์นี้ทรอสซาร์อยู่ในสนามไปได้ราวๆ 37 นาที ก็มีปัญหาบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ต้องตามต่อว่าอาการจะหนักแค่ไหน บูคาโญ ซาก้า: 6.5 (C) เป็นคนเปิดลูกเตะมุมในจังหวะประตูแรก เกมส์นี้ซาก้า ถูกคอนราด ไลเมอร์ แบ็คของบาเยิร์นตามเป็นเงา แต่ท้ายครึ่งแรกไลเมอร์ไปโดนใบเหลือง ทำให้ครึ่งหลังซาก้าได้เล่นถนัดขึ้น มีโอกาสได้กดเต็มข้อตอนต้นครึ่งหลัง แต่ไม่ผ่านมือนอยเออร์ มิเกล เมริโน่: 7.0 ครึ่งแรกเมริโน่ ได้บอลไม่ได้เยอะ แต่ก็ยังพอมีจังหวะซิ่งบอลให้เพื่อนเข้าไปสู่กรอบเขตโทษบ้าง ช่วงครึ่งหลังเมริโน่ มีโอกาสลุ้นประตูสามหนในระยะเวลาไม่ห่างกันมาก โดยเฉพาะลูกที่ขึ้นโหม่งเตะมุม หลุดเสาไปนิดเดียว แล้วแกวิ่งไล่บอลตลอด ตัวสำรอง: โนนี่ มาดูเอเก้: 7.0 (นาทีที่ 37, ทรอสซาร์) ลงมาแทนทรอสซาร์ในช่วงท้ายครึ่งแรก ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าสู่เกมส์ได้ พอเล่นได้ก็กดดันแนวรับบาเยิร์นได้เป็นระยะ แล้วในที่สุด โนนี่ ปลดล็อกประตูแรกในสีเสื้อของอาร์เซน่อลได้แล้ว และเป็นประตูสำคัญที่ทำให้ทีมขึ้นนำบาเยิร์นอีกครั้งเป็น 2-1 เป็นจังหวะที่เขา เข้าฮอตที่เสาสอง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 7.0 (นาทีที่ 68, ซาก้า) อาร์เตต้า มือทองมากในการเปลี่ยนตัวเกมส์นี้ มาร์ติเนลลี่ได้บอลแตะหนีนอยเออร์ ก่อนส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายให้ทีมนำห่าง 3-1 ลูกนี้เป็นลูกเก่งของมาร์ตี้เลย ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 7.0 (นาทีที่ 68, ไมล์ส) เป็นการเปลี่ยนตัวที่แฟนบอลรอคอย เพราะไมล์สมีปัญหาจริงๆ ในเกมส์รับ แล้วริชชี่ลงมาสัมผัสแรกๆ เข้าหลุดไปเปิดบอลให้มาดูเอเก้ยิงประตูขึ้นนำ 2-1 ทันที มาร์ติน โอเดการ์ด: N/A (นาทีที่ 81, เอเซ่) เบน ไวท์: N/A (นาทีที่ 81, ทิมเบอร์)
  27. ไม่นานก่อนเกมดาร์บี้ลอนดอนเหนือจะเริ่มขึ้น แฟนทีมเหย้าได้สร้าง TIFO ขนาดมหึมา เผยให้เห็นภาพผู้เล่นทั้งในอดีตและปัจจุบัน พร้อมข้อความปลุกใจว่า “These streets are our own” (“ถนนสายนี้เป็นของพวกเราเอง”) แดน อีแวนส์ นักวาดภาพประกอบและแฟนบอลอาร์เซนอล ผู้ได้รับมอบหมายให้ทำให้ไอเดียของแฟนบอลเป็นจริง ได้อยู่ในสนามเพื่อชมขณะที่แบนเนอร์ถูกชูขึ้นเหนือศีรษะ “มันเป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อมาก” เขาบอกกับ The Athletic “การได้เห็นและได้ยินปฏิกิริยาตอบรับ การได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแบบนี้ มันทำให้ผมท่วมท้นไปหมด” การเตรียมงานหลายเดือนจากสโมสรและกลุ่มแฟนบอล แม้จะได้รับเงินสนับสนุนและการอำนวยความสะดวกจากสโมสร แต่ถูกออกแบบโดยแฟนบอลเพื่อแฟนบอล โดยได้รับความช่วยเหลือจากประสิทธิภาพการผลิตแบบที่ประเทศเยอรมัน แน่นอนว่า งานทั้งหมดนี้อาจถูกลืมในทันที หากอาร์เซนอลไม่สามารถเอาชนะได้ “พวกเรารู้สึกว่าเราทำส่วนของเราได้ดีแล้ว” อีแวนส์กล่าว “พวกเราก็แค่ต้องการให้ทีมเดินหน้าต่อและปิดงานให้สำเร็จแทนพวกเรา” และอาร์เซนอลก็ตอบสนองอย่างยอดเยี่ยม ด้วยการถล่มสเปอร์ส 4-1 ตอกย้ำสถานะของ TIFO นี้เป็นที่เล่าขานในตำนานนอร์ทลอนดอน ดาร์บี้ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สำหรับสโมสรฟุตบอลแล้ว TIFO นี้เป็นเสมือนการไถ่บาปด้วย ก่อนรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกกับปารีส แซงต์-แชร์กแมงในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อาร์เซนอลเคยแขวนแบนเนอร์สีแดงพร้อมสัญลักษณ์ปืนใหญ่สีขาวบนอัฒจันทร์ฝั่ง North Bank ไม่เพียงแค่อาร์เซนอลแพ้เกมนั้น แต่ TIFO ก็ถูกวิจารณ์ในทุกแง่มุม ตั้งแต่ ‘จืดชืด’ ไปจนถึง ‘เป็นงานบริษัทเกินไป’ และ ‘น่าอาย’ บางคนบนโซเชียลมีเดียถึงกับบอกว่ามัน “เหมือนอะไรสักอย่างจากโหมด Career ของเกม FIFA” แต่สโมสรก็ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น TIFO ของเกมกับ PSG ถูกทำขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วัน คราวนี้ เมื่อมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น อาร์เซนอลจึงให้อำนาจแฟนบอลเป็นผู้นำกระบวนการผลิต ก่อนเกมดาร์บี้ อาร์เซนอลได้เชิญสมาชิกใน Matchday Experience Forum ของสโมสรให้สร้างกลุ่มย่อยขึ้นมาเพื่อดูแล TIFO นี้ คณะทำงานประกอบด้วยตัวแทนจากกลุ่มแฟนหลายกลุ่ม เช่น Arsenal Independent Supporters Association, Arsenal Supporters’ Trust, GayGooners, Jewish Gooners และ RedAction กลุ่มแฟนบอลได้หารือกันว่าอะไรควรอยู่ใน TIFO นี้ มีบางสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้: แฟนบอลต้องการให้มีข้อความ “These streets are our own” อ้างอิงจากเพลง ‘The Angel’ ของ Louis Dunford ซึ่งเป็นเพลงปลุกใจก่อนเกม แฟนบอลยังยืนกรานด้วยว่าโซล แคมป์เบลล์ ผู้ย้ายจากท็อตแนมมาอาร์เซนอลในปี 2001 ต้องอยู่ในตำแหน่งเด่นที่สุดใน TIFO นี้ ความเห็นนั้นถูกแบ่งปันโดยอีแวนส์ ผู้วาดภาพประกอบ และเอ็ด เฟนวิก เจ้าของร้านสินค้าอาร์เซนอลไม่เป็นทางการ 1886 ทั้งคู่ถูกติดต่อแยกกันให้มาทำงานในโปรเจคนี้ร่วมกัน เช่นเดียวกับงานศิลปะรอบนอกสนามเอมิเรตส์ อาร์เซนอลต้องการให้แฟนบอลอยู่ใจกลางของงานสร้างสรรค์นี้ “ท่าทีของพวกเขาคือ ‘ให้เราช่วยคุณทำให้มันเกิดขึ้น’” เฟนวิกกล่าว แฟนบอลกลุ่มนี้ตัดสินใจเลือกชื่อเจ็ดคนที่จะอยู่ในภาพ: มาร์ติน โอเดการ์ด, บูคาโย ซาก้า, โทนี่ อดัมส์, กาเบรียล, เดวิด โรคาสเซิล, เธียร์รี อองรี และโซล แคมป์เบลล์ แต่ละคนจะอยู่ในท่าฉลองประตูหรือช่วงเวลาที่จดจำได้จากเกมพบสเปอร์ส “มันก็เป็นหน้าที่ของผมกับเอ็ดที่จะทำให้มันเท่ที่สุดเท่าที่จะทำได้” อีแวนส์กล่าว นั่นต้องใช้ความสร้างสรรค์พอสมควร “สำหรับโซล ผมใช้ท่ายืนของเขาจากอีกแมตช์ และหัวของเขาจากอีกแมตช์หนึ่ง” อีแวนส์บอก “ผมอยากให้แขนเขากางออก และศีรษะที่กำลังตะโกนของเขาลอยขึ้นมาเหมือนรูปปั้นพระเยซูคริสต์ที่รีโอ” “มีการถกกันมากว่าจะให้มันเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ไหม” อีแวนส์กล่าว “แต่เราตัดสินใจตั้งแต่แรกว่าไม่ควร เราต้องการให้มันต่างจาก TIFO ของ PSG มากที่สุด” หรืออย่างที่เฟนวิกเรียกมันอย่างเจ็บจี๊ดว่า “ผ้าม่านอาบน้ำ” -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อาร์เซนอลทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างกลุ่มแฟนบอลและผู้ออกแบบ ทำงานจนไปถึงรูปแบบสุดท้ายที่เราเห็นกันในวันอาทิตย์ ในหกสัปดาห์ก่อนดาร์บี้ พวกเขามีการประชุมอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปตามแผน สโมสรได้ว่าจ้างบริษัทเยอรมันชื่อ Supporters ในการผลิตธงนี้ บริษัทนี้เคยสร้าง TIFO มากมายในยุโรป รวมถึง TIFO รูปออซซี่ ออสบอร์นของแอสตัน วิลล่า ในเกมแชมเปียนส์ลีกกับเซลติกเมื่อเดือนมกราคม “พวกเขาจะส่งอัปเดตชิ้นเล็กๆ มาให้เราดูขณะกำลังผลิต” อีแวนส์กล่าว “คุณจะเห็นรูปตาของซาก้าช็อตหนึ่ง หรือผมของเขาเล็กน้อย มันน่าตื่นเต้นมาก” อาร์เซนอลได้รับธงนี้ที่อะคาเดมีเฮลเอนด์ (Hale End) ในวันศุกร์ก่อนเกมส์ คืนวันเสาร์ ก่อนเกมดาร์บี้หนึ่งวัน อาร์เซนอลได้จัดการซ้อมใหญ่เต็มรูปแบบที่สนามเอมิเรตส์ “ผมอยู่ที่นั่นกับลูกชายวัยหกขวบ มันสุดยอดมาก” อีแวนส์กล่าว “ผมแทบอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้เลย “พวกเราเห็นมันที่เฮลเอนด์ตอนที่มันถูกกางกับพื้น แต่นั่นคือเรามองจากด้านหลัง แต่พอเห็นมันถูกชูขึ้นครั้งแรกในคืนวันเสาร์ มันเหลือเชื่อจริงๆ เมื่อเห็นมันตั้งอยู่ตรงตำแหน่งจริงในสนาม คุณก็รู้ทันทีว่ามันต้องได้รับการตอบรับที่ดีแน่นอน” จากนั้นในคืนวันอาทิตย์ แฟนบอลหลายคนที่มีส่วนร่วมในกระบวนการก็ได้อยู่ในสนามเพื่อชมการชู TIFO ขึ้นสูง พร้อมด้วยแสงไฟ เอฟเฟกต์พิเศษ และเพลง ‘Lose Yourself’ ของ Eminem ภรรยาและลูกสาวของเดวิด โรคาสเซิล ได้แก่ เจเน็ตและเมลิสซ่า ก็อยู่ที่นั่นด้วย เพื่อเห็นการรำลึกถึงตำแหน่งอันอมตะของเดวิดในหัวใจแฟนบอล ได้รับแรงกระตุ้นจากบรรยากาศก่อนเกมที่ลุกเป็นไฟ อาร์เซนอลก็เก็บชัยชนะอย่างงดงาม “TIFO ดูดีมาก แต่แน่นอนว่าถ้าเราแพ้ แฟนอาร์เซนอลคงคิดว่าเราทำ TIFO อีกไม่ได้แล้ว มันต้องสาปแน่ๆ” อีแวนส์พูดติดตลก การได้เห็นงานทั้งหมดนั้นไปถึงปลายทาง และอาจมีส่วนช่วยทำให้ทีมคว้าชัยชนะ คือความพึงพอใจสูงสุดของทุกคนที่เกี่ยวข้อง “มันน่าจะเป็นหนึ่งในวันที่ดีที่สุดในชีวิตของผม” เฟนวิกกล่าว แม้ทุกฝ่ายจะรู้ว่า TIFO แบบนี้คงไม่เกิดขึ้นทุกสัปดาห์ ปริมาณงานและเวลาเตรียมตัวทำให้มันแทบเป็นไปไม่ได้ แต่อาร์เซนอลก็คาดว่าจะยังคงมองหาวิธีใหม่ๆ ในการมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนบอลในโอกาสพิเศษ สำหรับอีแวนส์ ช่วงเวลาที่กินใจที่สุดอาจยังคงเป็นตอนที่เขาเห็น TIFO ถูกคลี่ออกในสนามเอมิเรตส์ที่ว่างเปล่าในคืนก่อนเกม “ผมอยู่ตรงนั้นกับโคลอี้จาก Arsenal Supporters’ Trust บริเวณข้างสนาม ลูกๆ ของเราวิ่งเล่นกันอยู่” เขาเล่า “เรายืนมองมันอยู่ด้วยกัน เราพูดกันว่าพวกเราภูมิใจแค่ไหนที่สโมสรให้โอกาสเราทำสิ่งนี้ และเราภูมิใจแค่ไหนกับแฟนบอลที่ทุ่มเทเวลาและพลังลงไป เรากอดกันเล็กน้อย และผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ “มันเป็นภาพวาดของผมก็จริง แต่นั่นคือช่วงท้ายของงานทั้งหมด ยังมีแฟนบอลจำนวนมากที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแบบนี้…มันแทบจะอธิบายไม่ได้เลย”
  1. Load more activity
×
×
  • Create New...