All Activity
- Yesterday
-
James Olley (ESPN) ในเช้าวันแรกที่อาร์เซนอลเข้าพักที่โรงแรมริมฝั่งน้ำในฮ่องกง โรงแรมหรูโร้ดวู๊ด ในย่านวิคตอเรีย ด็อกไซน์ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม เดินผ่านบริเวณล็อบบี้ใกล้ลิฟต์ และถูกแฟน ๆ นักล่าลายเซ็นไม่ต่ำกว่า 50 คนโอบล้อมเข้ามาใกล้เขตหวงห้ามมากกว่าที่เจ้าหน้าที่วางแผนไว้ อาร์เตต้าเรียกร้องให้ทุกคนใจเย็น ก่อนจะเซ็นเสื้อให้ไม่กี่ตัวที่ถูกโยนเข้ามาอย่างเร่งรีบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเข้ามาแทรกแซงและควบคุมสถานการณ์ เหตุการณ์นี้ยังเป็นตัวอย่างของความเข้มข้นที่กลายเป็นลักษณะเด่นของการทัวร์ปรีซีซั่นของสโมสรในเอเชียครั้งนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างการต้อนรับที่อบอุ่นแบบสุดขีด คำพูดอวยที่เกินจริง ซึ่งพวกเขาหวังว่าจะเป็นบทนำที่ดีต่อฤดูกาลที่อาจจะกดดันและถูกจับตามองมากที่สุดของอาร์เตตาและลูกทีม อาร์เซนอลจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ลีกติดต่อกันในสามฤดูกาลที่ผ่านมา การรอคอยแชมป์กินเวลายาวนานถึงห้าปี และสารที่สโมสรส่งออกมาในการทัวร์ครั้งนี้ได้เน้นไปที่แนวคิดเรื่อง “การทะยานสู่ระดับใหม่” อาร์เซนอลใช้เงินไปเกือบ 200 ล้านปอนด์ในการเสริมทัพ 6 ราย รวมถึงกองหน้าตัวเป้าที่แฟนบอลโหยหามานาน วิคตอร์ เยอเคเรส แทบจะกลบกระแสการทัวร์ครั้งนี้ด้วยซ้ำ จนกระทั่งเขาเข้าร่วมทีม และนั่นก็ยิ่งทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ถึงขั้นที่ชื่อของเขาได้รับเสียงเชียร์ดังกว่าทุกคนในสนาม Kai Tak Stadium ระหว่างเกมที่อาร์เซนอลพบกับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เมื่อวันพฤหัสฯ ความคาดหวังสูงมาก อาร์เตตาเริ่มเปลี่ยนคำว่า “ความกดดัน” ให้กลายเป็น “ความเชื่อมั่น” โดยกล่าวว่า ผู้ที่บอกว่าอาร์เซนอลควรคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ กำลังแสดงความเห็นว่าทีมนี้ดีพอที่จะทำได้จริง ๆ ซึ่งนั่นควรเป็นคำชมที่ผู้เล่นของเขาควรภูมิใจ อีกสิบเดือนนับจากนี้คือช่วงเวลาที่จะทำให้ความฝันกลายเป็นจริง นี่คือสิ่งที่ ESPN ได้เรียนรู้จากการใช้เวลาร่วมกับทีมในสิงคโปร์และฮ่องกง ขณะที่ทีมเตรียมตัวสู่ภารกิจครั้งใหญ่ ไม่นานหลังจากเดินทางถึงสิงคโปร์ อาร์เตตาและริชาร์ด การ์ลิค ผู้อำนวยการบริหารของทีม ได้พูดคุยกับผู้เล่นและทีมงานที่โรงแรมบนเกาะเซนโตซา แหล่งข่าวบอกกับ ESPN ว่า ธีมหลักของการพบปะครั้งนั้นสรุปได้ด้วยคำเดียว: "พลังงาน" แหล่งข่าวกล่าวว่าคำนี้ถูกใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีกในการพูดคุยที่มุ่งเน้นการรวมพลังเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง แต่ความมุ่งมั่นของพวกเขาก็ถูกทดสอบทันที การฝึกซ้อมครั้งแรกของอาร์เซนอลต้องเลื่อนออกไปเพราะฝนตกหนัก เป็นเรื่องปกติในภูมิภาคนี้ ทำให้อาร์เตตาต้องเผชิญหน้ากับสื่อกลางวันโดยไม่แน่ใจว่าทีมจะสามารถปรับตารางฝึกใหม่ได้ในวันเดียวกันหรือไม่ สุดท้ายก็สามารถจัดได้ แต่ต้องเลื่อนกิจกรรมด้านการตลาดที่แน่นขนัดออกไปหลายรายการ อย่างไรก็ตาม งานเปิดตัวชุดเยือนของทีมยังคงจัดขึ้นตามแผนในคืนนั้น โดยมี มิเกล เมริโน, ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี, มาร์ติน ซูบีเมนดี และริคคาร์โด คาลาฟิออรี ร่วมงานเคียงข้างนักแสดง วิลล์ พอลเตอร์ ผู้เล่นลงซ้อมที่สนามกีฬาแห่งชาติใต้หลังคา แหล่งข่าวหลายรายระบุว่า พวกเขารู้สึกว่าความชื้นเป็นอุปสรรคใหญ่ในการซ้อมทั้งสองครั้ง แม้ว่า ดีแคลน ไรซ์ จะให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า "ความชื้นช่วยเรื่องความฟิตนะ ผมเลยสนุกกับมันมากจริง ๆ" เยอเคเรสเอฟเฟกต์ และอันเดรีย แบร์ตา อาร์เซนอลเอาชนะเอซี มิลาน 1-0 ในเกมแรกของทัวร์เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม แต่ในขณะที่กล้องหลักของสนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์จับภาพแฟนบอลอาร์เซนอลในสนาม หลายคนก็ใช้โอกาสนั้นเลียนแบบท่าดีใจใส่หน้ากากของเยอเคเรส แหล่งข่าวบอกกับ ESPN ว่า ข่าวลือในโซเชียลมีเดียที่บอกว่าดีลเสร็จสิ้นไปก่อนเกมนั้น เป็นการพูดเกินจริง ความจริงคือแม้กระทั่งในคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ผู้บริหารระดับสูงของอาร์เซนอลก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดสุดท้ายของข้อตกลง ซึ่งยังไม่ตกลงกันได้หลังจากการเจรจากับสปอร์ติ้งอย่างยืดเยื้อ แหล่งข่าวกล่าวว่า สปอร์ติ้งเป็นคู่เจรจาที่ยากมาก แต่ อันเดรีย แบร์ตา ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซนอลก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาในการปิดดีลครั้งนี้ได้สำเร็จ แบร์ตาได้สร้างความประทับใจให้กับผู้มีอำนาจตัดสินใจของสโมสร ซึ่งเชื่อว่าเขาคือผู้บริหารระดับท็อปอย่างแท้จริงตามที่พวกเขาหวังไว้ หลังจากที่ เอดู กาสปาร์ อำลาตำแหน่งอย่างกะทันหันเมื่อเดือนพฤศจิกายน บางคนในสโมสรเคยเชื่อว่าแบร์ตาไม่น่าจะย้ายมาได้ เพราะมีความสัมพันธ์ยาวนานกับแอตเลติโก มาดริด อย่างไรก็ตาม ทิม ลูอิส รองประธานฝ่ายบริหาร และ ริชาร์ด การ์ลิค ได้พบกับแบร์ตาและผู้สมัครรายอื่น ๆ ก่อนที่แบร์ตาจะได้พบกับ อาร์เตตา และในที่สุดก็ได้พบกับ จอช ครองกี้ เพื่อให้เจ้าของสโมสร (KSE) ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ผู้บริหารบางคนในสโมสรถึงกับล้อเล่นว่าแบร์ตาเหมือนไม่เคยหลับ ความขยันของเขาสร้างความประหลาดใจแม้แต่กับคนที่เคยชื่นชมผลงานของเขาอยู่แล้ว แบร์ตาเป็นผู้นำการเจรจาในหลายดีลตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ และมักรายงานความคืบหน้ากลับไปยังผู้มีอำนาจตัดสินใจของสโมสรอย่างสม่ำเสมอ แหล่งข่าวกล่าวว่า ลักษณะเด่นอีกอย่างที่น่าชื่นชมของเขาคือการสื่อสารที่ชัดเจนและต่อเนื่อง อาร์เตตา, ลูอิส และการ์ลิค พร้อมด้วย เจมส์ คิง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการฟุตบอลที่ได้รับการแต่งตั้งกลับมาอีกครั้ง ได้ตกลงร่วมกันว่าจำเป็นต้องเพิ่มพลังในแนวรุก ระหว่างการประชุมกับเจ้าของสโมสรที่ลอสแอนเจลิสเมื่อเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่แบร์ต้าจะเข้ามารับตำแหน่ง แต่แบร์ตาก็มีบทบาทสำคัญในการระบุเป้าหมายที่เหมาะสม แหล่งข่าวเผยว่าอาร์เซนอลเคยพิจารณา อเล็กซานเดอร์ อิซัค จากนิวคาสเซิล แต่มีข้อสงสัยหลายประการ ไม่เพียงเพราะเชื่อว่านิวคาสเซิลไม่น่าจะยอมปล่อยตัว แต่ยังรวมถึงเรื่องประวัติอาการบาดเจ็บที่ทำให้ไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถลงเล่นได้ต่อเนื่องสมกับการเป็นนักเตะระดับค่าตัวเกิน 100 ล้านปอนด์หรือไม่ อาร์เซนอลยังได้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับ เบนจามิน เซสโก้ จากอาร์เบ ไลป์ซิก เป็นเวลากว่า 1 ปี แต่การเจรจาเบื้องต้นบ่งชี้ว่าดีลจะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป เมื่อเทียบกับศักยภาพที่ยังไม่ถูกพิสูจน์ของเซสโก้ ค่าธรรมเนียมการย้ายทีมและค่าเหนื่อยที่ถูกเสนอทำให้เกิดสัญญาณเตือนในสโมสร เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงหากดีลนี้ไม่ประสบความสำเร็จ แหล่งข่าวกล่าวว่า สโมสรยังคำนึงถึงความกดดันทางจิตใจของนักเตะที่ต้องรับบทเป็นกองหน้าเบอร์หนึ่งของอาร์เซนอล ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกจับตามองตลอดเวลา และผลงานการทำประตูที่น่าทึ่งของเยอเคเรส กับสปอร์ติ้ง 97 ประตูจาก 102 เกม รวมถึงความมั่นใจในบุคลิกของเขา ทำให้สโมสรเชื่อว่าเขาคือคนที่เหมาะกับงานนี้ หลังจากที่ดีลมูลค่า 63 ล้านยูโร (บวกโบนัส 10 ล้านยูโร) เสร็จสิ้นลงในที่สุด แบร์ตาก็เดินทางมาพร้อมกับเยอเคเรส ถึงสิงคโปร์ สำหรับเกมที่สองของทัวร์ ซึ่งเป็นเกมที่อาร์เซนอลชนะนิวคาสเซิล 3-2 โดยมีลูอิสซึ่งเพิ่งบินมาถึง และการ์ลิกรอต้อนรับอยู่ที่รถ แฟนบอลได้รับแจ้งให้เข้าประจำที่นั่งก่อนเวลา 19:15 น. ก่อนเวลาเริ่มแข่งจริง 15 นาที เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของเยอเคเรส และแม้ว่ากองหน้ารายนี้จะออกอาการเขินเล็กน้อยเมื่อถึงเวลานั้น แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่เหมาะสมกับการรับมือกับการถูกจับตามองมากขึ้นนับจากนี้ อาร์เซนอลเคยหวังไว้แต่แรกว่าเยอเคเรส จะได้ร่วมทัวร์ปรีซีซั่นตั้งแต่เริ่มต้น แต่การเจรจากับสปอร์ติ้งล่าช้ากว่าที่คาดไว้ ความตั้งใจที่จะให้เขาอยู่กับทีมทันในคืนวันอาทิตย์ที่สิงคโปร์ ทั้งที่หลังจากนั้นต้องเดินทางต่อไปยังฮ่องกงอีก 4 ชั่วโมงในวันอังคาร สะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาของอาร์เตตาที่ต้องการเริ่มกระบวนการปรับตัวของเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สไตล์การเล่นและความแข็งแกร่ง มีรูปแบบที่คุ้นตาหลายอย่างในการเล่นของอาร์เซนอลตลอดสามนัดที่พวกเขาลงสนามในฮ่องกง แม้กระทั่งในเกมสุดท้ายของทัวร์ที่พวกเขาแพ้ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 1-0 เบน ไวท์ และ บูกาโย ซากา ทำงานร่วมกันได้ดีทางฝั่งขวา และ มาร์ติน โอเดการ์ด ก็ได้แรงกระตุ้นกลับมาอีกครั้งจากการประสานงานที่ไหลลื่นในพื้นที่นั้น นักวิจารณ์สายมองโลกในแง่ร้ายอาจจะชี้ให้เห็นว่าทีมยังคงขาดความเฉียบคมเล็กน้อยในเกมกับสเปอร์ส ซึ่งเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นให้เห็นในฤดูกาล 2024-25 แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการเล่นของอาร์เซนอลที่มีความ "ไดเร็กซ์" มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แหล่งข่าวกล่าวว่า ภายในทีมมีการยอมรับว่าอาร์เซนอลจำเป็นต้องปรับสไตล์การเล่นเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของเยอเคเรส ออกมา เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่ถอยต่ำลงมาเพื่อเชื่อมเกมในแบบที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ สามารถทำได้ แต่ในทางกลับกัน เยอเคเรสจะถูกคาดหวังให้เล่นในจุดที่เขาถนัด นั่นคือการอยู่ระหว่างเซ็นเตอร์แบ็ค และวิ่งทะลุแนวรับให้ได้มากที่สุด แหล่งข่าวระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการเล่นบอลยาวมากขึ้น แต่เป็นการให้ความสำคัญกับการพาบอลขึ้นหน้าให้เร็วกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีการยอมรับอีกว่าปัญหาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักทำให้อาร์เซนอลเสียหายอย่างมากในฤดูกาลที่ผ่านมา สโมสรได้ทบทวนแผนการฝึกซ้อมอย่างละเอียด รวมถึงการจัดการภาระงาน โดยเฉพาะในช่วงหลังจากที่นักเตะกลับจากการรับใช้ทีมชาติ ตัวอย่างเช่น แหล่งข่าวเปิดเผยว่า อาร์เซนอลพบว่าอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขาของ กาเบรียล มากัลเญส ในเกมพบฟูแล่มเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วง 16 นาทีแรกของเกม เกิดขึ้นหลังจากเขากลับจากทีมชาติ และมีการวิ่งด้วยความเร็วระดับหนึ่งซึ่งตามข้อมูลของสโมสร ระบุว่าเขาไม่เคยวิ่งถึงระดับนั้นเลยตลอดสองเดือนก่อนหน้านั้น แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายการซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ของอาร์เซนอลได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการคัดเลือกนักเตะที่มีประวัติอาการบาดเจ็บน้อย อาร์เตตาเปิดเผยว่าเขาได้ละทิ้งระบบจัดอันดับผู้เล่นตามปริมาณเกมที่ต้องลงสนามไปแล้ว แต่แนวโน้มร่วมของนักเตะทุกคนที่สโมสรคว้าตัวมาในซัมเมอร์นี้ก็คือ การมีความฟิตและความพร้อมใช้งานสูง แหล่งข่าวย้ำว่าทางสโมสรยังยอมรับว่า เรื่องนี้ยังมีองค์ประกอบของ "ดวง" อยู่บ้าง ไม่ว่าจะวางแผนมาดีแค่ไหนก็ตาม แม็กซ์ ดาวแมน พิสูจน์ให้เห็นว่าเด็ก ๆ ก็พร้อมแล้ว อาร์เซนอลต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการ แม็กซ์ ดาวแมน ปีกวัย 15 ปี แหล่งข่าวกล่าวว่า เขาทำให้ผู้บริหารระดับสูงของสโมสรประหลาดใจ ด้วยความสามารถในการรับมือกับเกมปรีซีซั่นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเขาได้ลงเล่นแบบน่าจดจำในทั้งสามนัด ดาวแมนเป็นคนเรียกจุดโทษในเกมกับนิวคาสเซิลซึ่งตัดสินชัยชนะให้ทีม ขณะที่ในเกมกับท็อตแนม มีจังหวะที่คู่แข่งต้องส่งผู้เล่นสองคนมาประกบเขาเพื่อป้องกันสกอร์นำแบบหวุดหวิดที่สนาม Kai Tak ความสามารถอันน่าทึ่งของเขาสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลอย่างมาก และแหล่งข่าวกล่าวว่า ดาวแมนดูเหมือนจะมีทุกอย่างพร้อมสำหรับการประสบความสำเร็จในระดับสูงสุด อย่างไรก็ตาม เขายังเป็นแค่เด็กอายุ 15 ปี ที่ยังไม่สามารถเซ็นสัญญาอาชีพได้ด้วยซ้ำ หรือแม้แต่เปลี่ยนเสื้อพร้อมกับนักเตะทีมชุดใหญ่ แหล่งข่าวระบุว่าสโมสรตระหนักดีว่าเขายังอยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต และไม่มีข้อมูลภายในใด ๆ ที่สามารถตอบได้อย่างแน่ชัดว่า ดาวแมน, มาร์ลี ซัลมอน หรือดาวรุ่งคนอื่น ๆ มีร่างกายแข็งแกร่งพอสำหรับการปะทะระดับฟุตบอลชายหรือไม่ ดังนั้น แหล่งข่าวระบุว่า อาร์เตตาจึงมีแนวโน้มจะปกป้องดาวแมนโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นกองกลางที่มีทักษะพาบอลผ่านคู่แข่ง ซึ่งเสี่ยงต่อการโดนเข้าสกัดหนัก แม้ว่าการป้องกันแบบนี้อาจทำให้เขาถูกวิจารณ์จากแฟนบอลที่อยากเห็นเจ้าหนูลงเล่นมากกว่านี้ก็ตาม เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ความสามารถของเขาจะยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเก็บไว้เฉย ๆ หรือไม่ แหล่งข่าวยังบอกกับ ESPN ว่าสโมสรประทับใจกับคนรอบตัวที่คอยสนับสนุนดาวแมน และมีแผนจะยื่นข้อเสนอให้เขาเซ็นสัญญาอาชีพในช่วงต้นปีหน้า อาจเป็นช่วงเดือนมกราคม การแสวงหาความสมดุลของอาร์เตตา มิเกล อาร์เตตา เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบและจริงจังกับงานอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาสนิทกับ แบร์ตา ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า ช่วงหลังมานี้ อาร์เตตาตั้งใจมากขึ้นที่จะเตือนตัวเองให้รู้จัก "สนุกกับสิ่งที่กำลังทำอยู่" บางที นั่นอาจเป็นการยอมรับโดยนัยว่า ความเข้มข้นในตัวเขาอาจจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แหล่งข่าวระบุว่า โนนี มาดูเอเก้ เสนอที่จะเดินทางมาร่วมทีมอาร์เซนอลที่เอเชียทันที หลังจากคว้าแชมป์สโมสรโลกกับเชลซีที่สหรัฐอเมริกา เพียงไม่กี่วันก่อนจะย้ายทีมด้วยค่าตัว 52 ล้านยูโร อาร์เตตาในตอนแรกดูจะสนใจไอเดียนั้น แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าจำเป็นต้องให้ตัวนักเตะได้พักผ่อน อย่างไรก็ตาม ในบางครั้ง ความพยายามของอาร์เตตาในการแสวงหาความสมดุลก็ขัดแย้งกับสิ่งที่ตาเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะในการฝึกซ้อมแบบเปิดสองครั้งระหว่างทัวร์ อาร์เตตายังมีบทบาทอย่างกระตือรือร้นมากถึงขั้นลงไปผลักผู้เล่นด้วยตัวเอง และมีส่วนร่วมในการซ้อมอยู่ตลอด แต่อย่างว่า เขารู้ดีว่าเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่รออยู่.... -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- James McNicholas (The Athletic) วิกเตอร์ เยอเคเรส เข้าร่วมทัวร์ปรีซีซั่นของอาร์เซนอลในสิงคโปร์และฮ่องกงช่วงครึ่งหลัง แต่ มิเกล อาร์เตตา วางแผนไว้ให้เขาแล้ว ปรีซีซั่นไม่ใช่แค่เรื่องการเตรียมร่างกายเท่านั้น แต่รวมถึงการเตรียมแผนแท็กติกด้วย อาร์เตตารู้ดีว่า การได้กองหน้าคนใหม่หมายถึงการต้องปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของทีม เยอเคเรส ไม่ใช่นักเตะประเภทที่ถอยต่ำลงมาล้วงบอลและเล่นกับกองกลาง จุดแข็งของเขาคือการวิ่งทะลุแนวรับ พุ่งเข้าสู่ช่องระหว่างแบ็กกับเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ วิ่งไปรับบอลทะลุช่องเพื่อลุ้นดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตู นั่นหมายความว่า อาร์เซนอลต้องเล่นให้ "ไดเร็กซ์" มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นบอลยาว แต่เป็นการเจาะผ่านแนวรับด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น ตั้งแต่กลับมาเริ่มซ้อมในเดือนกรกฎาคม อาร์เตตาก็เริ่มลงมือปรับแท็กติกนี้ทันที ค่อยๆ ขัดเกลาและเตรียมทีมสำหรับฤดูกาลใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน ในเกมพ่ายท็อตแนมที่จบทัวร์นั้น ทีมอาจยังดูเหมือน "ยังไม่เสร็จสมบูรณ์" อยู่บ้าง แต่ผู้จัดการทีมเชื่อมั่นว่าทีมของเขากำลังเดินมาถูกทางแล้ว อาร์เตตาทำงานร่วมกับแผนกสมรรถภาพของสโมสร วางแผนปรีซีซั่นแบบขั้นบันได โดยเริ่มจากแคมป์ฝึกซ้อมที่จัดโดยสโมสร ต่อด้วยการเดินทางไปยังศูนย์ฝึกลามังก้า ที่เมืองมูร์เซีย ประเทศสเปน ทริปที่ลามังก้า ถือเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากสำหรับอาร์เตตาและทีมงาน เพราะต่างจากทัวร์เอเชียที่มีพันธะทางการค้าและสื่อมากมาย อาร์เซนอลเดินทางไปแบบเรียบง่ายโฟกัสเกือบทั้งหมดอยู่ที่เรื่องฟุตบอล วันที่ 19 กรกฎาคม อาร์เซนอลบินออกจากอังกฤษไปยังสิงคโปร์ พร้อมทีม 30 คนในการทัวร์ครั้งนี้ ผู้เล่นใหม่อย่าง มาร์ติน ซูบีเมนดี, เกปา อาร์ริซาบาลากา, และ คริสเตียน นอร์การ์ด ต่างก็ร่วมทริปนี้ เช่นเดียวกับดาวรุ่งจากอะคาเดมีหลายคน รวมถึงเด็กวัย 15 อย่าง แม็กซ์ ดาวแมน และ มาร์ลี แซลมอน ขณะที่ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร อันเดรีย แบร์ตา และรองประธานบริหาร ทิม ลูอิส พักอยู่ที่อังกฤษเพื่อเร่งเจรจาคว้านักเตะอีกสองคน ได้แก่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ คริสเตียน มอสเกรา และเยอเคเรส ซึ่งทั้งคู่สามารถย้ายมาร่วมทีมได้ทันก่อนจบทัวร์ รวมแล้วอาร์เซนอลคว้านักเตะทีมชุดใหญ่ในซัมเมอร์นี้ได้ทั้งหมด 6 คน (รวมถึง โนนี มาดูเอเก้ ที่ไม่ได้ร่วมทริปเพราะอยู่ในช่วงพักร้อนหลังจบฟุตบอลสโมสรโลก) อาร์เซนอลประทับใจในความทุ่มเทของแบร์ตา เป็นอย่างมาก และพอใจกับแผนงานซื้อขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ทั้งในแง่ "จังหวะเวลา" และ "ตัวบุคคล" วันที่ 20 กรกฎาคม ทีมเดินทางถึงโรงแรม W บนเกาะเซ็นโตซา โดยมีกำหนดฝึกซ้อมครั้งแรกในเช้าวันจันทร์ แต่ฝนตกหนักทำให้ต้องเลื่อนเป็นช่วงเย็นแทน ทีมฝึกซ้อมที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งแม้จะมีหลังคาปิดบางส่วน แต่ความร้อนและความชื้นก็ยังสูงมาก คืนนั้น นักเตะบางส่วนร่วมกิจกรรมเปิดตัวชุดแข่งใหม่ของอาร์เซนอล ที่บาร์ดาดฟ้าสูงที่สุดในสิงคโปร์ ชื่อว่า Nova บรรยากาศเป็นกันเองอย่างมาก ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี ถึงขั้นพยายามชวนช่างภาพประจำสโมสร สจ๊วร์ต แมคฟาร์เลน เต้นรำ ขณะที่ ซูบีเมนดี ก็คุยอย่างออกรสกับเพื่อนสนิทและ "พี่เลี้ยงไม่เป็นทางการ" อย่าง มิเกล เมริโน ถึงแม้เขาจะสนิทกับเมริโน อดีตเพื่อนร่วมทีมที่เรอัล โซเซียดัด แต่ซูบีเมนดีก็พยายามอย่างมากที่จะปรับตัวและพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น เขามีพื้นฐานภาษาที่ดีอยู่แล้ว และยังคงเรียนเพิ่มสัปดาห์ละสองครั้ง วันที่ 22 กรกฎาคม มีข่าวใหญ่ออกมาว่า อาร์เซนอลใกล้บรรลุข้อตกลงกับเยอเคเรสแล้ว เป็นข่าวที่ฮือฮาในทีม นักเตะหลายคนติดตามข่าวการย้ายทีมนี้อย่างใกล้ชิด วันที่ 23 กรกฎาคม อาร์เซนอลลงเล่นเกมอุ่นเครื่องนัดแรกของทัวร์กับเอซี มิลาน และชนะด้วยประตูจาก บูคาโย่ ซาก้า แต่คนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดกลับเป็น แม็กซ์ ดาวแมน “แม็กซ์น่าทึ่งมาก” เดแคลน ไรซ์ กล่าวหลังเกม “ทุกคนพูดถึงแม็กซ์ว่าเก่งขนาดไหน แต่ก็ยังมีดาวรุ่งอีก 5-6 คนที่ได้ลงเล่นคืนนี้ มาร์ลี (แซลมอน), จอช นิโคลส์, ลูอี โคปลีย์ ที่อยู่บนม้านั่งสำรอง กลุ่มเด็กๆ ที่มากับเราชุดนี้ทำให้ผมประหลาดใจมากๆ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหลายคนในสนาม พวกเขาใจเย็น สงบนิ่งมาก ทั้งที่อายุแค่ 15-16 เอง ต่างกับผมมากตอนอายุเท่านั้น พวกเขาเล่นโดยไม่กลัวอะไรเลย เรามีกลุ่มดาวรุ่งที่ดีมากๆ กำลังเติบโตขึ้นมา แน่นอนว่า แม็กซ์จะได้รับการพูดถึงเยอะที่สุด แต่ก็มีนักเตะคนอื่นๆ อีกมากที่มีของดีเหมือนกัน อนาคตของเราจะโชคดีมาก ถ้าเด็กกลุ่มนี้เติบโตมาเป็นนักเตะตัวหลักได้จริงๆ” แม้ว่าอาร์เซน่อลจะชนะในเวลา 90 นาที แต่ก็มีการดวลจุดโทษตามที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าหลังจบเกม เซ็นเตอร์ฮาล์ฟวัยรุ่นอย่างแซลมอนรู้สึกผิดหวังที่ยิงลูกโทษพลาดซึ่งเป็นลูกตัดสิน แต่เมริโนก็รีบเดินเข้าไปปลอบใจทันที กองกลางทีมชาติสเปนรายนี้เป็นสมาชิกที่ได้รับความนิยมและได้รับความเคารพอย่างสูงในทีม และในวัย 29 ปี เขาก็กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีประสบการณ์มากที่สุดของทีม การดวลจุดโทษนั้นไม่ใช่จุดจบของค่ำคืนสำหรับผู้เล่นอาร์เซน่อล มีนักเตะหลายคนที่ยังทำงานในยิมและอบอุ่นร่างกายต่อ หลังจากนั้นผู้เล่นก็ผ่อนคลายที่ร้านอาหารท้องถิ่นและซูชิบาร์ชื่อ KOMA วันถัดจากเกม ผู้เล่นได้รับวันหยุด ไรซ์และนอการ์ดไปเล่นกอล์ฟ ส่วนริคาร์โด้ คาลาฟิออรี, วิลเลียม ซาลิบา, จาคุบ คิวิออร์, รีส เนลสัน และอีธาน เอ็นวาเนรีไปเที่ยวสวนสนุก Universal Studios ขณะเดียวกัน มีแข้งหน้าใหม่คนหนึ่งก็ถูกพบที่ห้าง Marina Bay Sands มอสเกวร่า ซึ่งบินมาจากลอนดอนหลังจากเสร็จสิ้นการย้ายทีมจากบาเลนเซีย ในช่วงเย็นของวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม แฟนบอลจำนวน 12,000 คนเข้าร่วมการฝึกซ้อมแบบเปิดของอาร์เซน่อลที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ นั่นเป็นการฝึกซ้อมครั้งที่สองของวัน เพราะก่อนหน้านั้นทีมก็ฝึกในช่วงเช้าด้วย ด้วยการมีอยู่ของกล้องถ่ายภาพจำนวนมาก การฝึกซ้อมที่เปิดต่อสาธารณะของอาร์เตตาจึงค่อนข้างสั้นและไม่ลงลึกในรายละเอียดแทคติกมากนัก ส่วนใหญ่เป็นการฝึกฟิตเนส, ทักษะการเล่นบอล และเกมขนาดเล็ก ผู้เล่นชุดใหญ่อาร์เซน่อลได้เล่นกับทีมที่ประกอบด้วยสตาฟฟ์โค้ชของอาร์เตตาเอง รวมถึงคู่เซ็นเตอร์แบ็คอย่างกาเบรียล ไฮน์เซ่ และหัวหน้าฝ่ายสมรรถภาพร่างกายอย่างแซม วิลสัน อาร์เซน่อลยังใช้โอกาสนี้แนะนำตัวมอสเกร่าต่อแฟน ๆ ด้วย ปราการหลังวัย 21 ปีกำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษ แต่ได้รับการสนับสนุนให้ปรับตัวด้วยกลุ่มผู้เล่นที่พูดภาษาสเปนจำนวนมากในทีม ในหมู่ผู้ชมที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมแบบเปิดในสิงคโปร์ สโมสรได้ต้อนรับเด็ก ๆ ที่เคยเข้าร่วมคลินิกฟุตบอลที่จัดขึ้นโดยโค้ชของอาร์เซน่อลและตำนานสโมสรอย่างเรย์ พาร์เลอร์, จิลแบร์โต้ ซิลวา และบาการี่ ซาญ่า หลังจบการฝึก เด็ก ๆ เหล่านี้บางคนได้ลงไปในสนามเพื่อเตะบอลร่วมกับทีมชุดใหญ่ และต่อมาได้เข้าร่วมการถาม-ตอบกับอาร์เตตาและทีมงานของเขา วันถัดมา อาร์เซน่อลพบกับนิวคาสเซิลซึ่งเป็นทีมจากพรีเมียร์ลีก ก่อนเกม ไฮน์เซ่ ผู้ช่วยโค้ชคนใหม่ได้ฝึกซ้อมการรับมือลูกเปิดจากมุมเฉียงของสนาม กับลูอิส-สเกลลี่ ไฮน์เซ่เคยเป็นแบ็คซ้ายทีมชาติ และเขาใช้เวลาอย่างมากในการทำงานด้านแทคติกการป้องกันร่วมกับลูอิส-สเกลลี่ ผู้ช่วยโค้ชคนใหม่นี้ได้สร้างความประทับใจอย่างมากในสนามซ้อม เขาตรงไปตรงมา, มีพลัง และพูดเสียงดังเป็นประจำ ผู้เล่นบางคนชอบสไตล์การโค้ชแบบนี้ ในขณะที่บางคนอาจต้องปรับตัวบ้าง อาร์เซน่อลเอาชนะนิวคาสเซิลไปได้ 3-2 จากลูกจุดโทษที่ได้จากการเลี้ยงเข้าเขตโทษของดาวแมน และมาร์ติน โอเดการ์ดเป็นคนยิงเข้าไป เกมนี้เป็นเกมที่ใช้พละกำลังอย่างมากตามที่อาร์เซน่อลคาดไว้ ผู้เล่นหลายคนออกจากสนามพร้อมกับถุงน้ำแข็งประคบจากอาการเจ็บที่ได้รับ อาร์เตตาไม่ชอบคำว่า “กระชับมิตร” ภายในทีมเขาเรียกเกมเหล่านี้ว่า “บททดสอบ” และในกรณีของนิวคาสเซิล มันรู้สึกว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง อาร์เตตาเคยลังเลว่าจะส่งดาวแมนลงสนามในเกมที่เขารู้ว่าต้องเจอความหนักหน่วงทางร่างกายมากหรือไม่ แม้ว่าจะไม่มีข้อสงสัยในพรสวรรค์ของเขา แต่ร่างกายของเขาพร้อมจะรับมือกับการเข้าปะทะหนัก ๆ ที่จะต้องเจอหรือยัง? ทักษะและความมั่นใจของเขาไม่ใช่ประเด็น แต่เรื่องความหนาแน่นของกระดูก ความทนทานล่ะ? เขายังเป็นเด็กวัยรุ่นในเกมของผู้ใหญ่ อาร์เตตาไม่จำเป็นต้องกังวล ดาวแมนทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง เขาสลัดการเข้าสกัดรุนแรงจากโจลินตันและยังคงสร้างผลงานในเกมได้ต่อไป ผลงานทางกายภาพของเขาทั้งในการฝึกซ้อมและการแข่งขันใกล้เคียงกับผู้เล่นระดับทีมชุดใหญ่แล้ว จนถึงตอนนี้ ดาวแมนผ่านทุกบททดสอบ คำถามที่อาร์เตตาต้องขบคิดในตอนนี้คือ เมื่อใดที่เขาจะพร้อมสำหรับการลงสนามในเกมแข่งขันจริง นักเตะจากอคาเดมีหลายคนมีครอบครัวที่เดินทางมาชมทีมในการทัวร์ครั้งนี้ สำหรับพวกเขา นี่คือโอกาสแรกที่ได้เห็นนักเตะเยาวชนเหล่านี้ในสภาพแวดล้อมของทีมชุดใหญ่ เล่นกับนักเตะระดับทีมชาติในสนามที่เต็มไปด้วยแฟนบอล ประเด็นรองในเกมกับนิวคาสเซิลคือการมาถึงของเยอเคเรส เมื่อการเจรจาเสร็จสมบูรณ์ เขาเข้ารับการตรวจร่างกายที่ลอนดอนในวันเสาร์ก่อนบินมายังสิงคโปร์ เขาเดินทางพร้อมกับแบร์ต้าโดยสายการบินพาณิชย์ทั่วไป และมาถึงสนามบินชางงีเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกมจะเริ่ม รองประธานบริหาร ลูอิส บินมาก่อนหนึ่งวันและอยู่ที่สนามเพื่อรอต้อนรับเยอเคเรส กองหน้าชาวสวีเดนคนใหม่ของอาร์เซน่อลถูกพาไปแนะนำตัวกับแฟนบอลก่อนเริ่มเกม จากนั้นเขาก็ไปนั่งชมเกมจากบนอัฒจันทร์ เขาได้พบกับอดีตเพื่อนร่วมทีมไบรท์ตัน เบน ไวท์ ที่อุโมงค์ทางเดินนักเตะ และหลังเกมก็มีโอกาสพูดคุยกับผู้จัดการทีมคนใหม่ของเขา ทั้งคู่สวมกอดกันอย่างอบอุ่น อาร์เตตาต้องการให้กีออเคเรสมาร่วมทีมโดยเร็วที่สุด หลังจากชัยชนะ 3-2 นักเตะอาร์เซนอลไปรวมตัวกันที่บาร์ค็อกเทล Avenue การทัวร์ปรีซีซั่นเหล่านี้เปิดโอกาสให้ทีมได้สร้างความสัมพันธ์นอกสนามในบรรยากาศผ่อนคลาย ปราศจากสายตาสอดรู้สอดเห็นและปาปารัซซีแบบที่มักเจอในลอนดอน หลังจากหยุดพักในวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม ทีมกลับมาฝึกซ้อมในช่วงเช้าในสิงคโปร์ ก่อนจะออกเดินทางไปฮ่องกงในช่วงบ่าย วันอังคารช่วงเช้านั้นเป็นการฝึกซ้อมครั้งแรกของเยอเคเรสในฐานะนักเตะอาร์เซนอล และเขาได้รับการต้อนรับตามธรรมเนียม ด้วยการยืนตั้งแถวตบหลังต้อนรับจากเพื่อนร่วมทีม เครื่องบินของอาร์เซนอลล่าช้าเล็กน้อย แต่พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ ที่รออยู่นอกโรงแรมโร้ดวู๊ด “ผมรู้สึกประทับใจมาก” อาร์เตต้ากล่าวในการแถลงข่าวในสัปดาห์นั้น “วันที่เรามาถึง พอเห็นฝูงชนด้านนอกโรงแรม มันทำให้คุณรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ และรู้สึกโชคดีที่มีแฟนบอลสนับสนุนเราด้วยความหลงใหลในระดับนี้” เช้าวันรุ่งขึ้น สตาฟฟ์ของอาร์เตต้า รวมถึง ไฮน์เซ่, อัลเบิร์ต สตูเฟนเบิร์ก และนิโคลัส โยเวอร์ เดินไปที่ Avenue of Stars ของฮ่องกง และถ่ายภาพกับรูปปั้นของบรูซ ลี ในขณะเดียวกัน ไค ฮาแวร์ตซ์ และ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ไปเยี่ยมโรงเรียนฟุตบอลของเด็กท้องถิ่น ร่วมให้คำแนะนำและเซ็นลายเซ็น ก่อนเชิญเด็กๆ มาพบกับทีมทั้งหมดในช่วงเย็น เด็กๆ มากกว่า 10,000 คนจากทั่วเอเชียเคยผ่านโรงเรียนฟุตบอลของอาร์เซนอลในภูมิภาคนี้ ในคืนนั้น อาร์เซนอลจัดการฝึกซ้อมแบบเปิดอีกครั้ง เยอเคเรสเป็นจุดสนใจหลัก ทัชแรกที่โดดเด่นของเขาคือการปั่นบอลด้วยเท้าซ้ายจากจังหวะตัดกลับเข้ามา ส่งบอลพุ่งเสียบมุมบนสุดของประตู ตลอดการฝึกซ้อม เขาโชว์ลูกยิงหลากหลายแบบจนแฟนๆ ส่งเสียงฮือฮาอย่างชื่นชม ท้ายการฝึกซ้อม อาร์เซนอลแบ่งสนามเป็นสองฝั่ง เล่นเกมขนาดย่อมแบบ 11 ต่อ 11 โดยแบ่งเป็นทีมผู้เล่นชุดใหญ่สู้กับทีมสตาฟฟ์ เพราะมีนักเตะถึง 32 คนในทีมทัวร์ ทำให้บางคนอย่าง อัลเบิร์ต ซามบี โลกองก้า ต้องไปช่วยทีมสตาฟฟ์ หนึ่งในทีมของอาร์เซนอลมีเยอเคเรสเป็นกองหน้า อีกทีมเป็นไค ฮาแวร์ตซ์ ความแตกต่างของสไตล์ชัดเจน ฮาแวร์ตซ์ถอยต่ำลงมาลิงก์บอลกับแดนกลาง ส่วนเยอเคเรสยืนเกาะแนวรับสุดท้าย รอจังหวะวิ่งสอดหลังแนวรับ อาร์เซนอลลงเตะเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายของทัวร์กับท็อตแนมที่สนาม Kai Tak พวกเขาเอาจริงกับเกมนี้ มิเกล โมลิน่า ผู้ช่วยโค้ช และทีมวิเคราะห์เกมของทีมชุดใหญ่ ดูเกมจากมุมสูง เหมือนเกมการแข่งขันจริง บรรยากาศในสนามเร้าใจสุดๆ และเมื่อลำดับชื่อผู้เล่นถูกประกาศ ไม่มีใครได้รับเสียงเชียร์ดังกว่า เดแคลน ไรซ์ ทั้งในสิงคโปร์และฮ่องกง ไรซ์เป็นขวัญใจอันดับต้นๆ เสียงต้อนรับของเขาดังกว่าแม้กระทั่ง บูกาโย่ ซาก้า และ มาร์ติน โอเดการ์ด เยอเคเรสได้ลงสนามช่วงท้ายเกม แต่ยังต้องเรียกความฟิต เนื่องจากไม่ได้ร่วมฝึกปรีซีซั่นกับสปอร์ติ้ง มาก่อน เช่นเดียวกับอาร์เซนอลที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการปรับแผนการเล่นให้เข้ากับกองหน้าตัวใหม่ อาจต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าทุกอย่างจะเข้าที่ อาร์เซนอลผิดหวังที่แพ้ท็อตแนม แต่สำหรับอาร์เตต้า เขามองว่าความพ่ายแพ้ 1-0 นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่เตือนใจว่าไม่ควรปล่อยให้มาตรฐานตกลง “ผลการแข่งขันคืนนี้ฝากความรู้สึกบางอย่างไว้ ซึ่งผมคิดว่าจะเป็นผลดีในระยะยาว” เขากล่าวในการแถลงข่าวหลังเกม หลังจบเกม นอร์การ์ดได้พบกับ โธมัส แฟรงค์ อดีตกุนซือที่เคยร่วมงานกันอย่างยาวนาน “ผมรู้จักเขาตั้งแต่เขาอายุ 15” แฟรงค์กล่าว “ตอนนี้เขาอายุ 31 แล้ว ผมเป็นโค้ชเขามา 12 ปี ก็ถือว่าเรารู้จักกันดีมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมต้องคุมทีมแข่งกับเขา เขาเล่นให้ผมมากกว่า 300 นัด รู้สึกแปลกที่ได้เห็นเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาเป็นนักเตะชั้นยอด และผมเข้าใจว่าทำไมอาร์เซนอลถึงอยากได้เขา ผมดีใจมากที่เขาได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้ในช่วงปลายอาชีพ” นอร์การ์ดฝากความประทับใจไว้ในทัวร์ครั้งนี้ “ผมคิดว่าเขาเป็นมืออาชีพสุดๆ” มิเกล เมริโน่ กล่าว “เป็นนักเตะมากประสบการณ์ ไม่ใช่แค่ในเกมฟุตบอล แต่ในพรีเมียร์ลีกด้วย คุณจะเห็นความนิ่งและความสุขุมของเขา ไม่ใช่แค่ในสนาม แต่รวมถึงนอกสนาม เขาสามารถช่วยเหลือนักเตะดาวรุ่งในทีมได้มาก ซึ่งเรามีเยอะด้วย และนั่นคือเรื่องดี แต่คุณก็ต้องผสมผสานกับนักเตะที่มีประสบการณ์บ้าง ผมคิดว่าเรามีสมดุลที่ดีมากในทีมปีนี้” ในช่วงไม่กี่ปีก่อน อาร์เซนอลมักจะเดินทางกลับทันทีหลังจบแมตช์อุ่นเครื่องนัดสุดท้าย แต่คราวนี้ พวกเขากลับโรงแรมในฮ่องกงเพื่อพักอีกหนึ่งคืน ก่อนเดินทางกลับในวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม นักเตะ รวมถึงนักเตะใหม่อย่าง โนนี่ มาดูเอเก้ จะกลับมารายงานตัวที่ลอนดอน โคลนีย์ในวันจันทร์ เพื่อเตรียมอุ่นเครื่องนัดต่อไปกับบียาร์เรอัลในวันที่ 6 สิงหาคม ฤดูกาลพรีเมียร์ลีกของพวกเขาจะเริ่มในวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม โดยจะพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมเยือน “เรารู้สึกขอบคุณครอบครัวอาร์เซนอลทุกคนสำหรับความอบอุ่น ความหลงใหล และพลังงานที่มอบให้เราตลอดเวลาที่อยู่ในสิงคโปร์และฮ่องกง” ริชาร์ด การ์ลิค กรรมการผู้จัดการของอาร์เซนอลกล่าว “การสนับสนุนจากที่นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมการแข่งขัน การฝึกซ้อมแบบเปิด กิจกรรมชุมชนและกิจกรรมกับแฟนๆ หรือแม้แต่แฟนๆ ที่เราเจอบนท้องถนน พวกเขาทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน” “ผมรู้สึกดีมากกับทุกสิ่งที่ได้เห็นในช่วง 10 วันที่ผ่านมา” อาร์เตต้ากล่าวหลังเกมกับสเปอร์ส “มันทำให้ผมมั่นใจ เราเดินหน้าได้เร็วกว่าที่ผมคาดไว้ในหลายด้าน” “เราจะเริ่มต้นอีกครั้งในวันจันทร์ ด้วยเกมใหญ่อีกสองนัดที่เอมิเรตส์ เพื่อเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับการไปเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด”
- Last week
-
PRE-SEASON Arsenal 0 - 1 Tottenham Thu 31 July 2025, 18.30 น. GOAL: 0-1 ปาป มาตาร์-ซาร์ (นาทีที่ 44) ดาวิด ราย่า: 6.0 การเสียประตูท้ายครึ่งแรก ราย่าก็มีส่วนรับผิดชอบด้วย เพราะเลือกเล่นจังหวะเสี่ยงไปหน่อย จ่ายยัดให้ไมล์สที่อยู่ในวงล้อมผู้เล่นสเปอร์ พอเสียประตูเจอยิงสวน ราย่าที่ออกมาไกลกลับไปป้องกันไม่ทัน ครึ่งแรกจังหวะเตะมุมของสเปอร์ 2 หนถูกผู้เล่นสเปอร์มาก่อกวนจนขึ้นไปเล่นบอลไม่ได้ ก็หวาดเสียวจะโดนอยู่เหมือนกัน ครึ่งหลังแทบไม่มีอะไรต้องทำ วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.5 ครึ่งแรกพอไม่มีตัวคุมจังหวะตรงกลาง กลายเป็นซาลิบาที่ต้องขึ้นมาเป็นตัวแจกจ่ายบอลแทน มาตรฐานของซาลิบายังดีเหมือนเดิม ทดเจ็บที่เจอสเปอร์สวนกลับ ก็ยังเป็นซาลิบาที่ไปตัดจังหวะสุดท้ายได้ทัน ยาคุบ คิวิออร์: 6.5 แนวรับวันนี้หายไปเยอะ คิวิออร์เลยได้สตาร์ทตัวจริง ผลงานถือว่าทำได้ดีเลยสำหรับคิวิออร์ มีจังหวะบล็อกลูกยิงของคูดูส และไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่: 6.0 ต้องดวลกับคูดูสปีกตัวใหม่ของสเปอร์ สมาธิกับเกมส์ก็ดูดีขึ้นกว่าสองนัดแรกหน่อย แต่ช่วงท้ายครึ่งแรก จังหวะที่เสียประตูให้สเปอร์ ไมล์สไปโดนตัดบอลตรงกลางสนาม แต่จังหวะนี้มันควรจะฟาล์วได้เหมือนกัน เพราะโดนริชาร์ริซอนเข้าเตะข้อเท้าจากด้านหลัง แต่กรรมการไม่เป่า เบน ไวท์: 6.0 ก็มีถูกกดดันจากเกมส์รุกของสเปอร์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าเจอกดดันอะไรหนักมาก นานๆ มาสักที จังหวะเติมเกมส์รุกก็พอมีบ้าง แต่มันก็ไม่ค่อยลงตัวกันสักเท่าไร คริสเตียน นอร์การ์ด: 6.0 นอร์การ์ดเหมือนจะเป็นคนที่ทำหน้าที่เบรกเกมส์ ชะลอเกมส์ รอเก็บบอลจังหวะสอง ในจ็อบเท่านี้ถือว่านอร์การ์ดก็ทำได้ตามหน้าที่ แต่เขาไม่ใช่คนที่ขึ้นมาคุมจังหวะเกมส์ และไม่ใช่คนที่พักบอลตรงกลาง ทำให้การลำเลียงบอลดูไม่ค่อยต่อเนื่องสักเท่าไร เดแคลน ไรซ์: 5.5 ไรซ์ในการทัวร์ปรีซีซั่นที่เอเซียดูฟอร์มยังไม่เข้าที่เข้าทางเลยตลอด เราเห็นไรซ์เสียบอลง่ายๆ หลายครั้งเลย และจะสนับสนุนเกมส์รุกดูเบามาก มาร์ติน โอเดการ์ด: 5.5 พยายามจะปั้นเกมส์ในพื้นที่สุดท้าย แต่บางครั้งเร่งจังหวะเกินไปหน่อย จนกลายเป็นจ่ายบอลกันพลาด จังหวะได้ลุ้นสับไกก็ไม่ผ่านบล็อกแนวกองหลังสเปอร์ บูกาโญ ซาก้า: 5.5 (C) ซาก้าเลี้ยงไม่ผ่านเหมือนกัน เมื่อเจอกับ 2-3 ด่านของสเปอร์ที่ขวางหน้าอยู่ หลายครั้งที่พยายามฝืนกลายเป็นเสียบอล เกมส์รุกดูน่าห่วงในวันที่ฝั่งขวาไม่มา เกมส์บุกของอาร์เซน่อลไม่มีอะไรน่ากลัวเลย กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 5.0 ฟอร์มก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นจากสองเกมส์แรกในปรีซีซั่น มาร์ติเนลลี่แทบจะกดดันอะไรแนวรับสเปอร์ไม่ได้เลย จังหวะหนึ่งต่อหนึ่งไม่มีความอันตรายเลย ไค ฮาแวร์ตซ์: 5.5 การจับบอลแรกแล้วจะไปเล่นต่อในกรอบเขตโทษของฮาแวร์ตซ์ไม่ได้เปรียบเลย ครึ่งแรกโอกาสใกล้เคียงสุด ที่ได้ขึ้นโหม่งแต่ไปติดบล็อกผู้เล่นสเปอร์ ครึ่งหลังตั้งให้มาร์ตี้ได้ยิงแต่ซัดข้ามคานออกไป ตัวสำรอง: เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.0 (นาทีที่ 68, มาร์ติเนลลี่) ลงมาเป็นตัวสำรอง แต่ทรอสซาร์ก็อยู่เล่นได้ไม่จบเกมส์ เขาดูเหมือนจะมีปัญหาบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 6.0 (นาทีที่ 68, นอร์การ์ด) ปรีซีซั่นที่เอเซีย ค่อนข้างน้อยที่ 3 กองกลางตัวจริงจะได้ลงมาเล่นด้วยกัน สองเกมส์อุ่นเครื่องส่งท้าย ควรต้องเซ็ทอัพแดนกลางกันได้แล้ว มิเกล เมริโน่: 6.0 (นาทีที่ 77, ไรซ์) วิคตอร์ เยอเคเรส: 6.0 (นาทีที่ 77, ฮาแวร์ตซ์) เพิ่งลงซ้อมกับทีมไปได้แค่สองครั้งก่อนเกมส์ ได้ลงมาในช่วง 10-15 นาทีสุดท้าย มีจังหวะเก็บบอลสอง แล้วไหลคืนมาให้ซูบิเมนดี้ได้ยิง เราก็ยังไม่ได้เห็นอะไรจากเขามาก คงต้องรอดูในเกมส์กับบียาร์เรอัล และแอธเลติก บิลเบา แม็กซ์ ดาวแมน: 6.0 (นาทีที่ 77, ซาก้า) คริสเตียน มอสเกร่า: 6.0 (นาทีที่ 77, คิวิออร์) ประเดิมสนามเกมส์แรกให้กับอาร์เซน่อล ลงเล่นตรงตำแหน่งเซนเตอร์ฝั่งขวา ทำให้ซาลิบาขยับมาเล่นเซนเตอร์ซ้ายแทน หน่วยก้านถือว่าได้อยู่ แต่มอสเกร่าก็ยังไม่ได้โดนทดสอบอะไรมาก สเปอร์ถอยลงไปตั้งรับกันหน้าประตูทั้งทีม โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: 6.0 (นาทีที่ 77, ไมล์ส) รีสส์ เนลสัน: 6.0 (นาทีที่ 85, ทรอสซาร์)
-
ความคาดหวังที่ถาโถมใส่ วิคตอร์ เยอเคเรส นั้นสูงลิ่วตั้งแต่ก่อนที่เขาจะสวมเสื้อหมายเลข 14 ของอาร์เซน่อลด้วยซ้ำ หมายเลขนี้เคยถูกทำให้เป็นตำนานโดย เธียร์รี อองรี กองหน้าระดับตำนานที่ยิงไปถึง 228 ประตูระหว่างปี 1999 ถึง 2007 ซึ่งไม่มีใครในประวัติศาสตร์ของสโมสรทำลายสถิตินี้ได้ ตั้งแต่นั้นมา อาร์เซน่อลอาจยังไม่เคยมีกองหน้าระดับ “เวิลด์คลาส” อย่างแท้จริงอีกเลย โรบิน ฟาน เพอร์ซี (ที่สวมเบอร์ 10 ในช่วงท้ายอาชีพกับสโมสร) มีคลาสระดับโลกแต่มีปัญหาบาดเจ็บบ่อยครั้ง ธีโอ วัลค็อตต์ ได้รับหมายเลข 14 ต่อจากอองรีและถือครองมันเกือบทศวรรษ ท่ามกลางความหงุดหงิดของแฟนบอลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงปลายยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และคนสุดท้ายที่ใส่เบอร์นี้อย่าง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ก็ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เลย แต่ตอนนี้ หลังจากจบฤดูกาลด้วยตำแหน่ง "รองแชมป์" ติดต่อกันถึงสามปีในยุคของ มิเกล อาร์เตต้า แฟนบอลจำนวนมากต่างหวังว่า เยอเคเรส ซึ่งเป็นการเสริมทัพรายที่หกในช่วงซัมเมอร์นี้ คือจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จะเปลี่ยนพวกเขาจากทีมรองแชมป์ให้กลายเป็นแชมป์เต็มตัว นักเตะค่าตัวเบื้องต้น 63 ล้านยูโรที่ถูกดึงมาจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน เพื่อภารกิจนี้ หมายเลข 10 ว่างอยู่ แต่แหล่งข่าวหนึ่งเปิดเผยกับ ESPN ว่าอาจมีการกันหมายเลขไว้ให้กับนักเตะคนอื่นไว้อยู่แล้ว เยอเคเรสอาจเลือกไม่ใส่หมายเลขนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับตำนานอย่างเธียร์รี่ อองรี อย่างไรก็ตาม ระหว่างให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวกลุ่มเล็กที่โรงแรมโรสวูดในฮ่องกงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เยอเคเรสดูไม่สะทกสะท้านกับตำนานของหมายเลขนี้เลย “มันไม่ใช่เจตนาของผมเลยที่จะถูกเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาทำได้ในอาชีพของเขา” เยอเคเรสกล่าว “โดยเฉพาะที่นี่ ผมแค่อยากทำในสิ่งของตัวเองและแสดงคุณภาพของตัวเอง แน่นอนว่าเขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่เขาแตกต่างจากผม ผมแค่อยากทำในแบบของผม” “แน่นอนว่าผมรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่เอาจริง ๆ แล้ว มันไม่มีหมายเลขให้เลือกมากนัก หมายเลขนี้ยังว่างอยู่ และเมื่อรู้ว่าเลขนี้ว่างอยู่ มันก็เป็นการตัดสินใจที่ง่ายสำหรับผม” แม้แฟนบอลหลายคนจะรู้สึกว่า การรอให้ดีลของเยอเคเรสเสร็จสมบูรณ์นั้นกินเวลานานมาก โดยกรอบของข้อตกลงมีอยู่ก่อนแล้ว แต่การเจรจาหยุดชะงักเพราะเงื่อนไขโบนัสเพิ่มเติม ตัวนักเตะเองก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากความยากลำบากนี้เช่นกัน หลังจากปฏิเสธที่จะกลับมารายงานตัวกับสปอร์ติ้งช่วงปรีซีซั่น เยอเคเรสเฝึกซ้อมคนเดียว ขณะที่อาร์เซน่อลพยายามบรรลุข้อตกลง แหล่งข่าวบอกกับ ESPN ว่า เอเย่นต์ของเยอเคเรสเยอมสละค่าธรรมเนียมจำนวน 6.3 ล้านยูโร เพื่อช่วยลดช่องว่างระหว่างสองสโมสร และมีความคืบหน้าอย่างแท้จริงในช่วงทัวร์ปรีซีซั่นของอาร์เซน่อลในเอเชีย เมื่อทีมยอมปรับเงื่อนไขโบนัสให้เป็นไปได้ง่ายขึ้น โดยจนถึงคืนก่อนที่ดีลจะยืนยันในวันที่ 26 กรกฎาคม แหล่งข่าวบอกว่า ผู้บริหารระดับสูงของอาร์เซน่อลยังคงกังวลเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ ว่าจะเสร็จสิ้นทันหรือไม่ “ผมพยายามฝึกซ้อมด้วยตัวเองให้มากที่สุดและใช้วันเวลาไปเรื่อย ๆ” เยอเคเรสเกล่าว “หลายวันก็มีรูปแบบซ้ำ ๆ ตื่นมา ฝึกซ้อม กินข้าวเย็น แล้วก็นอน เป็นแบบนั้นอยู่หลายสัปดาห์ แต่ก็คุ้มค่าจริง ๆ” “มันเป็นประสบการณ์ใหม่ ผมไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อนเลย มันเป็นการรอคอยที่ยาวนานจากฝั่งผม ผมอยากย้ายมาที่นี่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่นี่แล้ว และมันรู้สึกดีมาก” ตัวเลขการทำประตูที่น่าทึ่งของเยอเคเรสเตลอดสองฤดูกาลที่คว้าแชมป์กับลิสบอน 97 ประตูจาก 102 นัด ทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายของหลายสโมสรในยุโรป “ผมคิดว่าเราเลือกอนาคตของตัวเองได้เสมอ” เยอเคเรสเกล่าว “แน่นอนว่ามีสโมสรอื่นด้วย แต่สำหรับผม มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากเลยในครั้งนี้” อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อสงสัยว่า ฟอร์มการถล่มประตูของเขาจะสามารถถ่ายโอนมาสู่พรีเมียร์ลีกได้ดีเพียงใด ลีกนี้โหดกว่าเดิมมาก และการลงเล่นในสี่รายการตลอดระยะเวลา 10 เดือนจะเป็นบททดสอบที่หนักหนาและได้รับการจับตามองมากขึ้น ระหว่างการฝึกซ้อมเปิดในสนาม Kai Tak Stadium ของฮ่องกงในวันพุธ ภาพของเยอเคเรสที่ปรากฏบนจอยักษรได้รับเสียงเชียร์ดังที่สุดจากผู้ชมราว 20,000 คน พร้อมกับแม็กซ์ ดาวแมน วัย 15 ปี และลูกยิงที่เขาทำได้ในหลาย ๆ ดริลการฝึกซ้อม ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง จะไม่มีที่ให้หลบซ่อนอีกแล้ว เมื่อมีคนยกกรณีของ ดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งย้ายจากเบนฟิก้าในโปรตุเกสไปลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวมหาศาลในปี 2022 แต่กลับประสบปัญหา เยอเคเรสเตอบว่า: “ผมคิดว่าผมจะต้องปรับตัวแน่นอน แต่ก็มีนักเตะอีกหลายคนจากโปรตุเกสที่ทำได้ดีกว่าในอังกฤษ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณยกตัวอย่างใคร” “ผมคิดว่าการเปรียบเทียบนักเตะกับนักเตะมันยาก เพราะมีหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน ไม่ใช่แค่ลีกที่ดีกว่าเท่านั้น ถ้าคุณเล่นในทีมที่ดีกว่า มันก็ง่ายขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นนักเตะเกมรุก เราต้องดูกันต่อไป” “ผมคิดว่าผมตั้งความคาดหวังไว้กับตัวเองมากพออยู่แล้ว ผมจะพยายามเล่นให้ดีเหมือนที่ทำมาตลอดสองปีที่ผ่านมา พยายามพัฒนาตัวเองในสนาม และช่วยทีมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” บางที ประสบการณ์ในอังกฤษของเขากับ ไบรท์ตัน (2018-2021), สวอนซี ซิตี้ (2020-21, ยืมตัว) และโคเวนทรี ซิตี้ (2021-2023) แม้จะไม่ใช่ในพรีเมียร์ลีก อาจช่วยให้เขาปรับตัวได้เร็วขึ้น “มันช่วยให้ง่ายขึ้น” เขากล่าว “ผมคุ้นเคยกับสภาพอากาศและทุกอย่าง ผมเคยอยู่ที่อังกฤษมาหลายปี บางด้านก็คิดว่ามันช่วยได้ แต่แน่นอนว่ายังมีหลายสิ่งใหม่ ๆ เช่นกัน ทั้งกลุ่มนักเตะใหม่ แนวทางการเล่นใหม่ ผมต้องปรับตัวเข้ากับสิ่งเหล่านั้นด้วย” ขณะที่เขากำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะนักเตะอาร์เซน่อล และเตรียมตัวสำหรับการลงเล่นนัดแรกในเกมอุ่นเครื่องกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ในวันพฤหัสฯ เขายังคงเป็นคนที่พูดไม่เยอะ สุภาพแต่ไม่พร่ำเพ้อเกินจำเป็น หลังจากฤดูร้อนที่ยากลำบากและการมาถึงที่ล่าช้า เมื่อถูกถามว่าเขาจะพร้อมสำหรับเกมเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกหรือไม่ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในวันที่ 17 สิงหาคม “ครับ” เขาตอบ โดยคิดเพียงครู่เดียวว่าจะพูดอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เขาทิ้งไว้เพียงแค่นั้น พร้อมกับความแน่วแน่ของคนที่พร้อมจะเผชิญทุกอย่างตรงหน้า.
-
HandOfArsenal สายวงในโนหนึ่งอัพเดทดีลเอเซ่ เขาข้อความว่า "เงื่อนไขค่าฉีกสัญญานั้นมีวันหมดอายุจริง ซึ่งจะมีผลก่อนถึงวันปิดตลาดนักเตะ แต่ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้จะส่งผลให้มูลค่าที่คริสตัล พาเลซตั้งไว้สำหรับเอเบเรชี เอเซ เปลี่ยนแปลงหรือไม่" "อาร์เซน่อลและพาเลซได้มีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งมีแหล่งข่าวหลายแห่งยืนยันตรงกัน จนถึงวันนี้ พาเลซต้องการเงินประมาณ 30 ล้านปอนด์เป็นงวดแรกสำหรับข้อตกลงใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ข้อตกลงส่วนตัวกับตัวนักเตะไม่ใช่ปัญหา ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม ณ เวลานี้" Ed Aaron นักข่าว The Guardian รายงานข่าวว่า เข้าใจกันว่าเจ้าหน้าที่ของอาร์เซน่อลได้มีการเจรจาเบื้องต้นกับคริสตัล พาเลซ เกี่ยวกับดีลของเอเบเรชี่ เอเซ่ ซึ่งยังเหลือสัญญาอยู่ 2 ปีกับสโมสรที่เซลเฮิร์สต์ พาร์ก โดยพาเลซเชื่อว่าได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า พวกเขาไม่พร้อมจะรับข้อเสนอใด ๆ ที่ต่ำกว่าค่าฉีกสัญญาของแข้งวัย 27 ปีรายนี้ และต้องการเงินล่วงหน้า 35 ล้านปอนด์ โดยส่วนที่เหลือของค่าตัวรวม 60 ล้านปอนด์จะต้องจ่ายเป็นงวด ๆ เงื่อนไขค่าฉีกสัญญานี้รวมโบนัสเพิ่มเติมสูงสุด 7.5 ล้านปอนด์ และคาดว่าจะหมดอายุลงก่อนที่พรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่จะเริ่มในวันที่ 16 สิงหาคม แม้ว่าประเด็นนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อจุดยืนของพาเลซก็ตาม ทั้งนี้ คิวพีอาร์จะได้รับส่วนแบ่ง 20% จากการขายในครั้งนี้ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ พูดถึงดีลเอเซ่กับอาร์เซน่อลว่า “หลังจากที่อาร์เซน่อลเซ็นสัญญานักเตะหลายรายไปแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือการปล่อยและขายนักเตะบางคนออกจากทีม เพื่อเปิดพื้นที่ทางการเงิน แต่เป้าหมายหลักยังคงเป็น เอเบเรชี เอเซ เขาถูกมองว่าเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบในการเสริมทีม” “พวกเขาอยู่ระหว่างติดต่อกับเอเย่นต์ของนักเตะ และได้พูดคุยกับตัวเอเซรวมถึงทีมงานของเขาหลายครั้ง โดยเอเซเองก็รู้สึกสนใจโอกาสนี้อย่างมาก” “อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ได้เริ่มเจรจากับคริสตัล พาเลซโดยตรง ดังนั้นต้องรอดูว่าในเดือนสิงหาคม การพูดคุยจะเป็นอย่างไร ซึ่งเราทุกคนรู้ดีว่าการเจรจากับพาเลซนั้นไม่ง่ายเลย แต่ทางอาร์เซน่อลก็จะพยายามเต็มที่” ซามี่ ม็อกเบล นักข่าวจาก BBC แหล่งข่าวที่ได้รับข้อมูลเปิดเผยว่า อาร์เซน่อลมีความต้องการที่จะขายหนึ่งในนักเตะเกมรุกของพวกเขาออกไปก่อน ก่อนที่จะเดินหน้าคว้าตัวเอเบเรชี เอเซ อย่างเป็นทางการ ทางคริสตัล พาเลซรับรู้ถึงความสนใจของอาร์เซน่อลแล้ว และเข้าใจว่าอาร์เซน่อลไม่ได้ประเมินมูลค่าเอเซไว้เท่ากับค่าฉีกสัญญาของเขา และต้องการเจรจาเพื่อให้ได้ดีลที่มีมูลคือต่ำกว่านั้น อาร์เซน่อลมองเอเซ่ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกในแบบเดียวกับ มาร์ติน โอเดการ์ด แต่พวกเขาก็ประเมินว่า เอเซ่ สามารถขยับออกไปเล่นทางริมเส้นฝั่งซ้ายได้ด้วย Graeme Bailey นักข่าวจาก TBR Football บอกว่า อาร์เซน่อลได้แจ้งกับเลอันโดร ทรอสซาร์ว่า สโมสรจะไม่ขัดขวางการย้ายทีมของเขา และตัวนักเตะชาวเบลเยียมก็พร้อมที่จะอำลาทีมเช่นกัน ขณะนี้ทีมงานของทรอสซาร์กำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ โดยมีทั้งนาโปลีและอตาลันต้าที่แสดงความสนใจอย่างชัดเจน เบน จาค็อบ บอกว่า ฟูแล่มได้ยื่นข้อเสนอเบื้องต้นเพื่อคว้าตัวโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ โดยพวกเขาได้เริ่มพูดคุยกับทีมงานของนักเตะมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน และขณะนี้กำลังพิจารณาที่จะยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ ทางอาร์เซน่อลตั้งมูลค่าของซินเชนโก้ไว้ราว 15 ล้านปอนด์ ทางฟูแล่มต้องการได้ตัวทั้ง โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้ และรีสส์ เนลสัน สองนักเตะของอาร์เซน่อล ซึ่งทีมปืนใหญ่เองก็ต้องการลดภาระค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และหวังได้รับเงินราว 30 ล้านปอนด์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทั้งฟุตบอลหญิงและชาย ที่มีนักเตะอาร์เซน่อลถึง 3 คน ติดอันดับ Top 5 การจัดอันดับผู้ท้าชิงรางวัล Ballon d'Or โคลอี้ เคลลี่ อยู่อันดับที่ 5, อเลสเซีย รุสโซ่ อยู่อันดับที่ 4, มาริโอน่า คัลเดนเตย์ รั้งตำแหน่งอันดับ 1 ทั้งสามคนเข้าร่วมลุ้นรางวัลร่วมกับอดีตผู้คว้า Ballon d'Or 2 สมัยอย่าง ไอตานา บอนมาติ (อันดับ 3) และ อเลเซีย พูเตลลาส (อันดับ 2) ซึ่งทั้งหมดเป็นตัวเต็งในปีนี้ The Athletic วิเคราะห์สถานะ PSR ของอาร์เซน่อล หลังเสริมทัพผู้เล่นใหม่ไปแล้ว 6 คนในช่วงซัมเมอร์นี้ แล้วสิ่งนี้ส่งผลต่อสถานะ PSR ของพวกเขาอย่างไร? งบการเงินฉบับล่าสุดของอาร์เซน่อลซึ่งเผยแพร่สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2024 แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีผลขาดทุนก่อนหักภาษีจำนวน 17.7 ล้านปอนด์ ซึ่งนับเป็นปีที่หกติดต่อกันที่พวกเขาขาดทุน หลังจากที่เคยทำกำไรติดต่อกันถึง 16 ปี นับตั้งแต่ Kroenke Sports & Entertainment (KSE) เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรอย่างเต็มรูปแบบในปี 2018 พวกเขาได้ลงทุนอย่างหนักในทีม ซึ่งสอดคล้องกับการขาดทุนรวมทั้งสิ้น 328.7 ล้านปอนด์ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีการขาดทุน แต่พวกเขาก็มีรายได้เติบโตอย่างมากจากการได้เล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอย่างสม่ำเสมอ และในฤดูกาล 2023-24 พวกเขาทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 610 ล้านปอนด์ แม้ว่าจะขาดทุนตลอดหกปีที่ผ่านมา แต่สโมสรก็ยังอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างมั่นคงในแง่ของกฎกำกับการเงิน PSR (Profitability and Sustainability Rules) โดยก่อนหน้านี้สื่อ The Athletic เคยประเมินไว้ว่าพวกเขาสามารถขาดทุนได้มากถึง 97 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2024-25 และยังคงปฏิบัติตามกฎทางการเงินได้ จะมีการเซ็นสัญญาผู้เล่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่? อาร์เซน่อลยังคงเปิดรับความเป็นไปได้ในการเสริมทีมเพิ่มเติม หากมีดีลที่เหมาะสมเกิดขึ้น โดยมีแนวโน้มว่าการเสริมทีมเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นในแนวรุก ทั้ง โรดรีโก้ จากเรอัล มาดริด และ แอนโธนี กอร์ดอน จากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งคู่เล่นในตำแหน่งปีกซ้าย ล้วนได้รับความชื่นชมจากสโมสร และพวกเขายังได้พิจารณาดีลที่เป็นไปได้กับ เอเบเรชี เอเซ จากคริสตัล พาเลซด้วย พวกเขาจำเป็นต้องขายนักเตะเพื่อหาเงินมาซื้อนักเตะเพิ่มหรือไม่? อาร์เซน่อลเคยใช้จ่ายอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ฤดูกาลที่แล้วพวกเขาเข้าใกล้กับการทำให้บัญชีสมดุลมากขึ้น ในช่วงสามฤดูกาลตั้งแต่ 2021-22 ถึง 2023-24 ยอดใช้จ่ายสุทธิของอาร์เซน่อลในตลาดซื้อขายนักเตะอยู่ที่ 563.7 ล้านปอนด์ ในขณะที่ในฤดูกาล 2024-25 ยอดใช้จ่ายสุทธิลดลงเหลือเพียง 20.9 ล้านปอนด์ เนื่องจากการขาย เอมิล สมิธ โรว์, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ อารอน แรมส์เดล ช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จากการซื้อตัว ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี, มิเกล เมริโน และ ดาบิด รายา หลังจากปีที่ค่อนข้างเงียบในตลาดซื้อขาย พวกเขาก็มีขอบเขตมากขึ้นในการใช้เงินซัมเมอร์นี้ เกือบจะแน่นอนว่าพวกเขาจะสร้างสถิติรายได้ใหม่ของสโมสรในฤดูกาล 2024-25 ซึ่งน่าจะสูงกว่าที่ทำได้ในฤดูกาล 2023-24 หลังจากฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จซึ่งพวกเขาได้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แม้ว่าพวกเขายังไม่ใกล้แตะขีดจำกัด PSR แต่หากยังคงเซ็นสัญญาผู้เล่นราคาแพงอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะต้องหารายได้กลับมาผ่านการขายนักเตะ เช่นเดียวกับทุกสโมสรในพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ อาร์เซน่อลยังต้องระวังต่อกฎควบคุมค่าใช้จ่ายของยูฟ่าอย่างเข้มงวด องค์กรลูกหนังยุโรปได้กำหนดเพดานรายจ่ายที่สโมสรซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันของยูฟ่าจะสามารถใช้จ่ายในค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจ้างนักเตะ และค่านายหน้า โดยเริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2025-26 จะต้องไม่เกิน 70% ของรายได้ ในฤดูกาล 2023-24 บัญชีของอาร์เซน่อลแสดงอัตราส่วนค่าจ้างต่อรายได้ที่ 53% แม้ว่าค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่นั้นมา แต่รายได้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีช่องว่างในบัญชีค่าจ้างที่เกิดจากการย้ายออกของ โธมัส ปาร์เตย์ และ จอร์จินโญ่ ในช่วงซัมเมอร์นี้ มิเกล อาร์เตต้า และมาร์ติน โอเดการ์ด กองกลางกัปตันทีม มานั่งให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์อุ่นเครื่องปรีซีซั่นกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ความฟิตของวิคเตอร์ เยอเคเรส: มิเกล อาร์เตต้า: ใช่ ผมเข้าใจดีว่าเขาพึ่งลงซ้อมเต็มรูปแบบแค่วันนี้ ส่วนเมื่อวานก็ซ้อมไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เราจะประเมินอีกครั้งคืนนี้ว่าเขาอยู่ในสภาพที่เหมาะสมหรือไม่ ถ้าทีมแพทย์พอใจกับสภาพร่างกายของเขาและเห็นว่าเขาพร้อมลงเล่นในเกมวันพรุ่งนี้ ก็มีความเป็นไปได้ครับ เราจะหารือกันในคืนนี้ ความพร้อมของนักเตะคนอื่น ๆ ในทีม: มิเกล อาร์เตต้า: นักเตะที่เหลือทุกคนพร้อมหมด ยกเว้น กาบี้ (กาเบรียล มากัลเญส) ที่ยังไม่ฟิต และอาจรวมถึง ริคกี้ (ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี) ซึ่งน่าจะยังเร็วเกินไปสำหรับเขาที่จะลงเล่นในวันพรุ่งนี้ สิ่งที่มาร์ติน (โอเดการ์ด) ตื่นเต้นเกี่ยวกับการได้ร่วมงานกับเยอเคเรส: มาร์ติน โอเดการ์ด: ผมคิดว่าทุกคนได้เห็นกันแล้วว่าเขาทำอะไรมาในเส้นทางอาชีพ โดยเฉพาะฤดูกาลล่าสุดกับสปอร์ติง ตัวเลขผลงานของเขาพูดแทนทุกอย่าง เขาเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบมาก มีร่างกายแข็งแกร่ง, เร็ว, จบสกอร์ดี และยังฉลาดอีกด้วย ผมคิดว่าเขาเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องจริง ๆ และคุณยังสามารถเห็นได้ถึงความกระหาย, พลังงานที่เขานำเข้ามา ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เขามาร่วมทีม แม้เขาจะเพิ่งลงซ้อมกับทีมแค่ไม่กี่ครั้ง แต่คุณก็สามารถเห็นได้ถึงคุณภาพ, พลังงาน และความมุ่งมั่นที่เขาแสดงออกมา ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นเขาลงสนามจริง ๆ ครับ การช่วยให้เยอเกเรสปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ มาร์ติน โอเดการ์ด: “ด้วยเรื่องภาษาและทุกอย่าง มันทำให้ผมช่วยเขาได้ง่ายขึ้น เราสามารถพูดภาษาของพวกเราเองได้ ชาวสแกนดิเนเวียมักจะเข้ากันได้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นในแง่นั้นมันก็เป็นอะไรที่เป็นธรรมชาติมาก” “แต่พูดตามตรง มันก็เหมือนกับนักเตะคนอื่น ๆ ทุกคนที่ย้ายมาใหม่ พวกเราก็พยายามช่วยพวกเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกตอนผมย้ายมาที่นี่ ผมรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านทันที ผมรู้สึกได้ถึงวัฒนธรรมและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม ทุกคนแค่อยากช่วยให้คุณรู้สึกดีและดึงศักยภาพออกมาให้ได้มากที่สุด” “สิ่งที่คุณทำอยู่นอกสนามก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งพวกเราทุกคนก็ทำในจุดนั้นด้วย เราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยกัน และจนถึงตอนนี้ ผมคิดว่าเขากำลังมีช่วงเวลาที่ดี” เยอเคเรสที่เลือกใส่เสื้อหมายเลข 14: มิเกล อาร์เตต้า: ผมคิดว่าคำว่า “ความมั่นใจ” คือสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้เมื่อได้คุยกับเขา เขาเป็นคนที่ตั้งใจมาก และดูเหมือนจะผูกพันกับสโมสรอยู่แล้ว จากวิธีที่เขาพูดถึงทีม พูดถึงประวัติศาสตร์ และในกรณีนี้คือ เธียร์รี อองรี และความหมายของหมายเลขเสื้อนี้ ผมสัมผัสได้ถึงสิ่งนั้น และเมื่อคุณรู้สึกถึงมัน ก็จงเดินหน้าไปกับมัน โยเคเรสที่ต้องรับแรงกดดัน: มิเกล อาร์เตต้า: ผมคิดว่าเขารับรู้ถึงมันแล้วนะ ตอนข่าวย้ายทีมถูกเผยออกมา และเขาเริ่มเข้าใจถึงขนาดของสโมสรที่เขากำลังจะเป็นตัวแทน ทุกอย่างแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในยุคนี้ และผมคิดว่าปฏิกิริยาแรกของเขาคือ “ว้าว” แล้วเขาก็ได้เห็นว่าเราได้รับการต้อนรับอย่างไรอีกครั้งเมื่อวานนี้ การซ้อมที่เรามีแฟนบอลถึง 20,000 คนเข้าชม สนามที่ขายบัตรหมดในเวลาอันรวดเร็ว เป้าหมายของฤดูกาลนี้: มิเกล อาร์เตต้า เป้าหมายคือทำให้ดีกว่าฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเราทุกคนรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร ทุกอย่างเริ่มต้นจากการเตรียมตัว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างทีม หรือการเตรียมให้พร้อมแข่งขันตั้งแต่วันแรก และจากทุกสิ่งที่เราเห็นจนถึงตอนนี้ ความรู้สึกที่ผมได้รับก็เป็นบวกมาก ๆ
-
sak2515 joined the community
-
รูปการณ์ในการเสริมทัพลำดับถัดไป ปล่อยเนลสัน ---> เอเซ่ ปล่อยทรอสซาร์ ---> ลุ้นปีกซ้าย แล้วก็ปล่อยตัวส่วนเกินอื่นๆ โลกองก้า, วิเอร่า, ชินเชนโก้, คาร์ล ไฮน์ ไว้ปรับสมดุลทางบัญชี แต่มั่นใจว่า เอเซ่ ดีลนี้มีโอกาสเกิดสูงมาก เพราะพาเลซจะรั้งไว้ ปีหน้าเอเซ่ 28 ยากที่จะขายได้เกิน 50 ล้านปอนด์ แล้วนักเตะก็อยากย้ายด้วย แต่ปีกซ้ายยังดูยากมาก เพราะจะเอาโรดรีโก้ ต้นทุนมันสูงมากทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อย
-
อาร์เซน่อลมีช่วงซัมเมอร์ที่คึกคักในตลาดซื้อขายนักเตะ โดยใช้จ่ายไปเกือบ 190 ล้านปอนด์ มิเกล อาร์เตต้า ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมของเขาผ่านการคว้าตัวผู้รักษาประตู เกปา อาร์ริซาบาลาก้า และปีก โนนี่ มาดูเอเก้ จากเชลซี, คริสเตียน นอร์การ์ด จากเบรนท์ฟอร์ด และกองกลาง มาร์ติน ซูบิเมนดี้ จากเรอัล โซเซียดัด นอกจากนี้ สโมสรยังได้เพิ่มกองหน้า วิคเตอร์ เยอเคเรส ซึ่งเป็นการเซ็นสัญญารายใหญ่ของพวกเขาจากสปอร์ติง ลิสบอน ด้วยข้อตกลงมูลค่า 63.5 ล้านยูโร (54.8 ล้านปอนด์) พร้อมโบนัสเพิ่มเติมในอนาคตอีก 10 ล้านยูโร รวมถึงกองหลัง คริสเตียน มอสเกร่า จากบาเลนเซีย ด้วยค่าตัวประมาณ 15 ล้านยูโร แต่แม้จะมีการลงทุนที่สำคัญและหนักหน่วงขนาดนี้ อาร์เซน่อลก็ยังใช้จ่ายน้อยกว่าทั้งเชลซีและลิเวอร์พูลในช่วงซัมเมอร์นี้ ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ใช้เงินมากที่สุด โดยทุ่มประมาณ 300 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัว ฟลอเรียน เวิร์ตซ์, อูโก้ เอกิติเก้, มิโลช เคอร์เคซ และเจเรมี ฟริมปง ขณะที่เชลซีใช้เงินไปมากกว่า 200 ล้านปอนด์นิดหน่อย กับการเซ็นสัญญา เจมี กิทเทนส์, เจา เปโดร, เลียม เดลัป, เอสเตวาโอ, ดาริโอ เอสซูโก้, มามาดู ซาร์ และเคนดรี ปาเอซ โดยรายหลังสุด เชลซีกำลังใกล้บรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว จอร์เรล ฮาโต จากอาแจ็กซ์ ในราคาที่มากกว่า 40 ล้านยูโร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เปิดสมุดเช็คของพวกเขาเช่นกัน แต่เช่นเดียวกับอาร์เซน่อล พวกเขายังคงใช้จ่ายไม่เกิน 200 ล้านปอนด์ โดยค่าตัวของ ไบรอัน เอ็มบูโม่ และ มาเตอุส คุนญ่า รวมกันอยู่ที่ต่ำกว่า 130 ล้านปอนด์ แต่อาร์เซน่อลอาจยังไม่หยุดการใช้จ่ายเพียงเท่านี้ เพราะพวกเขายังอาจเพิ่มนักเตะริมเส้นอีกคนเข้ามา แล้วพวกเขายังมีช่องว่างให้ใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกมากแค่ไหน? จำเป็นต้องขายนักเตะก่อนหรือไม่? และพวกเขาควรระมัดระวังต่อกฎกำกับการเงินของพรีเมียร์ลีกหรือที่เรียกว่า PSR (Profit and Sustainability Rules) แค่ไหน? The Athletic จะพาไปดู... อาร์เซน่อลใช้เงินไปเท่าไหร่แล้ว? ค่าใช้จ่ายของอาร์เซน่อลในการเซ็นสัญญานักเตะใหม่ โดยยังไม่รวมโบนัสเพิ่มเติม มีมูลค่ารวมเกือบ 190 ล้านปอนด์ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ย้ายมาจากเชลซีเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ ขณะที่อาร์เซน่อลใช้เงินเริ่มต้น 48.5 ล้านปอนด์ในการคว้าตัวมาดูเอเก้จากทีมคู่แข่งร่วมลีก โดยในดีลของมาดูเอเก้ยังมีเงื่อนไขที่อาจทำให้เชลซีได้รับเงินเพิ่มอีก 3.5 ล้านปอนด์ในรูปแบบโบนัส นอร์การ์ด ซึ่งเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 2 ปี มีค่าตัว 10 ล้านปอนด์ ส่วนซูบิเมนดี้ย้ายมาด้วยค่าตัว 65 ล้านยูโร หลังจากการเจรจาที่ยืดเยื้อกับสปอร์ติง อาร์เซน่อลก็ตกลงค่าตัวเบื้องต้น 54.8 ล้านปอนด์ สำหรับโยเคเรสได้สำเร็จ โดยมีเงื่อนไขที่อาจทำให้พวกเขาต้องจ่ายเพิ่มอีก 8.7 ล้านปอนด์หากข้อกำหนดบางอย่างถูกกระตุ้น สำหรับมอสเกร่า ซึ่งได้เดินทางไปสิงคโปร์เมื่อวันจันทร์ในขณะที่การย้ายทีมใกล้เสร็จสมบูรณ์ เขาย้ายมาจากบาเลนเซียด้วยค่าตัวประมาณ 13 ล้านปอนด์ แล้วสิ่งนี้ส่งผลต่อสถานะ PSR ของพวกเขาอย่างไร? งบการเงินฉบับล่าสุดของอาร์เซน่อลซึ่งเผยแพร่สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2024 แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีผลขาดทุนก่อนหักภาษีจำนวน 17.7 ล้านปอนด์ ซึ่งนับเป็นปีที่หกติดต่อกันที่พวกเขาขาดทุน หลังจากที่เคยทำกำไรติดต่อกันถึง 16 ปี นับตั้งแต่ Kroenke Sports & Entertainment (KSE) เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรอย่างเต็มรูปแบบในปี 2018 พวกเขาได้ลงทุนอย่างหนักในทีม ซึ่งสอดคล้องกับการขาดทุนรวมทั้งสิ้น 328.7 ล้านปอนด์ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีการขาดทุน แต่พวกเขาก็มีรายได้เติบโตอย่างมากจากการได้เล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกอย่างสม่ำเสมอ และในฤดูกาล 2023-24 พวกเขาทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 610 ล้านปอนด์ แม้ว่าจะขาดทุนตลอดหกปีที่ผ่านมา แต่สโมสรก็ยังอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างมั่นคงในแง่ของกฎกำกับการเงิน PSR (Profitability and Sustainability Rules) โดยก่อนหน้านี้สื่อ The Athletic เคยประเมินไว้ว่าพวกเขาสามารถขาดทุนได้มากถึง 97 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2024-25 และยังคงปฏิบัติตามกฎทางการเงินได้ จะมีการเซ็นสัญญาผู้เล่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่? อาร์เซน่อลยังคงเปิดรับความเป็นไปได้ในการเสริมทีมเพิ่มเติม หากมีดีลที่เหมาะสมเกิดขึ้น โดยมีแนวโน้มว่าการเสริมทีมเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นในแนวรุก ทั้ง โรดรีโก้ จากเรอัล มาดริด และ แอนโธนี กอร์ดอน จากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งคู่เล่นในตำแหน่งปีกซ้าย ล้วนได้รับความชื่นชมจากสโมสร และพวกเขายังได้พิจารณาดีลที่เป็นไปได้กับ เอเบเรชี เอเซ จากคริสตัล พาเลซด้วย พวกเขาจำเป็นต้องขายนักเตะเพื่อหาเงินมาซื้อนักเตะเพิ่มหรือไม่? อาร์เซน่อลเคยใช้จ่ายอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ฤดูกาลที่แล้วพวกเขาเข้าใกล้กับการทำให้บัญชีสมดุลมากขึ้น ในช่วงสามฤดูกาลตั้งแต่ 2021-22 ถึง 2023-24 ยอดใช้จ่ายสุทธิของอาร์เซน่อลในตลาดซื้อขายนักเตะอยู่ที่ 563.7 ล้านปอนด์ ในขณะที่ในฤดูกาล 2024-25 ยอดใช้จ่ายสุทธิลดลงเหลือเพียง 20.9 ล้านปอนด์ เนื่องจากการขาย เอมิล สมิธ โรว์, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ อารอน แรมส์เดล ช่วยชดเชยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จากการซื้อตัว ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี, มิเกล เมริโน และ ดาบิด รายา หลังจากปีที่ค่อนข้างเงียบในตลาดซื้อขาย พวกเขาก็มีขอบเขตมากขึ้นในการใช้เงินซัมเมอร์นี้ เกือบจะแน่นอนว่าพวกเขาจะสร้างสถิติรายได้ใหม่ของสโมสรในฤดูกาล 2024-25 ซึ่งน่าจะสูงกว่าที่ทำได้ในฤดูกาล 2023-24 หลังจากฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จซึ่งพวกเขาได้เข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แม้ว่าพวกเขายังไม่ใกล้แตะขีดจำกัด PSR แต่หากยังคงเซ็นสัญญาผู้เล่นราคาแพงอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะต้องหารายได้กลับมาผ่านการขายนักเตะ เช่นเดียวกับทุกสโมสรในพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ อาร์เซน่อลยังต้องระวังต่อกฎควบคุมค่าใช้จ่ายของยูฟ่าอย่างเข้มงวด องค์กรลูกหนังยุโรปได้กำหนดเพดานรายจ่ายที่สโมสรซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันของยูฟ่าจะสามารถใช้จ่ายในค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจ้างนักเตะ และค่านายหน้า โดยเริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2025-26 จะต้องไม่เกิน 70% ของรายได้ ในฤดูกาล 2023-24 บัญชีของอาร์เซน่อลแสดงอัตราส่วนค่าจ้างต่อรายได้ที่ 53% แม้ว่าค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นตั้งแต่นั้นมา แต่รายได้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีช่องว่างในบัญชีค่าจ้างที่เกิดจากการย้ายออกของ โธมัส ปาร์เตย์ และ จอร์จินโญ่ ในช่วงซัมเมอร์นี้ แล้วพวกเขาสามารถขายนักเตะได้เงินดีได้หรือไม่? สถิติการขายนักเตะของอาร์เซน่อลที่สูงที่สุดยังคงเป็นการขาย อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ให้กับลิเวอร์พูลในราคา 35 ล้านปอนด์เมื่อเดือนสิงหาคม 2017 ดังนั้นประวัติในการขายนักเตะด้วยค่าตัวสูงของพวกเขาในช่วงหลังยังไม่โดดเด่นมากนัก ยกตัวอย่างเช่น เชลซี ซึ่งสามารถขายนักเตะได้ดีพอๆ กับที่พวกเขาซื้อ โดยในซัมเมอร์นี้พวกเขาทำรายได้จากการขายนักเตะไปแล้วมากกว่า 100 ล้านปอนด์ แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องขายนักเตะในตลาดรอบนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎ PSR แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องการขาย เจ้าของสโมสรต้องการให้อาร์เซน่อลสามารถเลี้ยงตัวเองได้ และต้องการเห็นการใช้การซื้อขายนักเตะเพื่อเพิ่มทรัพยากรให้มากที่สุด โดยมีเป้าหมายเพื่อการนำกลับมาลงทุนในสนามอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อลก็ยังมีนักเตะที่สามารถขายได้ ฟาบิโอ วิเอร่า วัย 25 ปี ซึ่งยังไม่ได้กลับมาร่วมทีมในช่วงปรีซีซันหลังจากที่เขาเล่นให้ปอร์โต้ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ก็พร้อมจะย้ายทีม จากรายงานใน Transfer DealSheet เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พวกเขาอาจจะพร้อมรับฟังข้อเสนอสำหรับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หรือ เลอันโดร ทรอสซาร์ ถ้าหากสามารถดึงผู้เล่นริมเส้นคนใหม่เข้ามาได้ ขณะที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ก็เป็นอีกคนที่เปิดขายเช่นกัน แต่ด้วยอายุ 28 ปีและเหลือสัญญาไม่ถึง 12 เดือน ทำให้มูลค่าของเขาลดลงอย่างมาก และมีความเป็นไปได้ว่าแข้งยูเครนรายนี้อาจย้ายออกแบบไร้ค่าตัวในช่วงซัมเมอร์หน้า รีสส์ เนลสัน ถูกเปิดให้ย้ายทีมได้ โดยฟูแล่มกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาขั้นสูงกับอาร์เซน่อลเพื่อคว้าตัวปีกวัย 25 ปีรายนี้ เนลสันเข้าร่วมอะคาเดมี่ของอาร์เซน่อลตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ดังนั้นค่าตัวใด ๆ ที่ได้รับจากการขายเขาจะถูกนับเป็น "กำไรสุทธิ" ทั้งหมดในการคำนวณตามกฎ PSR ของสโมสร
-
The Times รายงานข่าวว่า เลอันโดร ทรอสซาร์ ปีกทีมชาติเบลเยี่ยมของอาร์เซน่อล มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะย้ายออกจากอาร์เซน่อล โดยเขากำลังได้รับความสนใจจากสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และสโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ การขายทรอสซาร์ออกไปจะช่วยให้อาร์เซน่อลมีงบประมาณในการเซ็นสัญญากับปีกซ้าย และเอเบเรซี่ เอเซ่ ฟลอเรี่ยน แพตเทนแบร์ก นักข่าวจาก Sky Sport DE บอกว่า เลอันโดร ทรอสซาร์ ได้รับข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมจากสองสโมสรในพรีเมียร์ลีก และการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้มีความเป็นไปได้ ส่วนทางดอร์ทมุนด์ ก็กำลังจับตามองสถานการณ์อยู่ The Athletic อาร์เซน่อล ยังคงให้ความสนใจในตัว เอเบเรซี่ เอเซ่ ของคริสตัล พาเลซ โดยกองกลางทีมชาติอังกฤษรายนี้ ได้รับคำชื่นชมอย่างมากในสโมสรอาร์เซน่อล และเจ้าตัวก็มีความสนใจที่จะย้ายมาเล่นกับทีมปืนใหญ่เช่นกัน ในทางทฤษฏี ดีลนี้ดูเหมือนจะไม่ซับซ้อนมากนัก เนื่องจากเอเซ่ มีเงื่อนไขค่าฉีกสัญญามูลค่า 60 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามอาร์เซน่อล ยังคงลังเลที่จะจ่ายค่าฉีกสัญญาแบบเต็มจำนวนสำหรับนักเตะที่เพิ่งอายุ 27 ปี เมื่อเดือนที่แล้ว หากพาเลซยอมลดค่าตัวในช่วงท้ายของตลาด อาร์เซน่อลก็พร้อมเดินหน้าทันที แน่นอนว่าการขายนักเตะบางคนออกไป จะช่วยผลักดันดีลนี้ให้เป็นไปได้มากขึ้น ขณะเดียวกันการต่อสัญญาฉบับใหม่ของ อีธาน วาเนรี แนวรุกดาวรุ่งวัย 18 ปี ก็เป็นตัวช่วยลดแรงกดดันและความเร่งด่วนในการเสริมทัพในตำแหน่งเดียวกันลงไปบ้าง ขณะที่ขาออก อาร์เซน่อล กำลังเจรจากับฟูแล่ม เกี่ยวกับ รีสส์ เนลสัน อยู่โดยการพูดคุยตอนนี้อยู่ระหว่างสองทางเลือก คือ การยืมตัวพ่วงออปชันซื้อขาด ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมจำนวนมากแนบมาด้วย หรือเป็นการย้ายทีมแบบถาวร นอกจากนี้หากอาร์เซน่อลสามารถเสริมผู้เล่นริมเส้นทางกราบซ้ายได้ พวกเขาก็อาจพร้อมพิจารณารับฟังข้อเสนอเกี่ยวกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และเลอันโดร ทรอสซาร์ ในกรณีของทรอสซาร์ อาร์เซน่อลเคยอยู่ระหว่างการต่อสัญญาใหม่ แต่ยังไม่มีการลงนามกัน ทางทรอสซาร์และเอเยนต์ใหม่ของเขากำลังรอดูว่าตลาดนักเตะจะเปิดโอกาสแบบใดบ้าง ซึ่งความยุ่งยากอาจเกิดขึ้นหากความสนใจมากช้าเกินไป แบบเดียวกันในเดือนกันยายน 2024 ที่อาร์เซน่อลเคยได้รับข้อเสนอในนาทีสุดท้ายจาก อัล เอติฮัด สโมสรในซาอุดิอาราเบีย แต่ข้อเสนอนั้นถูกปฏิเสธไป เนื่องจากสโมสรไม่มีเวลามากพอในการหานักเตะมาทดแทน Ramon Alvarez นักข่าวสเปนจากมาร์ก้า เปิดเผยว่า อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือตัวเลือกที่ โรดรีโก้ ต้องการย้ายไปเล่น หากเขาตัดสินใจที่จะย้ายออกจากเรอัล มาดริด AS (อาส) รายงานว่า อาร์เซน่อล ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ของโรดรีโก้ อย่างใกล้ชิด โดยอันเดรีย แบร์ต้า เป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่มชมฝีเท้าของปีกแซมบ้ารายนี้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม หลังจาปิดดีล เยอเกเรส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สภาพคล่องทางการเงินของอาร์เซน่อลอาจลดลง จึงทำให้การดำเนินการกับดีลโรดรีโก้อาจติดข้อจำกัด จนถึงเวลานี้ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ยังเป็นทีมเดียวที่มีศักยภาพเพียงพอในการปิดดีลคว้าตัว โรดรีโก้ ในเวลานี้ The Athletic ยอดขายเสื้อของ วิคเตอร์ เยอเคเรส นักเตะใหม่ของอาร์เซนอล ทำลายสถิติของสโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าข้อมูลจากหลายแหล่งและร้านค้าต่างๆ กำลังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ แต่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าความต้องการเสื้อหมายเลข 14 ของเยอเคเรสนั้น สูงกว่าผู้เล่นคนใดในช่วงหลังๆ มานี้ ก่อนที่ วิคเตอร์ เยอเคเรส จะย้ายมาร่วมทีม ยอดขายเสื้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอาร์เซนอลมักจะเป็นชื่อของ บูกาโย ซาก้า, ดีแคลน ไรซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด นอกจากนี้ ตั้งแต่ ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ก็มีความต้องการเสื้อของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะเพราะเขาใส่หมายเลข 49 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สื่อถึงจำนวนเกมไร้พ่ายของทีม “Invincible” ภายใต้การคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เยอเคเรสย้ายมาจากสปอร์ติ้ง เขาก็แซงหน้าทุกคนไปแล้ว ทั้งในแง่ของยอดขายและความนิยมบนเสื้ออาร์เซนอล Paul Joyce สายข่าวของลิเวอร์พูล บอกว่า ทีมหงส์แดงเข้าวินในการแยงตัว วิล ไรต์ กองหน้าดาวรุ่งของซอลฟอร์ด ซิตี้ หลังจากก่อนหน้านี้ดูเหมือนอาร์เซน่อล จะเป็นตัวเต็งที่จะคว้าดาวยิงวัย 17 ปีไปร่วมทีม อย่างไรก็ตามตัวนักเตะตัดสินใจเลือกมาอยู่กับลิเวอร์พูล ส่วนหนึ่งเนื่องากเหตุผลด้านภูมิศาสตร์ ที่นักเตะไม่ต้องอยู่ห่างจากครอบครัว ทำให้ซอลฟอร์ดจำเป็นต้องยอมรับค่าตัวที่ต่ำกว่าจากลิเวอร์พูล The Athletic รายงานข่าวว่า นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด บรรลุข้กตลงกับเซาแธมป์ตันในการเซ็นสัญญา แอรอน แรมส์เดล ซึ่งเป็นการย้ายแบบยืมตัวพร้อมค่าธรรมเนียมจำนวนมากและมีออปชั่นซื้อขาดในภายหลัง อาร์เซน่อล ยังคงเดินหน้าโกยเงินจาก Second Tier Sponsor ต่อเนื่อง ล่าสุดอาร์เซน่อลจับมือกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก Stanley 1913 ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ล้ำสมัย ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือในระยะเวลาหลายปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับเป็นสปอนเซอร์ใหม่รายที่ 4 ที่อาร์เซน่อลมีการประกาศอย่างเป็นทางการในช่วงซัมเมอร์นี้ อาร์เซน่อล U21 ยังคงสะกดคำว่าชนะไม่เป็นในเกมส์อุ่นเครื่องปรีซีซั่น ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาแพ้แอนฟิลด์ ทาวน์ไป 0-2 ปัจจัยหลักๆ เนื่องจากผู้เล่นตัวหลักหลายคน มาทัวร์ปรีซีซั่นที่เอเซีย ร่วมกับทีมชุดใหญ่ ทัพนักเตะอาร์เซน่อล เดินทางจากสิงคโปร์ ไปถึงประเทศฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะลงอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายในการทัวร์เอเซีย ในการพบกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในวันพฤหัสบดีนี้ เวลา 18.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
-
วิคตอร์ เยอเคเรส ผ่านคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมทีมและโค้ช จากแผลถลอกที่หัวเข่าบนสนามกรวดของสโมสรแรกที่เขาเริ่มเล่นฟุตบอล ไปจนถึงการออกกำลังกายในยิมแบบเฉพาะทาง วิคตอร์ เยอเคเรส คือหลักฐานแห่งพลังการเปลี่ยนแปลงของความมุ่งมั่น ความทุ่มเท และการพัฒนาตัวเอง ความขยันอันครอบคลุมในทุกด้าน ได้เปลี่ยนนักเตะดาวรุ่งที่แข็งแกร่งแต่ไม่มีอะไรโดดเด่น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยดูเหมือนจะไปได้ไกลแค่ลีกสูงสุดของสวีเดน ให้กลายเป็นปรากฏการณ์ในการถล่มประตูลำดับท็อปของยุโรป ความขยันคือสิ่งพื้นฐานของนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ แต่สำหรับเยเคเรส เขาใช้มันเป็นพลังขับเคลื่อนไปตั้งแต่อายุยังน้อย และจากสิ่งนั้น แม้เขาจะเป็นนักเตะที่พัฒนาช้ากว่าคนอื่น ทว่าแรงพยายามที่ไม่หยุดหย่อนก็ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลก ในขณะที่อาร์เซนอลเพิ่งจะปิดดีลคว้าตัวกองหน้าทีมชาติสวีเดนรายนี้อย่างเป็นทางการ The Athletic ได้พูดคุยกับอดีตเพื่อนร่วมทีมและโค้ชของเขา เพื่อค้นหาว่าการเล่นร่วมกับเขา หรือแม้แต่การต้องเจอกับเขาในสนามนั้นเป็นอย่างไร "ตอนนั้นผมไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์" ในตอนแรก เดวิด เอคลุนด์ ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร แม้ว่าในฐานะแมวมองของสโมสรไอเอฟ บรอมมาปอจคาร์น่า ในสตอกโฮล์ม เขาจะตัดสินใจติดตามฟอร์มของกองหน้าวัย 11 ปีจากทีมสมัครเล่นท้องถิ่นอย่าง Aspudden-Tellus "ผมยังไม่แน่ใจในตอนนั้นเลย" เขาให้สัมภาษณ์กับ The Athletic "เขาแข็งแกร่งมาก ถึงจะยังตัวไม่ใหญ่นักในตอนนั้น แต่เขาแข็งแรงและขยันมาก" "เขายิงไกลได้ดี และโหม่งทำประตูได้ ในกรอบเขตโทษ เขาเหมือนนักฆ่า แต่เขายังไม่เก่งในเรื่องเทคนิค ผมไม่ได้คิดว่าเขาจะเป็นซูเปอร์สตาร์ อาจจะแค่ไปได้ถึงระดับสูงสุดในสวีเดนหรืออะไรทำนองนั้น" ในเวลานั้น เอคลุนด์ยังเพิ่งเริ่มรู้จักกับความมุ่งมั่นและจิตใจนักสู้อันไม่ลดละของเยอเคเรส ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เพื่อนร่วมทีมและโค้ชที่ Aspudden-Tellus รู้ดีอยู่แล้ว สโมสรสมัครเล่นที่บริหารงานโดยอาสาสมัครในย่านชานเมืองทางใต้ของสตอกโฮล์ม ห่างจากบ้านในวัยเด็กของเยอเคเรสราวๆ 1 ไมล์ "มันชัดเจนมาก" บียอร์น ทูเรสสัน ประธานของสโมสร Aspudden-Tellus กล่าว "โค้ชทุกคนพูดถึงความมุ่งมั่นสุดยอดของเขา ซึ่งเห็นได้ตั้งแต่แรกๆ เลย เขาไม่ใช่เด็กที่ตัวใหญ่นัก แต่เขาแข็งแรงมาก มันน่าตลกดีที่ตอนนี้คุณยังเห็นบางแง่มุมของสไตล์การเล่นจากสมัยเด็กอยู่" "เขามีเป้าหมายชัดเจน เขาไม่ค่อยสนใจอยู่กลางสนามนานๆ เขามุ่งหน้าสู่ประตูอยู่เสมอ และยิงได้เยอะมาก" พ่อของเยอเคเรสชื่อสเตฟาน เป็นโค้ชของสโมสร และดูแลทีมที่ลูกชายเล่นด้วย "คุณจะเห็นวิคตอร์และเพื่อนๆ ซ้อมกันก่อนเวลาเริ่มฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆ" ทูเรสสันกล่าว "เขาโฟกัสกับฟุตบอลอย่างเต็มที่ และนั่นคือสิ่งที่ทุกคนพูดถึงเขา เอาจริงๆ ก็มีแค่เรื่องเดียวที่ผู้คนพูดถึงเขา ว่าเขายิงประตูได้เยอะขนาดไหน" "เขาเริ่มต้นกับเราบนสนามกรวด" เยอเคเรสเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีม Aspudden-Tellus ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และเมื่อเขาโตพอที่จะลงเล่นแข่งได้ สนามที่เขาใช้ก็ยังห่างไกลจากพื้นหญ้าเรียบเนียนในสนามแข่งระดับยุโรปที่เขาจะได้สัมผัสในภายหลัง “เขาเริ่มต้นกับเราบนสนามกรวด” ทูเรสสันกล่าว “ทุกวันนี้มีสนามหญ้าเทียมเพิ่มขึ้นเยอะแล้ว แต่ตอนนั้นมันเป็นทางเลือกเดียวที่มี “เด็กๆ ต้องใส่กางเกงขายาวพิเศษเพื่อไม่ให้หัวเข่าถลอก มันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก” Aspudden-Tellus ซึ่งทีมชุดใหญ่เล่นอยู่ในดิวิชัน 4 ของสวีเดน ไม่มีสนามแบบใช้ได้ทุกฤดูกาล ดังนั้นในช่วงฤดูหนาวอันโหดร้าย เยอเคเรสและเพื่อนร่วมทีมต้องฝึกทักษะกันด้วยการเล่นฟุตซอลในร่มแทน แม้สโมสรจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่เรียบง่าย เยอเคเรสก็อยู่กับทีมจนถึงอายุ 15 ปี “เรารับทุกคนที่อยากเล่นฟุตบอล เพราะงั้นระดับฝีมือในแต่ละทีมก็จะแตกต่างกันพอสมควร” ทูเรสสันอธิบาย “แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เด็กๆ ได้เล่นหลากหลายรูปแบบ บางครั้งเล่นกับนักเตะเก่งๆ ก็ได้ฝึกฝีมือไปอีกแบบ แต่บางครั้งเล่นกับคนที่ยังไม่พัฒนามาก เขาก็ต้องรับบทบาทอีกแบบหนึ่ง" “สิ่งนั้นมีประโยชน์กับเขามาก เขาชอบด้วย เพราะถ้าคุณเข้าสถาบันของสโมสรอาชีพ คุณก็จะได้เล่นกับเพื่อนร่วมทีมในระดับเดียวกันตลอด ผมคิดว่าการมีความรับผิดชอบหลายรูปแบบช่วยพัฒนาเขาได้ดี” "เขายิงประตูได้ทั้งสองเท้า, โหม่งก็ได้...ก้นก็ยังยิงได้" ในที่สุด เยอเคเรสก็ได้ย้ายทีม เมื่อตอนที่เอคลุนด์จัดการให้เขาเข้าไปอยู่ในอะคาเดมีของบรอมมาปอจคาร์น่า “ผมติดตามเขาอยู่พักหนึ่ง ดูเขาเดือนละครั้ง และลองติดต่อครั้งแรกตอนเขาอายุ 13” เอคลุนด์เล่าย้อน “ผมติดต่อกับพ่อของเขาต่อเนื่องไปอีกสองสามปีหลังจากนั้น" “เราต้องการนักเตะที่เล่นบอลเทคนิค ดังนั้นการที่เขายังขาดความละเอียดในตอนนั้นก็นับเป็นปัญหาบ้าง แต่บางครั้งคุณเลือกนักเตะที่เก่งเทคนิคแล้วเขาก็ไม่เวิร์กเลย แต่เยอเคเรสมีการยิงประตูที่ดีมาก นั่นเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคต และเมื่อได้ทำงานร่วมกับโค้ชของเรา เขาก็จะพัฒนาได้อีก เขายิงได้ทั้งเท้าซ้าย เท้าขวา โหม่งก็ได้... (หัวเราะ) ก้นก็ยิงได้” ในช่วงนั้น เยอเคเรสซึ่งปัจจุบันสูงถึง 188 เซนติเมตร (6 ฟุต 2 นิ้ว) ก็เริ่มสูงขึ้นและร่างกายแข็งแรงมากขึ้นด้วย “ครั้งแรกที่ผมได้เจอเขาแบบจริงจังและจับมือกัน มือของเขาใหญ่จนกลืนมือผมไปหมดเลย!” เอคลุนด์พูดติดตลก เอคลุนด์ต้องแข่งขันกับทีมอื่นในสตอกโฮล์มที่ให้ความสนใจเช่นกัน แต่บรอมมาปอจคาร์น่า มีชื่อเสียงด้านการพัฒนาเยาวชน ซึ่งทำให้พวกเขาได้เปรียบ แม้จะเริ่มเป็นที่รู้จักในสวีเดน แต่ความสนใจต่อกองหน้าดาวรุ่งคนนี้ก็ยังไม่ขยายไปถึงต่างประเทศ “บรอมมา มีความสัมพันธ์กับครอบครัวของเขาดีที่สุด และเป็นสโมสรที่เก่งที่สุดในการพัฒนาเยาวชน” เอคลุนด์กล่าว “ไม่มีใครนอกสวีเดนรู้จักเขาเลย ไม่มีแม้แต่เดนมาร์กหรือนอร์เวย์ เขาเป็นนักเตะที่พัฒนาช้าตามธรรมชาติของเขามาตลอด” แม้จะเป็นคนฝึกสอนลูกชายเอง และให้คำแนะนำในช่วงที่อาชีพของ เยอเคเรสเริ่มต้นขึ้น เอคลุนด์ยืนยันว่า พ่อของเขาไม่ได้เป็นประเภทที่เข้ามาควบคุมทุกอย่าง “สเตฟานเป็นคนดีมาก” เอคลุนด์กล่าว “เขาไม่ใช่พ่อประเภทที่เอาแต่กดดันให้ลูกต้องเล่นตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ เขาพูดเสมอว่าวิคตอร์ต้องทำด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือให้ลูกได้อยู่กับสโมสรที่มีโค้ชที่ดีที่สุด ซึ่งจะดูแลลูกชายของเขาได้” “ผมบอกว่า ‘ใช่ วิคตอร์แข็งแกร่งพอจะเล่นทีมชุดใหญ่ได้’ ตอนนั้นเขาอายุแค่ 16” การทำงานหนักควบคู่กับช่วงที่ร่างกายโตเร็ว ทำให้ เยอเคเรสได้รับโอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของบรอมมาปอจคาร์น่า ในลีกสูงสุดของสวีเดนออลสเวนคาน ตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากที่เขาทำไป 16 ประตูจาก 17 นัดในทีมชุด U-19 “ผมจำได้ว่าทีมชุดใหญ่มีนักเตะบาดเจ็บเยอะในปี 2015 และโค้ชโทรมาถามผมว่ามีเด็กในอะคาเดมีที่แข็งแกร่งพอจะขึ้นชุดใหญ่ไหม” เอคลุนด์เล่า “ผมก็บอกไปว่า ‘มีครับ วิคตอร์ เยอเคเรส แข็งแกร่งพอจะเล่นได้’ ตอนนั้นเขาอายุแค่ 16 “พวกเขาก็เอาเขาไป และในปีถัดมาเขาก็เริ่มเล่นได้ดีมาก เขาดูเหมือนผู้ใหญ่เลยล่ะ” เขาเข้าร่วมทีมชุดใหญ่ในปี 2017 ซึ่งขณะนั้นทีมอยู่ในดิวิชัน 2 ของสวีเดน โดยในฤดูกาลนั้นเขาทำได้ 13 ประตู กับอีก 8 แอสซิสต์ จนทำให้เขาเริ่มเป็นที่สนใจของทีมจากนอกประเทศ และในเดือนกันยายนของปีเดียวกัน เขาก็เซ็นสัญญา 2 ปีครึ่งกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน ในพรีเมียร์ลีก โดยจะย้ายไปร่วมทีมในช่วงตลาดเดือนมกราคม เกมอำลาของเขากับบรอมมาปอจคาร์น่า จบลงด้วยแฮตทริกในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ “ผมเจอเขาที่ Nando’s วันก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญากับเรา” จากนั้น เยอเคเรสก็ก้าวเข้าสู่โลกใหม่กับไบรท์ตัน โดยเริ่มต้นกับทีม U-23 ในพรีเมียร์ลีก 2 “ผมเจอเขาที่ร้าน Nando’s วันก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญากับทีม” สตีเวน อัลซาเต้ ซึ่งตอนนั้นเป็นนักเตะทีม U-23 ของไบรท์ตันเล่า “ผมเห็นวิคตอนซ้อมช่วงกลางวัน และคืนนั้นผมไปกินข้าวกับ (โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูของไบรท์ตันตอนนั้น) แล้วเราก็เห็นเขากับแฟนสาวที่ร้านก่อนที่สโมสรจะประกาศตัวเขาอย่างเป็นทางการ “พอได้คุยกันตรงนั้น วันรุ่งขึ้นเขาก็กล้าเข้าหาเรามากขึ้น เพราะเขารู้จักหน้าเราแล้ว ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วย พวกเราชอบไปกินบรันช์ด้วยกัน หรือไม่ก็นัดกันมาดูบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกด้วยกัน” อัลซาเต้ ซึ่งปัจจุบันเล่นให้กับฮัลส์ ซิตี้ในลีกแชมเปียนชิพ ชื่นชมความมีวินัยของเพื่อนใหม่คนนี้ “เขาอยู่ในยิมตลอดเวลาเลย” เขาบอก “เขาชอบออกกำลังกล้ามเนื้อแกนกลางร่างกายมาก เขาจะมีกิจวัตรของตัวเอง และทำมันทุกวัน “ถ้าคุณดูเขาตอนนี้ เขาก็ยังแน่น กล้ามชัดมาก นั่นแสดงว่าเขายังรักษาระเบียบวินัยและความขยันแบบเดิมไว้ เขาทำทุกอย่างที่อยู่ในความควบคุมของตัวเอง และสิ่งอื่นๆ ก็ตามมาเอง” “เขาไม่ใช่กองหน้าที่จบสกอร์เก่งโดยธรรมชาติ การยิงของเขาเป็นผลจากความขยัน” แม้จะมีพรสวรรค์และร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นในอังกฤษทันที เยอเคเรสทำได้ 7 ประตูให้กับทีม U-23 ของไบรท์ตันในครึ่งหลังของฤดูกาล 2017-18 แต่โอกาสในทีมชุดใหญ่ก็ยังจำกัด “สิ่งที่โดดเด่นคือทัศนคติและความกระหายของเขา” เดล สตีเฟนส์ มิดฟิลด์ตัวหลักของทีมชุดใหญ่ไบรท์ตันในขณะนั้นกล่าว “ตอนนั้นทีมเรากำลังลำบาก (เพราะเป็นฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ลีก และจบอันดับ 15 จาก 20 ทีม) และเขายังอายุน้อย โอกาสเลยมีจำกัด แต่สิ่งที่สังเกตได้ชัดคือรูปร่างของเขาสำหรับเด็กคนนึง เขาตัวใหญ่ แข็งแรง มีความอันตราย และมีความกระหายที่จะพัฒนา สิ่งที่เราเห็นในตอนนี้ คือผลลัพธ์จากทัศนคติแบบนั้นที่เขายึดมั่นมาตลอดหลายปี” แม้เยอเคเรสจะมีร่างกายที่แข็งแรงและมีผลงานการยิงประตูดีจากในบ้านเกิด แต่สตีเฟนส์ก็ยอมรับว่า เขายังไม่ได้ดูเป็นกองหน้าธรรมชาติสำหรับระดับที่สูงขึ้นในอังกฤษ “เขาเด่นเรื่องความเร็ว ความแข็งแกร่ง เป็นภัยคุกคามเวลาเล่นทะลุแนวรับ” สตีเฟนส์กล่าว “แต่ถ้าถามตอนนั้น ผมคงไม่บอกว่าเขาเป็นกองหน้าที่จบสกอร์เฉียบโดยธรรมชาติ เขาอายุ 21 แล้วด้วยซ้ำ มันไม่ใช่พรสวรรค์ติดตัว แต่มันคือสิ่งที่เขาฝึกฝนอย่างหนัก การจบสกอร์ของเขาคือผลจากความพยายาม” “มันเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับนักเตะเยาวชนที่ก้าวขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ แต่เขาก็มาซ้อมกับเราบ่อยมาก และไม่เคยกลัวเลย เขากล้าปะทะในสนามซ้อม เห็นได้ชัดจากวิธีซ้อมของเขา และเขาไม่เคยพลาดการเข้ายิมเลย เพราะเขาใช้ร่างกายเป็นจุดแข็ง เขารู้ว่าต้องรักษาสิ่งนี้ไว้ และรู้ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญในการอยู่ในระดับสูงสุดของเกมฟุตบอล” "โคเวนทรีคือการก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว แต่เขากลับพุ่งไปข้างหน้าในแง่ของพัฒนา" หลังจากผ่านหนึ่งปีเต็มกับไบรท์ตัน แต่ยังได้รับโอกาสในทีมชุดใหญ่อย่างจำกัด ในเดือนกรกฎาคม 2019 เยอเคเรสจึงย้ายไปเล่นให้ ซังต์ เพาลี ทีมในลีกา 2 เยอรมนี ด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล ผู้คนที่อยู่เบื้องหลังที่สโมสรในฮัมบูร์กยังจำเขาได้ดีในฐานะนักเตะที่ขยันซ้อมเพิ่ม ทั้งเรื่องเทคนิคและความฟิต เหมือนที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เยอเคเรสถูกจดจำว่าเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ และซังต์ เพาลีก็พยายามยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อขาดเขาหลังหมดสัญญายืมตัว แต่ไบรท์ตันปฏิเสธ แม้เยอเคเรสจะทำผลงานได้ 7 ประตู กับ 4 แอสซิสต์จาก 26 นัดในลีก ไบรท์ตันยังไม่อยากปล่อยตัวดาวรุ่งชาวสวีเดน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงในยุคของ แกรม พอตเตอร์ ได้ เพราะพอตเตอร์ต้องการกองหน้าหมายเลข 9 ที่สามารถถอยลงต่ำและเชื่อมเกมได้ ขณะที่เยอเคเรสไม่ใช่ผู้เล่นในสไตล์นั้น จึงต้องออกไปยืมตัวอีกครั้ง ทั้งที่ สวอนซี ซิตี้ และต่อมาที่ โคเวนทรี ซิตี้ ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมหลังอย่างถาวรในช่วงซัมเมอร์ปี 2021 เยอเคเรสไม่เคยเข้าใกล้โอกาสลงสนามในพรีเมียร์ลีกกับไบรท์ตันได้มากไปกว่าการมีชื่อบนม้านั่งสำรองไม่กี่ครั้ง จากการลงสนามทั้งหมด 8 นัด (ตัวจริง 5 นัด) เขาทำได้ 1 ประตู โดย 4 จาก 8 เกมนั้นมาจากฟุตบอลถ้วย คาราบาว คัพ “ตอนที่เขาไม่มีโอกาสลงเล่น เขาตัดสินใจยอมถอยหลังด้วยการไปโคเวนทรี” เดล สตีเฟนส์กล่าว “มันเป็นการลดระดับการแข่งขัน แต่เขากลับพุ่งไปข้างหน้าในแง่ของการพัฒนา เขาได้รับโอกาส ทำผลงานได้ดี และคว้าโอกาสย้ายไปสปอร์ติ้ง มันเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับนักเตะดาวรุ่งส่วนใหญ่” “ถ้าแพ้เกมเล็กๆ ในสนามซ้อม เขาจะหัวเสียจนแทบปาทุกอย่างลงพื้น” ฤดูกาลแรกของเยอเคเรสกับโคเวนทรีในฐานะนักเตะถาวรถือว่าน่าจดจำ เขายิงได้ 18 ประตูรวมทุกรายการ โดยมี เบน ชีฟ มิดฟิลด์ที่ตอนนั้นยืมตัวมาจากอาร์เซนอล และย้ายร่วมทีมแบบถาวรในเดือนกรกฎาคม 2021 เช่นกัน “ตอนเขามายืมตัว เขายังไม่ได้ลงสม่ำเสมอ และมีแววให้เห็นเป็นบางช่วง” ชีฟซึ่งอายุเท่ากันกับเยอเคเรสกล่าว “แต่พอย้ายมาแบบถาวร เขากลับมาอีกครั้งพร้อมร่างกายที่ใหญ่ขึ้น กล้ามเนื้อมากขึ้น และแข็งแกร่งกว่าเดิมอีก “เขาซ้อมหนักมาก ซ้อมยิงประตูเพิ่มหลังเลิกซ้อมเป็นประจำ ผมจำได้ครั้งหนึ่งตอนซ้อม 11 ต่อ 11 แล้วบอลถูกโยนมาที่เขาตอนผมประกบอยู่ เขาเอาหลังยันแล้วหมุนหนีผมได้ทันที และผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่า ‘โห ทีมฝั่งตรงข้ามคงต้องเจองานหนักแน่’ และนั่นคือครั้งแรกที่ผมรู้สึกถึงพละกำลังของเขา” “เขาจริงจังกับการซ้อมมาก ถ้าทีมเขาแพ้แม้แต่เกมเล็กๆ ในสนามซ้อม เขาจะหัวเสียสุดๆ บางทีก็เหมือนจะปาของเล่นลงพื้นเลย” โคเวนทรีช่วยปรับปรุงการเล่นของเยอเคเรส โดยเฉพาะการเล่นหันหลังให้ประตูในพื้นที่แคบ การเคลื่อนที่ตัดหลังแนวรับ และการจบสกอร์เร็ว ซึ่งเขาตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิง 38 ประตูจาก 91 นัด ในลีก “เขาคือคนสำคัญของเรา” ชีฟกล่าว “เขาวิ่งทะลุแนวรับได้ พักบอลได้ และแข็งแรงมาก แผนการเล่นของเราก็เหมือนจะวางไว้โดยยึดตามคุณสมบัติของเขาเลย แม้เราจะชอบครองบอล แต่บางครั้งเราก็ถอยต่ำลง และมั่นใจได้ว่าเขาจะเป็นคนลากบอลสวนกลับขึ้นหน้าพาเราบุกได้เสมอ” "ผู้รักษาประตูของเราเคยเรียกเขาว่า ‘หัวลูกชิ้นสวีดิชยักษ์’" ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายของเยอเคเรส ทำให้เขากลายเป็นทางเลือกที่พึ่งพาได้ตลอดเวลาสำหรับเพื่อนร่วมทีมที่กำลังเจอแรงกดดัน “ประตูที่ผมจำได้ชัดที่สุดคือเกมกับวีแกน (ในปี 2023)” เบน ชีฟ เล่า “บอลถูกเตะเคลียร์ขึ้นมา แล้วเขาดึงบอลลงที่ครึ่งสนาม จากนั้นก็ลากบอลหนีทุกคนไปเลย ผมเองกำลังวิ่งไล่ตามเขาอยู่ และเขาก็ลากหนีผมไปแบบไม่มีใครหยุดได้ สุดท้ายเขาก็ยิงเข้าไปอยู่ดี” ในฐานะมิดฟิลด์ตัวต่ำ ชีฟบอกว่าเขารู้สึกมั่นใจทุกครั้งที่เห็น เยอเคเรสวิ่งทำทางออกด้านข้าง เพราะนั่นคือโอกาสจ่ายบอลที่ไว้ใจได้เสมอ “ผมรู้ว่าผมไม่จำเป็นต้องจ่ายบอลออกข้างหรือเล่นสั้นเสมอไป” เขากล่าว “เพราะเมื่อเขาวิ่งไปตามช่อง เขาจะได้บอลแน่นอน เพราะเขาแข็งแกร่งมาก เขาทำให้การจ่ายบอลของคุณดูดีขึ้นด้วยซ้ำ” นอกสนาม เยอเคเรสก็เริ่มเปิดตัวตนให้คนรอบข้างได้รู้จักมากขึ้น “เขาเป็นคนจริงจัง จนกว่าคุณจะรู้จักเขาดีแล้ว เขาถึงจะเปิดใจ” ชีฟกล่าว “เขาเป็นคนดีมาก แต่ก็จะเถียงกันในสนามซ้อมบ่อยมาก เพราะอยากชนะตลอด แล้วก็จะซ้อมยิงต่อหลังเลิกซ้อม ยิงแบบใส่เต็มแรงเลย “เบน วิลสัน ผู้รักษาประตูของเราเคยเรียกเขาว่า ‘หัวลูกชิ้นสวีดิชยักษ์’ ด้วยสำเนียงจอร์ดี้ แต่จริงๆ แล้วทั้งคู่สนิทกันมาก และชอบแกล้งหยอกล้อกันตลอด” “ผมว่าเขาเหมาะกับพรีเมียร์ลีกแบบสุดๆ” หลังจากยิงได้ 22 ประตูในฤดูกาล 2022-23 ให้กับโคเวนทรี ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษต่อลูตัน ทาวน์ ในรอบชิงเพลย์ออฟเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก เยอเคเรสก็ย้ายไป สปอร์ติง ลิสบอน สโมสรชั้นนำในโปรตุเกส ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 24 ล้านยูโร (21.6 ล้านปอนด์ / 28 ล้านดอลลาร์) และเซ็นสัญญา 5 ปี จากนั้นในลิสบอน เขาก็เข้าสู่โหมด “เครื่องจักรเต็มกำลัง” ฤดูกาลที่ผ่านมา เขายิงไป 54 ประตูจาก 52 นัด พาสปอร์ติงคว้า ดับเบิลแชมป์ทั้งลีกและฟุตบอลถ้วย รุย บอร์เกส โค้ชของสปอร์ติง กล่าวหลังเกมที่เขายิง 2 ประตูใส่คาซา เปียในเดือนมีนาคมว่า “เขาคือปรากฏการณ์ เขามีทุกอย่าง: เทคนิค ความแข็งแกร่ง ความนิ่ง เขาคือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดที่เคยเล่นในลีกของเรา” ก่อนเจอกันในอีกเกมเดือนนั้น เฟร์โร่ กองหลังของเอสเตรล่า ดา อมาดอร่า ยังถึงกับบอกว่า “วิธีเดียวที่จะหยุดเขาได้คือต้องใช้ยาวิเศษ” ตอนนี้ การทดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกำลังรอเขาอยู่ การนำทุกอย่างที่เขาสร้างมาพิสูจน์ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเขาไม่เคยได้ลงเล่นจริงกับไบรท์ตัน และก็เกือบจะไปไม่ถึงกับโคเวนทรี เขาพร้อมหรือยัง? เอคลุนด์ มั่นใจ “เขาต้องได้ลงเล่นทุกสัปดาห์” เขากล่าว “เขาเหมาะกับพรีเมียร์ลีกมากจริงๆ” เดล สตีเฟนส์ ซึ่งเคยลงเล่นพรีเมียร์ลีก 109 นัดให้ไบรท์ตันและเบิร์นลีย์ก็เห็นด้วย “เขามีคุณสมบัติครบหมด ผมเดาว่าคำถามก็คือ: เขาจะทำผลงานในเกมใหญ่ได้ไหม? แต่ผมไม่คิดว่าอาร์เซนอลจะมองว่าการเซ็นเขาเป็นความเสี่ยง พวกเขาน่าจะศึกษาฟอร์มของเขาในแชมเปียนส์ลีกกับทีมใหญ่ๆ มาแล้ว” สุดท้าย สำหรับเบน ชีฟ การที่ เยอเคเรสได้ย้ายไปอาร์เซนอล และมีผลงานเด่นในแชมเปียนส์ลีก รวมถึง แฮตทริกใส่แมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อฤดูกาลก่อน คือหลักฐานว่าตำนาน “หัวลูกชิ้นสวีดิชยักษ์” คนนี้ ไม่ได้มีดีแค่แรงและสปีด “เขาไม่ใช่แค่เครื่องจักรที่วิ่งชนแนวรับแล้วเบียดเอาชนะแบบนักเลงเท่านั้น” ชีฟกล่าว “เขาเล่นบอลแบบละเอียดได้ด้วย เขาจะต้องปรับสไตล์การเล่นบ้าง แต่เขาจะยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน”
-
nattaworasat joined the community
-
PRE-SEASON Arsenal 3 - 2 Newcastle United Sun 27 July 2025, 18.30 น. GOAL: 0-1 อีลังก้า (นาทีที่ 6) 1-1 มิเกล เมริโน่ (นาที่ 33, ฮาแวร์ตซ์) 2-1 อเล็กซ์ เมอร์ฟี่ (นาทีที่ 35, ทำเข้าประตูตัวเอง) 2-2 จาค็อบ เมอร์ฟี่ (นาทีที่ 58) 3-2 มาร์ติน โอเดการ์ด (นาทีที่ 84, จุดโทษ) ดาวิด ราย่า: 6.0 บอลเท้าของราย่า ก็ดูมีความหวาดเสียวอยู่พอสมควรเวลาเจอบีบแดนบนหนักๆ ประตูแรกที่เสียไม่เท่าไร แต่ลูกสองราย่าเสียง่ายไปสักหน่อย วิลเลี่ยม ซาลิบา: 6.5 การรับมือกับบอลไดเร็กซ์ของนิวคาสเซิ่ล ซาลิบายังสามารถรับมือได้สบายๆ เหลี่ยมบอลดีกว่าผู้เล่นนิวคาสเซิ่ลตลอด แต่เรื่องการสั่งการแนวรับ ยังเป็นสิ่งที่ซาลิบายังขาดอยู่ มีบางจังหวะที่เกมส์รับเสียกระบวนอยู่ ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.5 ริชชี่เปิดบอลจากแนวลึกทแยงไปให้กับซาก้าสวยอยู่ 2-3 หน และมีจังหวะลุยขึ้นหน้าสวยๆ ด้วยหนหนึ่ง เกมส์รับภาพรวมถือว่าทำได้ดี แต่ต้นครึ่งหลัง มีอาการบาดเจ็บอีกแล้ว ต้องดูว่าเจ็บตรงไหนอีก ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่: 5.0 ฟอร์มในช่วงออกสตาร์ทปรีซีซั่นของไมล์สไม่ดีเอาซะเลย โดยเฉพาเกมส์รับที่มีปัญหาหนักมาก พื้นที่ของเขาโดนโจมตีตลอด และจ่ายบอลเสียแบบง่ายๆ อยู่หลายครั้ง ต้องเรียกสมาธิกับสติ เบน ไวท์: 6.5 เสือขาวสภาพร่างกายความฟิตดูดีขึ้น หลังจากปิดซีซั่นได้พักมาแบบเต็มที่ เกมส์รับถือว่าไวท์คุมพื้นที่รับผิดชอบได้ดี จังหวะไหนดูจะไม่ทันก็ชิงตัดฟาล์วตั้งแต่ต้นลม มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 6.5 เป็นบททดสอบที่ดีของซูบิเมนดี้เลย ที่ได้เจอกับการเพลสซิ่งที่เข้มข้นของนิวคาสเซิ่ล ที่ขึ้นมาบีบถึงแดนบน การคุมจังหวะ การหนีเพลสถือว่าซูบิเอาตัวรอดได้ดี แต่จังหวะแทงบอลขึ้นหน้ามีจ่ายเสียอยู่ 2 จังหวะเห็นๆ มิเกล เมริโน่: 7.0 ทีเด็ดของมิเกล เมริโน่ คือจังหวะจบสกอร์ที่คมกริบ อย่างประตูตีเสมอ 1-1 ยิง แล้วจุดเริ่มต้นของประตูก็มาจากที่เขาไปตัดบอลจากผู้เล่นนิวคาสเซิ่ลมาได้ อีธาน วาเนรี: 6.0 ได้โอกาส ออกสตาร์ทตัวจริงก่อนโอเดการ์ดในสองเกมส์แรก แต่เกมส์นี้วาเนรี ค่อนข้างเงียบเลย กับบทบาทตัวปั้นเกมส์ อีธานอาจจะต้องเรียนรู้อีกเยอะเลย บูกาโญ ซาก้า: 6.0 (C) ครึ่งแรก ซาก้าเล่นฝืนจังหวะมากไปหน่อย ทำให้จังหวะในกรอบเขตโทษมันติดขัดไปหมด ครึ่งหลังมีโอเดการ์ดลงมา ซาก้าดูคลายบอลง่ายขึ้น มีโอกาสกระโดดวอลเลย์แต่ นิค โป๊ป ยังเซฟไว้ได้ทัน เลอันโดร ทรอสซาร์: 7.0 จังหวะดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับทริปเปีย ทรอสซาร์เอาชนะทริปเปียไม่ค่อยได้สักเท่าไร แต่เขาก็ยังมีส่วนร่วมในการทำทางกับทั้งสองประตูในครึ่งเวลาแรก ลูกแรกเขาเป็นจ่ายยัดเข้ากรอบเขตโทษไปให้ฮาแวร์ตซ์ ก่อนที่ลูกสองที่ชิงเล่นเร็ว บทบาทกับเกมส์มีอยู่เรื่อยๆ ไค ฮาแวร์ตซ์: 7.0 ก่อนเกมส์คู่แข่งแย่งตำแหน่งมาเปิดตัวในสนาม ฮาแวร์ตซ์ก็ต้องเร่งฟอร์มหน่อย ต้นเกมส์ได้ขึ้นโขกแต่บอลข้ามคานออกไป แต่ประตูตีเสมอ 1-1 เขาทำได้เยี่ยมในจังหวะที่พักบอลแล้วแปะให้เมริโน่วิ่งมายิง ลูกพลิกแซง 2-1 เป็นฮาแวร์ตซ์ที่เปิดครอสอัดเข้ามา กดดันให้กองหลังนิวคาสเซิ่ลสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูไป ตัวสำรอง: มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.5 (นาทีที่ 46, วาเนรี) เป็นคนรับหน้าที่สังหารจุดโทษทำให้ทีมขึ้นนำนิวคาสเซิ่ลอีกครั้งเป็น 3-2 ลงมาเล่นครึ่งหลังก็ทำให้การเข้าทำในแดนสุดท้ายของทีมดูดีขึ้น แม้จังหวะสุดท้ายยังไม่ค่อย ยาคุบ คิวิออร์: 6.0 (นาทีที่ 49, คาลาฟิออรี) เกปา อาร์ริซซาบาลาก้า: 6.0 (นาทีที่ 60, ราย่า) มีจังหวะออกบอลพลาด เกือบเจอผู้เล่นนิวยิงสวนจากกลางสนาม แต่ก็มีจังหวะแก้ตัว ในการเซฟลูกยิงของผู้เล่นนิวคาสเซิ่ลในช่วงท้ายเกมส์ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.0 (นาทีที่ 60, ฮาแวร์ตซ์) ลงมาฟอร์มก็ยังเหมือนเดิม เทียบกับทรอสซาร์ มาร์ติเนลลี่สร้างอิมแพ็คได้น้อยกว่าเยอะมาก แม็กซ์ ดาวแมน: 7.5 (นาทีที่ 60, ซาก้า) ลงมาแทนซาก้าในช่วง 30 นาทีสุดท้าย ดาวแมนใกล้เคียงที่จะยิงประตูได้ จากจังหวะที่ลากลุยมาเอง ก่อนได้จังหวะสับไกหน้ากรอบเขตโทษ แต่ติดเซฟผู้รักษาประตู โอกาสอีกครั้งก็ยังติดเซฟ ก่อนที่ท้ายเกมส์เขาจะเป็นคนเรียกจุดโทษให้กับทีมได้ เฉิดฉายเหลือเกินสำหรับเจ้าหนูอายุ 15 ปี เดแคลน ไรซ์: 6.0 (นาทีที่ 69, ไรซ์) สภาพร่างกายของไรซ์ดูจะไม่สมบูรณ์มากนัก กับช่วงเริ่มต้นปรีซีซั่น โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: 6.0 (นาทีที่ 77, ไมล์ส) จอซ นิโคล: 6.0 (นาทีที่ 77, ไวท์) คริสเตียน นอร์การ์ด: 6.0 (นาทีที่ 77, ซูบิเมนดี้) ก่อนจังหวะที่ดาวแมนจะเรียกจุดโทษได้ นอร์การ์ดเป็นคนดักตัดบอลตรงกลางได้ ก่อนจะฝากบอลไปให้ดาวแมนที่ริมเส้น มาร์ลี แซลมอน: 6.0 (นาทีที่ 77, ซาลิบา) ฮาร์ริสแมน-อานุส: 6.0 (นาทีที่ 77, ทรอสซาร์) กองหน้าดาวรุ่งได้โอกาสลงสนาม หลังจากนัดแรกไม่ได้ลงเล่น อานุสก็ถือว่าพอมีจังหวะเก็บบอลในแดนหน้าได้อยู่บ้างกับเวลาราว 10 กว่านาทีในสนาม
- Earlier
-
เจาะเบื้องหลัง "ดีลมหากาพย์การเซ็นสัญญากองหน้าของอาร์เซน่อล" เกิดอะไรขึ้นบ้าง
admin replied to admin's topic in GUNNER NEWS
ดีลนี้ปิดได้ เครดิตเกินครึ่งต้องยกให้ เยอเกเรสกับเอเยนต์ส่วนตัว กับความแน่วแน่และชัดเจนมากว่าต้องการย้ายมาอาร์เซน่อลทีมเดียวเท่านั้น ยังไม่ทันเล่น ก็ซื้อใจแฟนปืนใหญ่ไปเยอะแล้ว หวังว่าเยอเกเรส จะเป็นจิ๊กซอว์สุดท้ายในการพาทีมชุดนี้ประสบความสำเร็จ -
ทำไมอาร์เซน่อลเลือก "เยอเกเรส" แทน "เซสโก้" เบื้องลึกดีลและการเปลี่ยนทิศทางของสโมสร เมื่อหนึ่งปีก่อน แทบไม่มีใครคาดคิดว่า วิคเตอร์ เยอเกเรส จะได้มาอยู่กับอาร์เซน่อล ก่อนที่ อันเดรีย แบร์ต้า จะเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เยอเกเรสไม่ได้อยู่ในลิสต์เป้าหมายลำดับต้น ๆ ของอาร์เซน่อลเลย แม้ว่าเขาจะทำผลงานถล่มประตูให้กับสปอร์ติง ลิสบอน และติดทีมชาติสวีเดนไปแล้ว 26 นัด แต่อดีตทีมแมวมองของอาร์เซน่อลที่นำโดย เอดู ประเมินว่าเขาเป็นแค่ตัวเสริมในทีม อาจเข้ากับไค ฮาแวร์ตซ์ได้ แต่ไม่ใช่การอัปเกรดในระบบของมิเกล อาร์เตต้าโดยตรง ในตอนนั้น เป้าหมายหลักของอาร์เซน่อลคือ เบนจามิน เซสโก้ จากแอร์เบ ไลป์ซิก ซึ่งมีการวางแผนไว้ตั้งแต่ซัมเมอร์ 2024 แล้วจะกลับมาเจรจาอีกครั้งในปีนี้ เจสัน ไอโต ซึ่งเข้ามาทำงานแทนเอดูชั่วคราว วางแผนจะบินไปเยอรมนีเพื่อเจรจากับเซสโก้ในเดือนมีนาคม แต่ทันทีที่แบร์ต้าถูกแต่งตั้ง ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทริปเยอรมนีถูกยกเลิก และชื่อของเยอเกเรสกลับมาเป็นตัวเลือกหลักทันที แบร์ต้าเป็นแฟนตัวยงของกองหน้ารายนี้มานาน และเชื่อว่าเขาคือจิ๊กซอว์สำคัญที่จะช่วยให้อาร์เซน่อลคว้าแชมป์หลังจากรอมานานกว่า 5 ปี แม้ว่าเซสโก้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเอดูและไอโตมาตลอด 18 เดือนก่อนหน้านั้น แต่เมื่อแบร์ต้าเข้ามา ความสัมพันธ์นั้นเปลี่ยนไป แคมป์ของเซสโก้เริ่มกังวลว่าการเปลี่ยนตัวผู้บริหารอาจกระทบดีล นอกจากนี้ ทีมงานของเซสโก้ยังไม่ต้องการปิดโอกาสกับสโมสรอื่น พวกเขาเข้าหาอาร์เซน่อลด้วยท่าทีแข็งกร้าวในการเจรจาเรื่องค่าตัวและค่าเหนื่อย ซึ่งไม่เป็นที่ชื่นชอบในฝั่งลอนดอนเหนือนัก แม้จะยังมีการพูดคุยเชิงสร้างสรรค์กับเอเย่นต์ของเซสโก้อย่าง เอลวิส บาซาโนวิช (ซึ่งยังมาชมเกมนัดสุดท้ายในบ้านของอาร์เซน่อลฤดูกาลก่อนกับนิวคาสเซิล) แต่ดีลก็ไม่คืบหน้า อาร์เซน่อลยังคงทำงานหนักในเบื้องหลังเพื่อพิจารณาเซสโก้ โดยไลป์ซิกเองก็ต้องการความชัดเจนในการย้ายทีมเพื่อเร่งสร้างทีมใหม่หลังจบอันดับ 7 ในบุนเดสลีกา ปัญหาคือเรื่องเงิน: ทั้งค่าตัว, ค่าเหนื่อย และค่านายหน้าที่เรียกสูงเกินกว่าที่อาร์เซน่อลมองว่าคุ้มสำหรับ "โปรเจกต์พัฒนา" แม้ศักยภาพของเซสโก้จะชัดเจน แต่สโมสรต้องการนักเตะที่ “พร้อมใช้” ทันทีในตอนนี้ ฝั่งเยอรมันเชื่อว่ายังมีพื้นที่ให้ต่อรอง แต่เคมีระหว่างฝั่งอาร์เซน่อลกับตัวแทนของเซสโก้ไม่ดีนัก แม้ภายหลังทางเซสโก้จะยอมลดข้อเรียกร้องบางส่วนเมื่อเห็นว่าเยอเกเรสเริ่มกลายเป็นตัวเลือกหลัก แต่ตอนนั้นมันสายไปแล้ว เยอเกเรส ก็เริ่มได้รับความสนใจอย่างมากจากฝ่ายบริหารของ Arsenal เขาเพิ่งอายุครบ 27 ปีในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์และพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นกองหน้าที่ทำประตูได้แน่นอน เขาเคยเล่นในลีกอังกฤษมาแล้ว โดยเซ็นสัญญากับไบรท์ตัน เมื่อปี 2018 ตอนอายุ 19 ปี และต่อมาได้ถูกยืมตัวไปที่สวอนซีและโคเวนทรี ซึ่งเขาย้ายไปร่วมทีมอย่างถาวรในภายหลัง ในช่วงเวลาที่อาร์เซน่อล กำลังมองหาชิ้นส่วนที่ขาดหายไปเพื่อเปลี่ยนสถานะจากทีมลุ้นแชมป์เป็นทีมแชมป์ เยอเกเรส ดูเหมือนจะเป็นผู้เล่นที่พร้อมสร้างผลกระทบทันที อีกปัจจัยหนึ่งคือ เยอเกเรส เชื่อว่าเขามีข้อตกลงกับ Sporting ซึ่งจะทำให้เขาสามารถย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วยค่าตัว 60 ล้านยูโร (52 ล้านปอนด์) พร้อมโบนัสเพิ่มเติมอีก 10 ล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าค่าฉีกสัญญา 100 ล้านยูโรอย่างมาก อันเดรีย แบร์ต้า จึงเริ่มสำรวจเงื่อนไขของดีลนี้ อย่างไรก็ตามอาร์เตต้า ยังต้องการความมั่นใจมากกว่านี้ ตลอดกระบวนการตามหากองหน้าขออาร์เซน่อล ความชอบของผู้จัดการทีมก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ความชื่นชมของเขาต่อ อเล็กซานเดอร์ อิซัค นั้นคงเส้นคงวา แต่เมื่อ อิซัค ช่วยให้นิวคาสเซิ่ ได้สิทธิ์ไปเล่นแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้า อาร์เซน่อลก็รู้สึกว่าการเซ็นสัญญากับเขานั้นอาจเกินเอื้อม พอถึงปลายเดือนกรกฎาคมที่อิซัค แสดงความต้องการจะย้ายออกจากนิวคาสเซิ่ลอย่างชัดเจน อาร์เซน่อลก็ได้เดินหน้าแผนอื่นไปแล้ว เมื่อต้นซัมเมอร์อาร์เตต้า ดูเหมือนจะเอนเอียงไปทางเซสโก้เล็กน้อย แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของเขาในการสร้างผลกระทบทันทีในพรีเมียร์ลีก เนื่องจากเพิ่งอายุ 22 ปีในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม แต่ในที่สุด อาร์เตต้าก็เห็นพ้องว่าควรหันมาเป้าไปที่เยอเกเรส เมื่อนำปัจจัยต่างๆ มาพิจารณา ทั้งตัวผู้จัดการทีมและสโมสรก็เห็นตรงกันว่านี่คือดีลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับอาร์เซน่อล แน่นอนว่ามันเป็นประโยชน์ต่อสโมสรที่ชื่อของทั้งเซสโก้ และเยอเกเรส ถูกพูดถึงอย่างมากในสื่อสาธารณะ เพราะมันทำให้อาร์เซน่อลมีอำนาจต่อรองในการเจรจา อาร์เซน่อลเข้าใจว่าทั้งสองผู้เล่นต่างก็ต้องการย้ายมาร่วมทีม และในที่สุดพวกเขาก็จะได้ใครสักคนหนึ่งจากสองคนนี้ หากเงื่อนไขเหมาะสมกับสโมสร แต่เมื่อเวลาผ่านไป โอกาสในการคว้าตัวเซสโก้ ก็เริ่มน้อยลง อาร์เซน่อลสังเกตว่าพวกเขาแทบจะเป็นทีมเดียวที่แสดงความสนใจในตัวเขาอย่างจริงจัง ขณะที่เยอเกเรส มีทีมอื่นให้ความสนใจด้วย รวมถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เยอเกเรสและเซสโก้ ไม่ใช่สองนักเตะเพียงคนเดียวที่ถูกพิจารณาในซัมเมอร์นี้: ชื่อของโอลลี่ วัตกินส์ ก็ถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง แม้ว่า อาร์เซน่อลจะยังมีข้อกังวลเดิมเกี่ยวกับอายุ (เขาจะอายุครบ 30 ปีในเดือนธันวาคม) และค่าตัว นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ นักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาของแอตเลติโก มาดริดด้วย แต่ท้ายที่สุด สายตาของพวกเขาก็เริ่มจ้องมาที่เยอเกเรส ไม่เพียงเพราะคุณภาพในการยิงประตูของเขาที่ชัดเจน แต่เพราะโครงสร้างของดีลนั้นเรียบง่ายและตรงไปตรงมากว่า และยังถูกกว่าด้วย กลางเดือนมิถุนายน แบร์ต้าได้บินไปยังเกาะมินอร์ก้าในสเปน เพื่อเจรจาแบบพบหน้ากับทางสปอร์ติ้ง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ เพราะแม้อาร์เซน่อลจะสนใจในตัวเซสโก้ อย่างจริงจัง แต่ก็ไม่เคยมีการประชุมระดับนี้เกิดขึ้นเลย ความยากอยู่ที่ว่าสปอร์ติ้ง ดูเหมือนจะไม่มีความตั้งใจจะให้เกียรติข้อตกลงที่ว่ากันว่าเคยมีร่วมกับเยอเกเรส พวกเขาต้องการค่าตัวแบบตายตัวที่ 70 ล้านยูโร พร้อมโบนัสเพิ่มเติมอีก 10 ล้านยูโร ซึ่งแม้ว่าจะยังถูกกว่าค่าฉีกสัญญาอยู่ 20 ล้านยูโร แต่มันก็สูงกว่าที่ทีมของนักเตะเชื่อว่ามีการตกลงกันไว้ก่อนหน้า เมื่อเดือนมิถุนายนผ่านไปและเข้าสู่เดือนกรกฎาคม อาร์เตต้าก็เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์นี้ ด้วยช่วงพรีซีซั่นที่กำลังจะมาถึง เขาต้องการให้ปัญหาตำแหน่งกองหน้าของอาร์เซน่อลได้รับการแก้ไข รายการแข่งพรีเมียร์ลีกช่วงต้นฤดูกาลที่หนักหน่วงยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้สโมสรต้องรีบปิดดีลนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ การตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับเยอเกเรส นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา ตลอดกระบวนการเขาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความมุ่งมั่นที่จะย้ายมาอาร์เซน่อล ทางสโมสรยังพบว่า ฮาซาน เซตินกายา ตัวแทนของเขานั้นง่ายต่อการติดต่อและเจรจา พวกเขาประทับใจที่ทั้งตัวแทนและนักเตะมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อล การที่ผู้เล่นในระดับนี้ปฏิเสธที่จะพิจารณาข้อเสนอจากสโมสรอื่นถือเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา แต่ดาวเตะชาวสวีเดนคนนี้ยืนกรานว่า จะต้องเป็นอาร์เซน่อล เท่านั้น ตัวแทนของเยอเกเรส ยังรับผิดชอบในการเจรจาส่วนใหญ่โดยตรง ระหว่างสองสโมสรจึงมีการติดต่อกันโดยตรงค่อนข้างจำกัด ตลอดกระบวนการแบร์ต้า ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจาก เจมส์ คิง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการฟุตบอลของอาร์เซน่อล ที่ได้รับการยกย่องสูง จากทั้งอาร์เตต้าและ ทิม ลูอิส รองประธานบริหารของอาร์เซน่อล ก็มีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ซึ่งเป็นเช่นนี้ตลอดช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม มีการพูดคุยโดยตรงในช่วงเวลาสำคัญบ้าง ในสุดสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม แบร์ต้าได้บินไปเจรจาพบหน้ากับสปอร์ติ้ง อีกครั้ง การเจรจานั้นท้าทายอย่างมาก สโมสรโปรตุเกสต้องการให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดจากผู้เล่น แบร์ต้ากลับมายังสหราชอาณาจักรโดยยังไม่มีข้อตกลง แต่การเจรจาก็ยังดำเนินต่อไป เยอเกเรสได้รับช่วงเวลาพักร้อนช่วงยาวในซัมเมอร์นี้เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของเขา เขาคาดว่าจะกลับไปซ้อมกับทีมสปอร์ติ้ง ในวันที่ 11 กรกฎาคม แต่กลับแจ้งไปยังประธานสโมสร เฟเดริโก้ วารานดาส ว่าเขาจะไม่กลับไปภายใต้สถานการณ์ใด ๆ เยอเกเรส รู้สึกว่าวารานดาสผิดสัญญา ข้อเสนอของอาร์เซน่อล นั้นเกินกว่า 60 ล้านยูโร บวก 10 ล้านยูโรที่แนะนำไปแล้ว แต่ทั้งสองสโมสรยังไม่บรรลุข้อตกลงกัน วารานดาส ขู่จะใช้มาตรการทางวินัย ขณะเดียวกัน อาร์เซน่อลก็ทำงานอย่างไม่ลดละเพื่อทำให้การย้ายทีมนี้สำเร็จ ในที่สุดก็มีการตกลงกันในหลักการของดีล: ค่าตัวเบื้องต้น 63.5 ล้านยูโร พร้อมโบนัสเพิ่มเติม 10 ล้านยูโร ภายใต้ขอบเขตนี้ Arsenal จึงยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการครั้งแรก ตัวแทน เซตินกายา ยังตกลงที่จะยกเว้นค่าคอมมิชชั่น 10% เพื่อช่วยให้งานนี้ลุล่วง แต่ดีลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ อาร์เซน่อลยังต้องเจรจาเงื่อนไขโบนัสเพิ่มเติม โดยสปอร์ติ้ง ต้องการโบนัสที่พวกเขาเห็นว่าทำได้ง่ายกว่า กระบวนการนี้ทำให้ดีลลากยาวกว่า 1 สัปดาห์ เมื่อทีมบินไปยังสิงคโปร์เพื่อเริ่มทัวร์เอเชีย 3 นัด แบร์ต้าก็ยังคงอยู่เพื่อติดตามดีลนี้อย่างใกล้ชิด ในช่วงท้ายของการเจรจาสปอร์ติ้งได้รับการติดต่อจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เยอเกเรส ไม่เปลี่ยนใจ เขาพร้อมย้ายไปอาร์เซน่อลเต็มที่แล้ว กระบวนการส่วนสุดท้ายช้าไปเนื่องจากสปอร์ติ้ง ไม่ยอมถอย มันเป็นกระบวนการที่น่าหงุดหงิดสำหรับ แบร์ต้า, เยอเกเรส และคนอื่น ๆ แต่ในที่สุดในวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม ข้อตกลงทั้งหมดก็เสร็จสมบูรณ์ แหล่งข่าวที่ได้รับแจ้งตัวเลขบอกว่า โบนัส 5 ล้านยูโรจะถูกจ่ายเมื่อ Gyokeres ลงสนามครบจำนวนครั้งที่กำหนด และยังมีการจ่ายเงินเพิ่มเติมตามจำนวนประตูที่เขามีส่วนร่วม และหากทีมผ่านเข้ารอบแชมเปียนส์ลีกได้ ดังนั้น Arsenal ก็ได้ผู้เล่นเป้าหมาย และอาร์เตต้าก็ได้กองหน้าที่ต้องการ อาร์เซน่อลได้กองหน้าที่มีประวัติผลงานน่าทึ่ง สองฤดูกาลที่ผ่านมาเขาทำได้ 97 ประตูและ 28 แอสซิสต์ จากการลงเล่นเพียง 102 นัด อาร์เซน่อลมองว่าเยอเกเรส เป็นกองหน้าที่มีความคล่องแคล่วและโดดเด่น วิ่งได้อย่างดุดันและนำบอลเข้าไปในกรอบได้โดยตรง พวกเขาชื่นชมการเคลื่อนที่และความขยันของเขา ทั้งเมื่อมีบอลและไม่มีบอล ที่สำคัญคือ พวกเขาคิดว่าเขามีบุคลิกที่จะรับมือกับแรงกดดันและสร้างความแตกต่างในเกมได้ เยอเกเรสแสดงความมั่นใจด้วยการเลือกสวมเสื้อหมายเลข 14 ซึ่งเคยเป็นของเธียรี่ อองรี ตำนานนักเตะ เจ้าของสถิติผู้ทำประตูสูงสุดของอาร์เซน่อล เยอเกเรสอาจดูเหมือนเป็นผู้เล่นที่ไม่เหมาะสมกับระบบการเล่นของทีมเท่ากับ ไค ฮาแวร์ตว์ แต่เรื่องนี้อาจเป็นแค่ความเข้าใจผิดอาร์เซน่อล จะต้องปรับตัวให้เข้ากับจุดแข็งของเยอเกเรส เช่นเดียวกับที่เขาจะต้องปรับตัวเข้ากับทีม การมาของเขาอาจเป็นจุดเปลี่ยนเชิงวิวัฒนาการสำหรับทีมของอาร์เตต้า เปลี่ยนมาเล่นฟุตบอลที่ตรงไปตรงมาและเน้นการเปลี่ยนผ่านรวดเร็วมากขึ้น สำหรับแบร์ต้า นี่ก็เป็นการเซ็นสัญญาที่สำคัญ แม้ว่าสโมสรจะเห็นพ้องกันว่านี่คือดีลที่เหมาะสมสำหรับอาร์เซน่อล แต่เยอเกเรส คือชื่อที่เขาสนับสนุน ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาคนใหม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้ในธุรกิจของทีมช่วงซัมเมอร์นี้ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเยอเกเรส ที่จะพิสูจน์ตัวเองบนสนามแล้ว
-
OFFICIAL - อาร์เซน่อล เปิดตัว วิคตอร์ เยอเกเรส กองหน้าทีมชาติสวีเดนอย่างเป็นทางการ นับเป็นแข้งใหม่รายที่ 6 ประจำซัมเมอร์นี้ เยอเกเรสเซ็นสัญญายาว 5 ปีกับอาร์เซน่อล และสวมเสื้อหมายเลข 14 ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซน่อล อันเดรีย แบร์ต้า กล่าวว่า: “พวกเรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับดีลอันยอดเยี่ยมที่เราทำสำเร็จในการคว้าตัว วิคเตอร์ เยอเกเรส มาร่วมทีม วิคเตอร์เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์พิเศษ และแสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่าเขามีคุณภาพและความมุ่งมั่นที่จะเป็นกองหน้าระดับท็อป" "ความแข็งแกร่งทางร่างกาย, ความฉลาดในการเล่น และทัศนคติในการทำงานหนักของเขา ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับวิสัยทัศน์ของเรา เรามั่นใจว่าวิคเตอร์จะสร้างอิทธิพลอย่างมากในสนาม และกลายเป็นบุคคลสำคัญในห้องแต่งตัวของทีม ขอต้อนรับสู่สโมสร วิคตอร์!” ด้านผู้จัดการทีม มิเกล อาร์เตต้า กล่าวเสริมว่า: “เราดีใจอย่างมากที่ได้ต้อนรับ วิคเตอร์ เยอเกเรส เข้าสู่สโมสร ความสม่ำเสมอที่เขาแสดงออกมา ทั้งในเรื่องฟอร์มการเล่นและความพร้อมลงสนามนั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ และจำนวนประตูรวมถึงผลงานที่เขาสร้างไว้ก็พูดแทนตัวเขาได้อย่างชัดเจน” “วิคตอร์มีคุณสมบัติมากมาย เขาเป็นกองหน้าที่รวดเร็วและแข็งแกร่ง มีสถิติการทำประตูที่น่าทึ่งทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เขามีความเฉียบคมในการจบสกอร์ และมีอัตราการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูที่สูง การเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาดในกรอบเขตโทษของเขาทำให้เขาเป็นภัยคุกคามอยู่ตลอดเวลา เราตื่นเต้นกับสิ่งที่วิคตอร์จะนำมาสู่ทีมของเรา และตั้งตารอที่จะเริ่มทำงานร่วมกับเขา พวกเราขอต้อนรับวิคตอร์และครอบครัวของเขาสู่อาร์เซน่อล” วิคตอร์ เยอเกเรส ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก กับความรู้สึกหลังย้ายมาอาร์เซน่อล “แม้ว่าผมจะยิงได้ 97 ประตูให้กับสปอร์ติ้ง ลิสบอนในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้สัมผัสความรู้สึกของการยิงประตูในสีเสื้อของอาร์เซน่อล การได้เป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้ การยิงประตูในชุดแข่งนี้และมีตราสโมสรอยู่บนหน้าอก ต่อหน้าแฟนบอลทุกคน มันต้องเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมากแน่ๆ” กองหน้าชาวสวีเดนวัย 27 ปี ย้ายมาจากสปอร์ติ้ง พร้อมดีกรีดาวซัลโวที่พาทีมคว้า 2 แชมป์ลีกและบอลถ้วยในโปรตุเกส และแม้จะเคยค้าแข้งในอังกฤษกับไบรท์ตัน, สวอนซี และโคเวนทรี แต่ยังไม่เคยได้สัมผัสพรีเมียร์ลีกมาก่อน จนกระทั่งมาถึงวันนี้ “ผมเริ่มต้นอาชีพที่อังกฤษ รู้สึกเหมือนมันผ่านมานานมาก ผมคิดว่าผมพัฒนาขึ้นมากตั้งแต่นั้น และตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ตัวเองให้จริงจัง และทำผลงานร่วมกับทีมนี้” "ตอนเล่นให้สปอร์ติ้ง ผมก็ยิงได้หลายประตูในแชมเปียนส์ลีก ซึ่งทำให้ผมมั่นใจว่าตัวเองอยู่ในระดับนั้นได้ และตอนนี้การได้ย้ายมาสโมสรระดับอาร์เซน่อล ผมคิดว่ามันจะช่วยให้ผมพัฒนาไปได้อีกขั้น เพราะมีเพื่อนร่วมทีมที่ยอดเยี่ยมอยู่รอบตัว ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เริ่มต้นจริงๆ แล้ว” แม้จะเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เนื้อหอมที่สุดในยุโรปช่วงซัมเมอร์ แต่เมื่อได้พูดคุยกับ มิเกล อาร์เตต้า และอันเดรีย แบร์ต้า เขาก็ตัดสินใจได้ทันทีว่า “นี่แหละคือสโมสรที่ใช่!!” "สิ่งที่ผมได้ยินจากมิเกลและอันเดรียระหว่างที่คุยกัน และสิ่งที่ผมได้เห็นจากอาร์เซน่อลตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตอนที่ผมลงเล่นเจอกับพวกเขา ผมรู้สึกได้เลยว่านี่คือทีมที่แข็งแกร่งมาก และเล่นด้วยยากจริงๆ ทั้งหมดนี้ทำให้ผมตัดสินใจเลือกอาร์เซน่อล รวมถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสโมสร และฐานแฟนบอลที่มหาศาล” “มันน่าทึ่งมากที่ได้เห็นการสนับสนุนจากแฟนๆ ทั่วโลก แม้ตอนนั้นผมยังไม่ได้ย้ายมาอย่างเป็นทางการ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฟุตบอลเป็น และมันคงจะยอดเยี่ยมมากที่ได้เห็นพวกเขาในสนาม เร็วๆ นี้” วิคตอร์ เยอเกเรส จะออกเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ ในเวลา 17.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) จากสนามบินลอนดอน ฮีทโธรว์ เขาจะเดินทางถึงสิงคโปร์ในวันพรุ่งนี้ และเชื่อว่าเขาจะไปปรากฏตัวในสนาม ในเกมส์ที่อาร์เซน่อลจะอุ่นเครื่องกับนิวคาสเซิ่ล ในวันอาทิตย์นี้ Jordan Davies นักข่าวจาก THE SUN บอกว่า วิคตอร์ เยอเกเรส จะประเดิมสนามเกมส์แรกในสีเสื้อของอาร์เซน่อล ในเกมส์อุ่นเครื่องปรีซีซั่นกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่ประเทศฮ่องกง Hand Of Arsenal สายวงในของอาร์เซน่อล เท่าที่ผมเข้าใจ ตอนนี้มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการระหว่างอาร์เซน่อลกับคริสตัล พาเลซ เกี่ยวกับการย้ายทีมของเอเซ่ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้มาก ๆ ตัวนักเตะเองก็ชัดเจนว่าอาร์เซน่อล คือทีมในฝันของผม ฝั่งตัวแทนของเขารู้สึกมองโลกในแง่ดีจากสถานการณ์ในตอนนี้ บางแหล่งข่าวแนะนำว่าค่าฉีกสัญญาของเขานั้นเป็นเรื่องทางเทคนิค และจำเป็นต้องจ่ายภายในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ (2 ปี) แต่เรื่องแบบนี้เป็นข้อมูลลับมาก จนไม่สามารถมั่นใจได้อย่างแน่นอน สโมสรต่าง ๆ มักต้องการให้ผู้ที่สนใจเข้ามาติดต่อกับสโมสรต้นสังกัดโดยตรง เพื่อหารือกันอย่างให้เกียรติและมีศักดิ์ศรี เพื่อให้บรรลุข้อตกลง มากกว่าการกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้นักเตะรู้สึกไม่มั่นคงหรือหวั่นไหว เอเซ่รักสโมสรพาเลซ และต้องการให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเหมาะสม เหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้ Miguel Delaney นักข่าวจาก Independent รายงานข่าวว่า อาร์เซน่อล กำลังเตรียมข้อเสนอในการยื่นซื้อ เอเบเรซี่ เอเซ่ กองกลางตัวเก่งของคริสตัล พาเลซ โดยตัวนักเตะก็ให้ความสำคัญในการย้ายมาอาร์เซน่อลเป็นลำดับแรกเช่นกัน อาร์เซน่อล หวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงให้ได้ราว 60 ล้านปอนด์ แทนที่จะเป็นการจ่ายค่าฉีกสัญญา 68 ล้านปอนด์ แต่จะเสนอเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ทางพาเลซยอมรับได้เช่นกัน ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองสโมสรนั้นยอดเยี่ยม ซึ่งอาจจะช่วยให้การเจรจาราบรื่นขึ้น เบน จาค็อบ บอกว่า อาร์เซน่อล กำลังพิจารณาอย่างจริงจังในการเซ็นสัญญากับเอเซ่ การเจรจาเบื้องต้นได้เริ่มขึ้นแล้วกับทางคริสตัล พาเลซ ซึ่งได้แจ้งกับอาร์เซน่อล ว่าต้องมีการจ่ายค่าฉีกสัญญา 60 ล้านปอนด์ บวกกับโบนัส 8 ล้านปอนด์ หรืออย่างน้อยข้อเสนอต้องเทียบเท่า ขณะนี้ อาร์เซน่อลกำลังประเมินความเป็นไปได้ในการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ โดยพยายามเจรจาให้ได้ราคาที่ต่ำกว่าค่าฉีกสัญญาของนักเตะ ทางเอเซ่ ยังตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้ย้ายกลับมาเล่นให้อาร์เซน่อล SamC สายวงใน ก็ยืนยันว่า ปฏิบัติการคว้าตัว เอเบเรซี่ เอเซ่ ของอาร์เซน่อล ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เดวิด ออร์นสตีน รายงานข่าว ฟูแล่มกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาขั้นสูงกับอาร์เซน่อลเพื่อคว้าตัว รีสส์ เนลสัน โดยดีลที่หารือกันอยู่คือรูปแบบ ยืมตัวพร้อมออปชั่นหรือข้อผูกพันในการซื้อขาด รวมถึง ค่าตัวที่ค่อนข้างสูง หรืออาจเป็นการย้ายแบบถาวรทันที อย่างไรก็ตามหากเป็นดีลยืมตัว อาร์เซน่อลต้องการให้มีเงื่อนไขเป็นแบบบังคับซื้อขาดเมื่อสิ้นสุดสัญญายืมตัว มากกว่าเป็นเพียงแค่ทางเลือกออปชัน การเจรจายังคงดำเนินอยู่ แต่มีแนวโน้มใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ทั้ง ฟูแล่ม และ อาร์เซน่อล ใกล้บรรลุข้อตกลงกันแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ โดยยังมีรายละเอียดบางอย่างที่ต้องจัดการเพิ่มเติมก่อนที่ดีลนี้จะเกิดขึ้นจริง Jorge Nicola นักข่าวบราซิล บอกว่า ฟลามิงโก้ ต้องการเซ็นสัญญา กาเบรียล เฆซุส กองหน้าของอาร์เซน่อล มีการเจรจาระหว่างอาร์เซน่อลกับฟลามิงโก้แล้ว ขณะเดียวกันก็ได้มีการติดต่อไปยังนักเตะโดยตรงด้วย ดีลนี้อยู่ระหว่างหารือ โดยเป็นการยืมตัวพ่วงออปชันซื้อขาด ซึ่งจะเป็นออปชันแบบบังคับซื้อหลังหมดสัญญายืมตัว อาร์เซน่อล ประเมินค่าตัวของดาวยิงวัย 28 ปีเอาไว้ที่ 28 ล้านยูโร ทางฟลามิงโก้ เชื่อว่าพวกเขามีโอกาสได้ตัว เฆซุส เนื่องจากสโมสรพัลไมรัส ทีมเก่าของเฆซุส ที่เขาอยากกลับไปร่วมทีมมากที่สุด หากกลับไปค้าแข้งที่บ้านเกิด ไม่ได้ต้องการคว้าตัวกองหน้าในเวลานี้ เพราะเพิ่งลงทุนก้อนโตในการเซ็นสัญญากับ วิคตอร์ โรเก้ กองหน้าดาวรุ่งที่ไปล้มเหลวกับบาร์เซโลน่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ฟลามิงโก้ รู้สึกว่าพวกเขามีโอกาสในการปิดดีลเฆซุสได้สำเร็จ RTI Esporte รายงานข่าวว่า ฟลามิงโกกำลังเดินหน้าใกล้บรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว กาเบรียล เฆซุส ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี พร้อมออปชั่นซื้อขาด หลังจากตัวนักเตะได้ไฟเขียวในการกลับไปเล่นที่ประเทศบราซิล ในข้อเสนอเบื้องต้นนั้น มีการระบุว่า อาร์เซน่อลและฟลาเมงโกจะแบ่งจ่ายค่าเหนื่อยของเชซุสคนละครึ่ง โดยอาร์เซน่อลรับผิดชอบ 50% และฟลาเมงโกอีก 50% ฟาบริซิโอ โรมาโน่ บอกว่า หลังจากทีมีการปล่อยผู้เล่นบางคนอกไป อาร์เซน่อลจะพิจารณาในการเซ็นสัญญากับ เอเบเรซี่ เอเซ่ แนวรุกของคริสตัล พาเลซ การย้ายทีมของเอเซ่ ไปที่อาร์เซน่อลยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างยิ่ง นักเตะอยากย้าย ส่วนเอเซ่ ก็เป็นเป้าหมายระดับสูงสำหรับการเสริมทัพของอาร์เซน่อล Dharmesh Sheth นักข่าวจากสกายสปอร์ต บอกว่า แหล่งข่าวของเขา บอกให้จับตามองอาร์เซน่อล กับเอเบเรซี่ เอเซ่ เอาไว้ เมื่ออาร์เซน่อลมีการปล่อยผู้เล่นบางคนออกไป ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ เผยว่าเขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ร่วมงานกับเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษอย่าง โนนี่ มาดูเอเก้ ในฤดูกาลนี้ โดยแข้งดาวรุ่งจากอคาเดมี่ของเราได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างทัวร์ปรีซีซั่นในเอเชียว่า ปีกจอมเลี้ยงคนใหม่จะนำพาความอันตรายมาสู่ทีมด้วยสไตล์การเล่นที่ตรงไปตรงมา “โนนี่คือเพื่อนซี้ของผมเลย!” ไมลส์กล่าว “เราสนิทกันมาก แล้วก็มีอะไรคล้ายกันเยอะมาก ผมดีใจสุด ๆ ที่เขาย้ายมาร่วมทีม เพราะแม้แต่ตอนที่ผมไปร่วมทีมชาติ เขาก็ทำให้ผมรู้สึกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ดังนั้นตอนที่เขาย้ายมาที่นี่ ผมก็อยากทำให้เขารู้สึกแบบเดียวกัน” “เขาเป็นคนเล่นเกมรุกแบบไดเร็กซ์ เล่นได้ทั้งปีกซ้ายและขวา คุณภาพของเขาจะช่วยเราได้เยอะมาก ผมตื่นเต้นมากที่ได้เขามาร่วมทีม เพราะเขาจะเพิ่มมิติให้กับทีมได้” ดาบิด รายา เปิดเผยว่า มิเกล อาร์เตต้า ยังไม่ได้ให้การรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับสถานะของเขาในฐานะผู้รักษาประตูมือหนึ่งของอาร์เซน่อล แต่ยืนยันว่าเขารู้สึกสนุกและท้าทายกับ “การแข่งขันที่ดีต่อสุขภาพ” ซึ่งเกิดขึ้นจากการเข้ามาของ เคปา อาร์ริซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูคนใหม่ของทีม รายา ซึ่งคว้ารางวัล ถุงมือทองคำพรีเมียร์ลีก มาได้ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนายทวารที่ดีที่สุดในอังกฤษ เวลาถูกถามว่าอาร์เตต้าได้พูดอะไรบ้างเกี่ยวกับการให้เขาเป็นมือหนึ่งต่อไปหรือไม่ เจ้าตัวตอบว่า: “ไม่มีอะไรเลยครับ เขา (เกปา) มาในฐานะเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ และเป็นอีกหนึ่งผู้รักษาประตูในกลุ่ม ผู้จัดการทีมไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นเราต้องรอดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น” เมื่อถูกถามต่อว่าการที่ผู้รักษาประตูค่าตัวแพงที่สุดในโลกเข้ามาร่วมทีมจะเพิ่มความกดดันให้หรือไม่ รายาตอบว่า: “ไม่เลยครับ ผมคิดว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพ เราเป็นเพื่อนกัน เราเคยอยู่ทีมชาติด้วยกัน และตอนนี้เราก็มาอยู่ที่นี่ด้วยกันอีก ดังนั้นเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดี และจะเรียกว่า ‘คู่หูที่ดีในตำแหน่งผู้รักษาประตู’ ก็ได้ เรารู้กันดีว่างานผู้รักษาประตูน่ะมันยากแค่ไหน เพราะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่ได้ลงสนาม เราก็ต้องรอดูว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป เพราะมันคือหน้าที่ของบอสที่จะเป็นคนตัดสิน”
-
DarkShaDow joined the community
-
Miguel Delaney รายงานข่าวว่า อาร์เซน่อลเตรียมเดินหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อคว้าตัว เอเบเรชี เอเซ หลังจากที่ดีลของ วิคเตอร์ เกียเกอร์เรส เสร็จสิ้นลง โดยมีรายงานว่า อาร์เซน่อลคือทางเลือกอันดับหนึ่งของเอเซ และคนใกล้ชิดกับตัวนักเตะก็มั่นใจว่าดีลจะเสร็จสิ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อาร์เซน่อลหวังว่าจะสามารถตกลงค่าตัวได้ที่ประมาณ 60 ล้านปอนด์ แทนที่จะเป็นตัวเลขที่รายงานไว้ก่อนหน้านี้ที่ 68 ล้านปอนด์ โดยมีแนวโน้มว่าทั้งสองสโมสร อาร์เซน่อลและคริสตัล พาเลซ พร้อมจะเจรจาในเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นเพื่อให้ดีลลุล่วง แม้ว่าอาร์เซน่อลจะมีความต้องการขายผู้เล่นบางคนก่อนดำเนินการดีลเอเซ แต่แหล่งข่าวระบุว่า การเซ็นสัญญานี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขายนักเตะก่อนแต่อย่างใด และยังมีความเป็นไปได้ว่า รีสส์ เนลสัน อาจถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงนี้ด้วย TNT สายวงในของอาร์เซน่อล บอกว่า คนใกล้ชิดของเอเบเรชี เอเซ ยังคงมั่นใจว่าเขาจะได้ย้ายมาเป็นนักเตะของอาร์เซน่อลในช่วงซัมเมอร์นี้ พวกเขาเชื่อว่าอาร์เซน่อลจะเดินหน้าทาบทามอย่างจริงจังทันทีที่สามารถขายนักเตะบางรายออกจากทีมได้ GoldbergCFC สายวงในของเชลชี บอกว่า เอเบเรซี่ เอเซ่ ต้องการย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อลจริงๆ Hand Of Arsenal สายวงในของสโมสรอาร์เซน่อล เปิดเผยว่า อันเดรีย แบร์ต้า กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการขาย กาเบรียล เฆซุส ในช่วงซัมเมอร์นี้ มีหลายสโมสรจากประเทศบ้านเกิดของเขาอย่างบราซิลที่สอบถามเข้ามา รวมถึงบางสโมสรในยุโรปด้วยเช่นกัน ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าสถานการณ์นี้จะมีความคืบหน้าอย่างไร เดวิด ออร์นสตีน รายงานข่าว อาร์เซน่อลบรรลุข้อตกลงกับสปอร์ติ้ง ลิสบอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วในการคว้าตัววิคเตอร์ เยอเกเรส โดยทางสปอร์ติ้ง ลิสบอนได้อนุญาตให้กองหน้าวัย 27 ปีเดินทางได้ และมีกำหนดตรวจร่างกายในวันเสาร์นี้ คาดว่าดาวยิงทีมชาติสวีเดนจะสวมเสื้อหมายเลข 14 อันเป็นตำนานของสโมสร วิคตอร์ เยอเกเรส พร้อมด้วย ฮาซาน เซตินกายา เอเยนต์ส่วนตัวของเขาเดินทางมาถึงลอนดอนเป็นที่เรียบร้อยโดยเครื่องบินเจ็ท โดยมี อันเดรีย แบร์ต้า ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซน่อล มารอต้อนรับที่สนามบิน ตามรายงานข่าวเขาจะเข้ารับการตรวจร่างกายที่ลอนดอนในวันเสาร์นี้ ก่อนจะบินตามมาสมทบกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ ที่กำลังทัวร์ปรีซีซั่นที่ทวีปเอเซีย Hand Of Arsenal สายวงใน เปิดเผยว่า วิคเตอร์ เยอเกอเรส และครอบครัวของเขาถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันในวันนี้ เมื่ออังเดร แบร์ต้า เข้ามาแสดงความยินดีกับพวกเขาเกี่ยวกับการปิดดีลอย่างเป็นทางการ นักเตะได้มีการพูดคุยเชิงแท็กติกกับ มิเกล อาร์เตต้า ไปเรียบร้อยแล้ว เกี่ยวกับบทบาทของเขาในทีม และตามที่มีรายงานมาก่อนหน้านี้ การตรวจร่างกายจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เบน จาค็อบ ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเงินโบนัสเพิ่มเติมจำนวน 10 ล้านยูโร ในดีลเยอเกเรส 🔴 ทุก ๆ การลงเล่นครบ 20 นัด (โดยแต่ละนัดต้องลงเล่นอย่างน้อย 45 นาที): สโมสรจะจ่ายเพิ่ม 1.25 ล้านยูโร โดยมีเพดานสูงสุดที่ 5 ล้านยูโร 🔴 ทุก ๆ การมีส่วนร่วมกับประตู (ทั้งยิงและแอสซิสต์) ครบ 20 ครั้ง: สโมสรจะจ่ายเพิ่ม 500,000 ยูโร โดยมีเพดานสูงสุดที่ 1 ล้านยูโร 🔴 ทุกฤดูกาลที่สโมสรผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (UCL league phase) สโมสรจะจ่ายเพิ่ม 1 ล้านยูโร โดยมีเพดานสูงสุดที่ 4 ล้านยูโร คริสเตียน นอร์การ์ด เผยว่าชีวิตในถิ่นอาร์เซน่อลนั้น “ยอดเยี่ยมมาก” จนถึงตอนนี้ กองกลางทีมชาติเดนมาร์กย้ายมาจากเบรนท์ฟอร์ดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และลงสนามนัดแรกให้กับต้นสังกัดใหม่ในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่นที่เอาชนะเอซี มิลาน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เขามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการฝึกซ้อมระหว่างทัวร์เอเชีย และก่อนหน้านั้นก็ได้ร่วมแคมป์ฝึกซ้อมกับทีมที่ ลา มังกา ด้วย โดยเจ้าตัวเผยว่าการย้ายทีมให้ทันช่วงเริ่มต้นของปรีซีซั่นนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง “ผมได้อยู่กับทีมตั้งแต่วันแรกของปรีซีซั่น ซึ่งช่วยผมได้มาก” นอร์การ์ดกล่าวในงานแถลงข่าวก่อนเกมที่จะพบกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดที่ประเทศสิงคโปร์ “ตอนนี้ผมปรับตัวเข้ากับแนวทางการเล่นได้มากกว่าที่จะเป็น ถ้าผมเพิ่งย้ายมาช่วงนี้ ดังนั้นโดยรวมแล้วมันยอดเยี่ยมมาก ที่นี่เป็นกลุ่มที่ดีมาก ทั้งทีมงาน สตาฟฟ์ และทุกคนรอบ ๆ ทีมช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นเยอะเลย” แข้งวัย 31 ปี ซึ่งใช้เวลา 6 ฤดูกาลกับเบรนท์ฟอร์ดและสวมปลอกแขนกัปตันในช่วง 2 ปีสุดท้าย กล่าวว่าเขาตั้งตารอที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งในทีมของอาร์เซน่อล พร้อมเชื่อว่าเขามีสิ่งมากมายที่จะมอบให้ทั้งในและนอกสนาม “ผมเป็นคนที่มองความจริงตามตรงนะ” เขากล่าวเสริม “ผมรู้ว่านี่คือการก้าวขึ้นอีกระดับ ทั้งในแง่คุณภาพ และขนาดของสโมสร แต่ผมก็มาเพื่อมีส่วนร่วม ถ้าไม่เช่นนั้น ผมคงไม่ตัดสินใจย้ายมาแน่นอน ผมก็รู้เช่นกันว่า ในตำแหน่งของผมมีนักเตะระดับโลกอยู่แล้ว มันต้องมีการแข่งขันแน่นอน สิ่งที่แฟนๆ เห็นในสนามช่วงสุดสัปดาห์เป็นแค่ส่วนหนึ่ง เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องหลังทีมฟุตบอล ซึ่งผมหวังว่าจะสามารถช่วยทีมได้ทั้งในและนอกสนาม” เขายังกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการย้ายมาเอมิเรตส์ สเตเดียมว่า “การแข่งขันมันดุเดือดก็จริง แต่สำหรับผม มันคือโอกาสที่จะได้เป็นตัวแทนของอาร์เซน่อลในวัย 31 ปี ผมอยู่ในช่วงท้ายของเส้นทางค้าแข้ง และก็เพิ่งต่อสัญญาใหม่กับเบรนท์ฟอร์ดไป" "แต่พอมีความสนใจจากอาร์เซน่อลเข้ามา และหลังจากได้พูดคุยกับมิเกล (อาร์เตต้า) เป็นครั้งแรก มันก็ชัดเจนทันทีว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อได้มาเล่นที่นี่ การได้ผจญภัยครั้งนี้ การได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีความทะเยอทะยานสูงขนาดนี้ สำหรับผมแล้ว มันเป็นก้าวที่ยอดเยี่ยมมากในช่วงปลายอาชีพนักฟุตบอลของผม” มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ถึงสภาพความพร้อมของ กาเบรียล มากัลเญส และยูร์เรี่ยน ทิมเบอร์ สองปราการหลังที่เข้ารับการผ่าตัดในช่วงท้ายซีซั่น และไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมส์อุ่นเครื่องนัดแรกกับเอซี มิลาน “กาบี้มีอาการเจ็บเล็กน้อยระหว่างการฝึกซ้อม และเราไม่อยากเสี่ยงอะไรทั้งนั้น” ผู้จัดการทีมกล่าว “หวังว่าในอีกประมาณสัปดาห์หนึ่ง เขาจะกลับมาซ้อมและลงเล่นได้อีกครั้ง ส่วนยูร์เรียน เขาใกล้จะกลับมาเต็มทีแล้ว เขาแทบจะผ่านทุกขั้นตอนที่เราตั้งไว้หลังจากการผ่าตัดและช่วงเวลาฟื้นฟูร่างกาย และผมคิดว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาจะเริ่มกลับมาลงสนามซ้อมได้อีกครั้ง”
-
zelaharm joined the community
-
ฟาบริซิโอ โรมาโน่ รายงานด่วน!! วิคตอร์ เยอเกเรส กลายเป็นนักเตะใหม่ของอาร์เซนอลแล้ว หลังเอกสารทุกฉบับได้รับการอนุมัติและแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้นเรียบร้อย อาร์เซนอลและสปอร์ติ้งได้ดำเนินกระบวนการทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ พร้อมได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการให้เดินทาง การตรวจร่างกายจะเริ่มภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ขณะที่ทาง Sky Sport กับเบน จาค็อบ บอกว่า เยอเกเรส จะบินมาตรวจร่างกายกับอาร์เซน่อลที่ลอนดอนในวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับสโมสรอาร์เซน่อล และเดินทางไปสมทบกับเพื่อนร่วมทีมที่กำลังทัวร์ปรีซีซั่นที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับอันเดรีย แบร์ต้า โดมิโน่กองหน้ากำลังเกิด.... อเล็กซานเดอร์ อิซัค ได้แจ้งกับทางนิวคาสเซิ่ล ว่าเขาต้องการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ และเขาจะไม่ได้เดินทางมาทัวร์ปรีซีซั่นที่เอเซียร่วมกับทีม ทางนิวคาสเซิลก็เริ่มต้นหาตัวแทนของอิซัคแล้ว มีรายงานว่า นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กำลังจับตาสถานการณ์ของ เบนจามิน เชชโก้ ที่แอร์เบ ไลป์ซิกอย่างใกล้ชิด นิวคาสเซิ่ล ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ ค่าใช้จ่ายในดีลของเชชโก้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังดำเนินการเจรจาหลายดีลควบคู่กันไป ซึ่งรวมถึงความสนใจใน โยอาน วิสซ่า จากเบรนท์ฟอร์ดด้วย มีข้อตกลงสุภาพบุรุษ ระหว่างเซสโก้กับไลป์ซิก ซึ่งระบุวา ค่าตัวของเซสโก้จะอยู่ที่ราว 70-80 ล้านยูโร บวกโบนัสอีก 5-10 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามข้อตกลงนี้ ใช้ได้เฉพาะกับบางสโมสรบางแห่งที่เชสโก้ มองว่าพิเศษเท่านั้น ส่วนทางด้านอิซัค เขายังคงเป็นเป้าหมายของลิเวอร์พูล แม้ว่าจะเพิ่งเซ็นสัญญากับ อูโก้ เอคิติเก้ ไปแล้วก็ตาม แต่ดีลนี้จะขึ้นอยู่กับท่าทีของนิวคาสเซิ่ล หากพวกเขาเปิดทางให้อิซัคย้ายทีม และหากลิเวอร์พูลขาย หลุยส์ ดิอาซ ออกไปได้ ลิเวอร์พูลก็พร้อมจะยื่นข้อเสนอสำหรับอิซัค หลังจากได้มีการติดต่อโดยตรงกับนักเตะเมื่อ 10 วันก่อน สถานการณ์ยังเปิดกว้าง อาร์เซน่อล เคยให้ความสนใจ อเล็กซานเดอร์ อิซัค แต่มองว่า โอกาสในการคว้าตัวกองหน้าทีมชาติสวีเดนรายนี้แทบเป็นไปไม่ได้ จึงไม่พยายามผลักดันดีล ก่อนที่จะเดินหน้าเต็มตัวในการปีดดีลคว้าตัว วิคตอร์ เยอเกเรส มาร่วมทีม เช่นเดียวกับเชลชี ที่ชื่นชอบอิซ้ค แต่ตอนี้พวกเขาพอใจกับตัวเลือกในกองหน้าที่มีแล้ว Graeme Bailey นักข่าวจาก TBR Football รายงานข่าวว่า เอเบเรซี่ เอเซ่ ได้บอกกับเพื่อนสนิทว่าเขาจะย้ายไปอาร์เซน่อล ในช่วงซัมเมอร์นี้ อาร์เซน่อลตอนนี้กำลังพูดคุยกับคริสตัล พาเลซ และตัวนักเตะเกี่ยวกับการย้ายทีม Tom Canton จาก Football London มีโอกาสที่อาร์เซน่อล จะเซ็นสัญญากับผู้เล่นริมเส้นฝั่งซ้าย และต้องการเซ็นสัญญากับกองกลางตัวรุกด้วย เป้าหมายที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ เอเซ่ ซึ่งเขาสามารถเล่นได้ทั้งสองตำแหน่งที่อาร์เซน่อลต้องการ อีกครั้งที่การเปิดตัวชุดแข่งใหม่ของคริสตัล พาเลซ ที่ไม่มี เอเบเรซี่ เอเซ่ อยู่ในคลิปโปรโมตชุดเยือนใหม่ อาร์เซนอลกำลังเป็นผู้นำเหนือบรรดาสโมสรในพรีเมียร์ลีกหลายทีม ในการแข่งขันเพื่อคว้าตัว มิเชล เอ็นดูก้า กองกลางดาวรุ่งรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีของชาร์ลตัน แอธเลติก และมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในข้อตกลงเบื้องต้น มีรายงานว่าอาร์เซนอลได้เริ่มดำเนินการล่วงหน้าในการเจรจาและสร้างความสัมพันธ์กับนักเตะและสโมสรต้นสังกัด ซึ่งอาจนำไปสู่การเซ็นสัญญาในอนาคตอันใกล้ ขณะที่หลายทีมในพรีเมียร์ลีกต่างก็จับตามองพรสวรรค์ของดาวรุ่งรายนี้เช่นกัน OFFICIAL - คริสเตียน มอสเกร่า เซนเตอร์แบ็คคนใหม่ สวมเสื้อหมายเลข 3 เป็นนักเตะใหม่คนที่ 5 ประจำซัมเมอร์นี้ของอาร์เซน่อล ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซนอล อันเดรีย แบร์ต้า กล่าวถึงการเซ็นสัญญากับคริสเตียน มอสเกราว่า: “เรามีความสุขและตื่นเต้นมากที่ได้เซ็นสัญญากับนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์อย่างสูงอย่างคริสเตียน มอสเกรา เรามองว่าเขาเป็นหนึ่งในกองหลังดาวรุ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในฟุตบอลยุโรป และนี่คือการเซ็นสัญญาที่สำคัญสำหรับอนาคตของเรา” “คริสเตียนเป็นกองหลังที่เล่นได้หลากหลาย และจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมของเรา เราแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเขาลงเล่นให้เรา พร้อมกับทุกคนในสโมสร เราขอต้อนรับคริสเตียนและครอบครัวของเขาสู่อาร์เซนอลอย่างอบอุ่น” มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม กล่าวเพิ่มเติมว่า: “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคริสเตียนสู่อาร์เซนอล ในฐานะกองหลังวัย 21 ปี คริสเตียนแสดงผลงานได้อย่างสม่ำเสมอและมีประสบการณ์มากในลาลีกา เขาเป็นผู้เล่นที่ฉลาด มีความเร็วดี และสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งเซ็นเตอร์และฟูลแบ็กทั้งสองฝั่ง” “เขาเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์น่าตื่นเต้นและศักยภาพอันมหาศาล ซึ่งจะเข้ากับทีมของเราได้เป็นอย่างดีในระหว่างที่เรายังคงเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลใหม่ คริสเตียนจะเข้ามาเติมเต็มคุณภาพให้กับทีม และเราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับเขา รวมถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่บ้านที่นี่” Telegraph Sport รายงานข่าวว่า อาร์เซน่อล ได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนต่อทั้ง ดีน ฮุยเซ่น และมาร์ก เกฮี ว่าพวกเขาพร้อมจ่ายอย่างจริงจัง หากจำเป็น เพื่อคว้าตัวนักเตะทั้งสองคนมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่เราได้รับในทั้งสองกรณี โอกาสที่อาร์เซน่อลจะสามารถปิดดีลได้นั้นมีน้อยมาก เพราะทั้งสองคนต้องการการันตีตำแหน่งตัวจริงในการลงสนามทุกสัปดาห์ และต้องการมีบทบาทเป็นผู้นำในทีม ซึ่งอาร์เซน่อลไม่สามารถการันตีให้ได้ เนื่องจากมีทั้ง วิลเลี่ยม ซาลิบา และกาเบรียล มากัลเญส ยืนเป็นคู่เซนเตอร์ตัวหลักอยู่แล้ว The Athletic เปิดเผยว่า โนนี่ มาดูเอเก้ ได้รับการจัดประเภทใหม่โดยพรีเมียร์ลีกให้เป็นนักเตะ “Homegrown” ก่อนหน้านี้ มาดูเอเก้เคยถูกระบุในรายชื่อทีมของเชลซีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในสถานะ “Non-Homegrown” แต่ปัจจุบันพรีเมียร์ลีกได้มีการอัปเดตสถานะของเขาใหม่เป็นในโควต้า “Homegrown” แล้ว ซึ่งจะช่วยให้สโมสรอาร์เซน่อลสามารถจัดการโควตานักเตะได้ยืดหยุ่นมากขึ้นในการลงทะเบียนสำหรับการแข่งขันในประเทศ อย่างไรก็ตามอาร์เซน่อล ที่ต้องลงแข่งขันในยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ที่ต้องมีนักเตะอย่างน้อย 8 คนที่เป็นนักเตะที่ได้รับการฝึกฝนในประเทศ (Lacally Trained Players) ยูฟ่า กำหนดให้นักเตะที่เข้าข่ายนี้ ต้องได้รับการฝึกซ้อมจากสโมสรภายใต้สมาคมอย่างน้อย 3 ปี ระหว่างอายุ 15 ถึง 21 ปี ดังนั้น มาดูเอเก้ จะไม่สามารถถูกนับรวมเป็นหนึ่งใน 8 นักเตะที่ได้รับการฝึกฝนในประเทศ เนื่องจากเขาย้ายจากสเปอร์ไปอยู่กับพีเอสวีตั้งแต่อายุ 16 ปี เดแคลน ไรซ์ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับกระแสวิจารณ์เกี่ยวกับการย้ายทีมของโนนี่ มาดูเอเก้ พร้อมยืนยันว่าเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษรายนี้มีทั้งพรสวรรค์และบุคลิกภาพที่แข็งแกร่งเพียงพอจะประสบความสำเร็จ “มันมีการพูดถึงดีลของเขาเยอะมาก” ไรซ์กล่าว “พูดกันตรง ๆ ผมไม่ชอบเลย แต่ผมรู้ว่าเขามุ่งมั่นแค่ไหน ผมได้คุยกับเขาแล้ว และคุณจะได้เห็นว่าเขาเป็นใครในฤดูกาลนี้ ในฐานะนักฟุตบอล และคนที่เคยเล่นกับเขา พวกเรารู้ดีว่าเขามีคุณภาพแค่ไหน” “เขามุ่งมั่นมาก และเขาก็พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว เขาอยากพิสูจน์ อยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาทำอะไรได้บ้าง และผมคิดว่าคุณจะได้เห็นสิ่งนั้น มันมีไฟบางอย่างอยู่ในตัวเขา” “ตอนเขาเซ็นสัญญา มีคนมาด้วยตั้ง 10 หรือ 11 คน ความตื่นเต้นแบบนั้น มันคือสิ่งที่ดี เขาหิวกระหาย เขาอยากเล่นให้อาร์เซนอล และนั่นแหละคือนักเตะแบบที่เราต้องการ มันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ผมคิดว่าเขาจะทำให้หลายคนประหลาดใจ และผมรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นเขามาอยู่กับเรา” เมื่อมาดูเอเก้ย้ายข้ามฝั่งลอนดอนมาร่วมทีมอาร์เซนอล ไรซ์ยังได้เขียนจดหมายต้อนรับเขาสู่สโมสรอีกด้วย “มันก็เป็นแค่ท่าทีเล็ก ๆ ที่น่ารัก เพื่อให้เขารู้สึกว่าได้รับการต้อนรับสู่สโมสร” ไรซ์กล่าว “เชื่อผมเถอะว่า ทุกคนในทีมตื่นเต้นกันมาก ทั้งนักเตะและสตาฟฟ์ ทุกคนพูดถึงเขา เรารู้ดีว่าเรากำลังจะได้นักเตะแบบไหน และเราตั้งตารอจะได้มีเขาอยู่ในทีม มันจะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นแน่นอน” “แล้วผมก็ได้รู้จักเขาในฐานะคนคนหนึ่ง ตอนที่อยู่กับทีมชาติอังกฤษ และผมทึ่งกับบุคลิกและคาแรกเตอร์ของเขามาก” “ผมคิดว่าหลายคนอาจจะไม่ได้มองว่าเขาเป็นแบบนั้น แต่เขาเป็นหนึ่งในคนที่ยกระดับบรรยากาศในห้องแต่งตัวได้จริง ๆ เขาใส่ใจฟุตบอลของตัวเองมาก และมีความคาดหวังในตัวเองสูง และนั่นแหละที่ทำให้ผมประหลาดใจเกี่ยวกับเขา” “แล้วพอได้เห็นเขาใกล้ ๆ ในสนามซ้อม ตอนที่เขาได้บอล เขาแค่อยากเลี้ยงผ่านคู่แข่งให้ได้ เขาคิดบวกมาก และเล่นเกมรุกแบบตรงไปตรงมา ถ้าคุณเป็นนักเตะเกมรุก และความคิดแรกที่อยู่ในหัวคือ ‘เลี้ยงผ่านกองหลังให้ได้’ ผมคิดว่านั่นคือคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ เลย”
-
PRE-SEASON Arsenal 1 - 0 AC Milan Wed 23 July 2025, 18.30 น. GOAL: 1-0 บูกาโญ ซาก้า (นาทีที่ 52, คิวิออร์) ดาวิด ราย่า: 6.0 ราย่าลงเฝ้าเสาในช่วงครึ่งเวลาแรก แทบไม่มีจังหวะที่ต้องออกแรงเซฟเลย นานๆ จะได้โผล่มาในจอสักที วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 มีจังหวะที่ทางเอซี มิลาน หลุดจากการเพลสซิ่งแดนบนมาได้ จนสามารถวิงสอดทะลุเข้ามาในกรอบเขตโทษของอาร์เซน่อล 2 หน แต่ความเร็วของซาลิบาก็ช่วยทีมเอาไว้ได้ ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.5 ขยับเข้ามาเล่นเซนเตอร์ฝั่งซ้าย ในช่วงที่กาเบรียลยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ ริชชี่ก็ทำหน้าที่ได้ดี ในการพยายามชิงเข้าบอลก่อนคู่แข่ง แต่อาจจะมีจังหวะที่ยังไม่รู้จังหวะกับซาลิบาอยู่บ้าง ท้ายครึ่งแรกเกือบโหม่งทำประตูได้ แต่ถูกผู้เล่นมิลานเคลียร์บอลออกจากเส้น โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: 6.5 ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายในเกมส์นี้ เกมส์รับถือว่าชินเชนโก้ทำได้ดีเลย เล่นได้นิ่ง ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร เบน ไวท์: 7.0 ฤดูกาลที่แล้วเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงาน หายเจ็บกลับมาสภาพร่างกายก็ดูยังไม่เหมือนเดิม เกมส์นี้เราได้เห็นไวท์ในภาพเดิมในการวิ่ง Overlap ประสานงานแบบรู้จังหวะกับซาก้า คริสเตียน นอร์การ์ด: 6.0 ช่วง 5-10 นาทีแรก จังหวะการเล่นของนอร์การ์ดยังดูติดขัดๆ สักหน่อย แต่พอปรับจังหวะได้ นอร์การ์ดถือว่าทำได้โอเคเลย พยายามจะออกบอลขึ้นหน้าตลอด เดแคลน ไรซ์: 6.0 ไม่ได้ไปแคมป์ที่สเปนกับเพื่อนร่วมทีม แต่นัดนี้ได้สตาร์ทตัวจริงเลย ไรซ์ก็ยังวิ่งขึ้นๆ ลงๆ ช่วยทั้งเกมส์รับและเกมส์รุก แต่ภาพรวมยังไม่ค่อยโดดเด่นสักเท่าไร มีโอกาสลุ้นประตูด้วย แต่ลูกชาร์จไปติดบล็อก อีธาน วาเนรี: 6.5 มีจังหวะเทิร์นบอลสวยๆ สองหน ซึ่งหนึ่งในนั้น คือการพลิกหนีกองหลังมิลาน แล้วยิงเต็มข้อ แต่ผู้รักษาประตูมิลานยังเซฟไว้ได้ทัน บูกาโญ ซาก้า: 7.5 (C) การประสานงานระหว่างซาก้า กับไวท์ สามารถเจาะเกมส์รับของมิลานได้เป็นระยะ มีโอกาสหลุดไปถึงเส้นหลังได้หลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดประสิทธิภาพ รวมถึงโอกาสยิงที่ได้ตัดเข้าในแล้ว แต่ยิงเบาเกินไป อย่างไรก็ตามต้นครึ่งหลังซาก้าเป็นคนยิงให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.0 ค่อนข้างเงียบไปหน่อยสำหรับมาร์ติเนลลี่เมื่อเทียบกับบรรดาแนวรุกคนอื่น แล้วพอมีโอกาสแล้วจังหวะสุดท้ายของมาร์ติเนลลี่ก็ทำได้น่าผิดหวัง ไค ฮาแวร์ตซ์: 6.0 พอได้ฮาแวร์ตซ์กลับมา ทำให้ทีมสามารถเพลสแดนบนกันได้สุดมากขึ้น จังหวะยิงพอมีแต่ไม่ได้ยิงถนัดๆ สักเท่าไร แต่ก็ยังพอมีจังหวะเชื่อมบอลในพื้นที่สุดท้ายสวยๆ อยู่ 2-3 หน ตัวสำรอง: เกปา อาร์ริซซาบาลาก้า: 7.5 (นาทีที่ 46, ราย่า) ได้ทำอะไรมากกว่าราย่าอยู่หน่อยนึง คือได้เซฟลูกยิงจากนอกกรอบเขตโทษของเลเอา แต่ก็ไม่ได้ยากอะไร ช่วงดวลจุดโทษแถม เกปาเซฟได้ถึง 3 ลูก แม้ว่าสุดท้ายทีมจะแพ้ในการดวลเป้า ยาคุบ คิวิออร์: 6.5 (นาทีที่ 46, คาลาฟิออรี) เป็นคนเปิดบอลไปให้ซาก้าที่เสาสอง ในจังหวะทำประตูขึ้นนำ 1-0 แต่หลังจากนั้นก็มีจังหวะสกัดจั่วลมต่อหน้าต่อหน้าอาร์เตต้าไปหนนึง ภาพรวมเกมส์รับไม่เจอบททดสอบอะไรมาก ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่: 6.0 (นาทีที่ 46, ชินเชนโก้) มาร์ติน ซูบิเมนดี้: 6.0 (นาทีที่ 46, นอร์การ์ด) ยังต้องจับจังหวะกับทีม และเพื่อนร่วมทีมใหม่อยู่พอสมควร ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะเข้าสู่เกมส์ของตัวเองได้ พอเข้าที่ซูบิเมนดี้เริ่มมีบทบาทกับทีมมากขึ้น มาร์ติน โอเดการ์ด: 7.0 (นาทีที่ 46, วาเนรี) กัปตันโอเดการ์ดลงมาเล่นในครึ่งเวลาหลัง ลงมาแล้วก็สร้างอิมแพ็คให้กับเกมส์ได้ทันที ในการคุมจังหวะในการเข้าทำในพื้นที่สุดท้าย โอเดการ์ดมีลุ้นอยู่ 2 ครั้งจังๆ แต่เปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้ เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.5 (นาทีที่ 46, มาร์ติเนลลี่) บทบาทกับเกมส์อยู่พอสมควร แม้จังหวะมันติดนิดติดหน่อยอยู่บ้าง แต่ก็มีจังหวะได้ซัดนอกกรอบแบบเต็มข้อให้ประตูมิลานต้องออกแรง มิเกล เมริโน่: 6.0 (นาทีที่ 65, ไรซ์) พาเด็กๆ ลงมาเล่นในช่วง 25 นาทีสุดท้าย เมริโน่เกือบจะทำประตูได้ด้วย จากลูกโขกลูกเตะมุม แต่ประตูมิลานบินไปปัดได้ทัน แม็กซ์ ดาวแมน: 6.5 (นาทีที่ 65, ซาก้า) ฉายแววตั้งแต่จังหวะแรกที่ได้บอลเลย กล้าที่จะลากเลื้อยเข้าหาผู้เล่นของมิลานแบบไม่มีกลัว มีจังหวะได้ลากตัดไปยิงหลุดกรอบออกไป แล้วดาวแมนยังมีจังหวะลงไปช่วยแย่งบอลในเกมส์รับสวยได้ด้วย จอซ นิโคล: 6.0 (นาทีที่ 65, ไวท์) น้องจอซ กับปรีซีซั่นที่สองของเขา ต้องเจองานหนักในการตามประกบกับเลเอา แม้รูปร่างจะเสียเปรียบเยอะ แต่ใจสู้ดีมาก มาร์ลี แซลมอน: 6.0 (นาทีที่ 65, ซาลิบา) เด็ก 15 ปีอีกคน ที่ต้องจับตามองให้ดีเลย ถ้าแม็กซ์ ดาวแมน คือเพชรเม็ดงามในเกมส์รุก แซลมอนก็เป็นเพชรเม็ดงามในตำแหน่งเกมส์รับ กับการเล่นกับชุดใหญ่หนแรก ถือว่านิ่งใช้ได้เลย รีสส์ เนลสัน: 6.5 (นาทีที่ 78, ฮาแวร์ตซ์) ลงมาทีหลังสุด แต่เนลสันมาแต่ละครั้งก็ได้ลุ้นอยู่ตลอด มีโอกาสยิงใกล้เคียงกับการเป็นประตูอยู่ 2 ครั้งเลย หนแรกปั่นหลุดกรอบไปนิดเดียว อีกครั้งหลอกยิงเสาแรกแต่ติดเซฟ
-
noke_2389 joined the community
-
เดวิด ออร์นสตีน รายงานข่าวว่า อาร์เซนอลและสปอร์ติ้ง ลิสบอนใกล้บรรลุข้อตกลงทั้งหมดสำหรับวิคเตอร์ เยอเกเรสแล้ว ค่าตัว €63.5 ล้านยูโร บวกโบนัสอีก €10 ล้านยูโร ได้มีการตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของเงื่อนไขเพิ่มเติม (add-ons) ยังต้องมีการปรับรายละเอียด ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการ และการปิดดีลใกล้จะเสร็จสิ้นในไม่ช้า กองหน้าของสปอร์ติ้งรายนี้ต้องการย้ายมาอาร์เซนอลเท่านั้น และสัญญาระยะเวลา 5 ปีได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ตะโกนดังๆ ว่า HERE WE GO!! วิคเตอร์ เยอเกเรส ย้ายร่วมทีมอาร์เซนอลได้บรรลุข้อตกลงในหลักการเรียบร้อยแล้วจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สปอร์ติ้งยอมรับข้อเสนอสุดท้ายจากอาร์เซนอลที่จำนวน 63.5 ล้านยูโร บวกกับโบนัสเพิ่มเติมอีก 10 ล้านยูโร และเอเยนต์ของนักเตะจะลดค่าคอมมิชชั่นของตนลง เยอเกเรสจะเซ็นสัญญา 5 ปีกับอาร์เซนอล โดยตัวนักเตะเองต้องการย้ายไปอาร์เซนอลเท่านั้น ข้อตกลงทางวาจาระหว่างอาร์เซน่อลกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วในช่วงกลางวันของวันนี้ โดยมีเอเยนต์ของเยอเกเรส และอันเดรีย แบร์ต้า ต่างอยู่ที่กรุงลอนดอนทั้งคู่ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ บอกว่าเพิ่มเติมว่า อาร์เซน่อล กำลังพิจารณาที่จะเซ็นสัญญาผู้เล่นในแนวรุกเพิ่มอีกหนึ่งคน หลังจากปิดดีลของ วิคตอร์ เยอเกเรส ได้สำเร็จ อาร์เซน่อลยังไม่จบภารกิจในตลาดนักเตะ แล้วยังต้องจำตามองตลาดขาออกของอาร์เซน่อลเอาไว้ด้วยเช่นกัน HandOfArsenal สายวงใน บอกว่า อาร์เซนอลและสปอร์ติ้ง ลิสบอนกำลังดำเนินการแลกเปลี่ยนเอกสารขั้นสุดท้ายสำหรับดีลของเยอเกเรสในขณะนี้ ทางฝั่งอาร์เซนอลกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจร่างกายของเขา ซึ่งนักเตะชาวสวีเดนก็กำลังรอขั้นตอนนั้นอยู่เช่นกัน เยอเกเรสมีความมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมแคมป์ปรีซีซั่น และได้ปฏิบัติตามโปรแกรมฝึกซ้อมส่วนตัวอย่างเคร่งครัด ชาร์ล วัตต์ สายข่าวอาร์เซน่อลจาก Goal.com บอกว่า การย้ายทีมของ วิคตอร์ เยอเกเรส จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ทันลงเล่นในเกมส์ปรีซีซั่นกับเอซี มิลาน ที่สิงคโปร์ แต่อาร์เซน่อล มีแผนสำหรับนักเตะไว้แล้ว โดยพวกเขาหวังว่า เยอเกเรส จะมีส่วนร่วมในเกมส์ที่พบกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในวันที่ 31 กรกฏาคม ที่ประเทศฮ่องกง Record สื่อของโปรตุเกส เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโบนัสเพิ่มเติม 10 ล้านยูโรในดีลการย้ายทีมของเยอเกเรส จะทำได้แบบง่าย ตามที่ประธานสโมสรสปอร์ติ้ง ลิสบอน ต้องการ แต่จะถูกกระจายออกไปในระยะเวลา 5 ปี เงื่อนไขเหล่านี้เชื่อมโยงกับ ผลงานของนักเตะทั้งในระดับส่วนตัวและส่วนร่วมกับทีม โดยความสำเร็จบางอย่าง เช่น การคว้าแชมป์หรือการผ่านเข้าไปเล่นแชมเปี้ยนลีก จะถูกนับต่อเมื่อนักเตะมีส่วนร่วมในความสำเร็จอย่างแท้จริง Independent รายงานข่าวว่า วิคตอร์ เยอเกเรส จะเดินทางไปตรวจร่างกายที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ทั้งเยอเกเรส และมอสเกร่า ยังไม่มีส่วนร่วมในเกมส์อุ่นเครื่องกับเอซี มิลาน ในวันพุธนี้ อยางไรก็ตามพวกเขาอาจจะมีชื่อในเกมส์กับนิวคาสเซิ่ล ที่จะลงเล่นในวันเสาร์นี้ HandOfArsenal สายวงใน อัพเดทสถานการณ์ล่าสุดในดีล เอเบเรซี่ เอเซ่ หลังจากมีการพูดคุยและคำชมจากนักเตะอาร์เซนอล อาร์เตต้าก็กลายเป็นคนที่หลงใหลในตัวเอเซ่ และได้แจ้งเรื่องนี้กับบอร์ดบริหารโดยตรง จากที่ผมเข้าใจ เงื่อนไขส่วนตัวไม่เคยเป็นอุปสรรค แหล่งข่าวหนึ่งบอกว่า เขาพร้อมจะเซ็นสัญญา 5 ปีพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ผมยังเข้าใจว่าเขาได้แจ้งกับเชลซีและบาเยิร์น มิวนิกว่า สโมสรที่เขาเลือกคืออาร์เซนอล แต่คำถามคือ นักเตะจะรอได้นานแค่ไหน? มีการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับคริสตัล พาเลซแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม อาร์เซนอลจะมุ่งเน้นไปที่การขายนักเตะก่อน และหวังว่าการขายทรอสซาร์ จะเป็นการเปิดประตูสู่ดีลนี้ได้? ความหวังคือให้อันเดรีย (แบร์ต้า) ทำการขายนักเตะให้ได้ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาสตีฟ พาริช หากมีอะไรคืบหน้า ผมจะมาอัปเดตให้แน่นอน เป็นที่รู้กันในวงการว่าพาริชเป็นคนที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา เขาจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนกลับเข้าสโมสร เช่น สนามเซลเฮิร์สต์ พาร์ก และเรื่องอื่น ๆ ภายในทีม มันเป็นดีลที่สามารถทำได้ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมมีเกี่ยวกับเอเซ่โดยเฉพาะ ขอพูดให้ชัด... พวกเราต้องเซ็นสัญญากับเอเซ่ให้ได้ เราจะเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ด้วยขุมกำลังที่ไม่สมบูรณ์อีกครั้งไม่ได้ ฟลอเรียน แพตเทนแบร์ก จาก SKY DE บอกว่า แอร์เบ ไลป์ซิก กำลังเดินหน้าอย่างจริงจังในการเซ็นสัญญากับคาร์นี่ ชุควูเมก้า ไลป์ซิกได้เปิดการเจรจากับเชลซีเกี่ยวกับกองกลางวัย 21 ปีรายนี้แล้ว และมีแผนจะดำเนินการขั้นต่อไปในวันพุธนี้ ขณะเดียวกัน ไลป์ซิกก็ได้รับแจ้งแล้วว่าเชลซีต้องการเซ็นสัญญากับชาบี ซิมอนส์ ซึ่งไลป์ซิกก็พร้อมที่จะขาย ข้อตกลงด้วยวาจาระหว่างชาบีและเชลซีนั้นใกล้เคียงมากที่จะสำเร็จ แต่ยังไม่เสร็จสิ้นแบบ 100% มิเกล อาร์เตต้า ต้องการขุมกำลังอาร์เซนอลที่ลึกขึ้น และยกเลิกระบบ ‘แบ่งระดับ’: ‘ตอนนี้ผมจะเปลี่ยนมัน’ ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อระหว่างทัวร์ที่สิงคโปร์ อาร์เตต้าได้ยืนยันว่า “Tier One หมายถึงนักเตะที่มีความสามารถพอที่จะเป็นตัวจริงได้” ก่อนหน้านี้ อาร์เซนอลเคยจัดลำดับนักเตะในทีมเป็นระดับ Tier One, Tier Two และ Tier Three แต่ตอนนี้อาร์เตต้าบอกว่าระบบนั้นอาจจะกำลังเปลี่ยนแปลง “ระบบ Tier One, Two, Three ผมไม่ค่อยเชื่อในระบบแบบนั้นแล้วตอนนี้” เขาอธิบาย “เกมมันพัฒนาไปเยอะ ความต้องการที่เราต้องเผชิญมีมากขึ้น ฤดูกาลหนึ่งลงเล่น 70, 75 นัด “สุดท้ายแล้วเราต้องการสร้างทีมแบบที่บางสโมสรมีอยู่แล้ว คือเมื่อคุณมองไปที่ทีม คุณแทบจะเดาไม่ได้เลยว่าใครจะได้ลงเล่นในวันพรุ่งนี้ ถ้าเราทำได้ถึงจุดนั้น และถ้าความสามารถในการแข่งขันนั้นมีระดับความร่วมมือที่ดีระหว่างผู้เล่น นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องการ” เมื่ออาร์เซนอลกำลังเปลี่ยนโมเดลของทีมไปเป็นแบบกระจายความสามารถให้ทั่วถึงมากขึ้น ระบบแบ่งระดับจึงเริ่มกลายเป็นสิ่งล้าสมัย “ตอนนี้ผมจะเปลี่ยนมัน” อาร์เตต้ากล่าว “เพราะมันต้องปรับเปลี่ยน และตอนนี้เราก็จะมีศักยภาพในการตัดสินใจว่า ใครคือคนที่พร้อมที่สุดที่จะลงเล่นในเกมนี้ ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว? ไม่มีทางเลย ปีที่แล้ว การจัดตัวคือแบบ บอกผมมา 5 คนที่เล่นได้ครบ 90 นาที โอเคพวกนี้ต้องลงเล่น ตอนนี้บอกผมอีก 5 คนที่ทำแบบนี้ได้ แล้วเราทำอยู่แบบนั้นไป 7 เดือน" "เราต้องหลุดพ้นจากสถานการณ์แบบนั้น เพราะข้อจำกัดแบบนั้นทำให้ความสามารถของเราถูกจำกัด และขาดความสดใหม่ในช่วงปลายฤดูกาล หวังว่าฤดูกาลนี้จะแตกต่างออกไปมาก และเราจะสามารถเลือกทีมที่ดีที่สุด ด้วยนักเตะที่ดีที่สุด เพื่อลงเล่นกับคู่แข่งในวันนี้ และเมื่อเราต้องการเปลี่ยนแผน เปลี่ยนทีม ไม่ว่าสถานการณ์จะนำอยู่ เสมอ หรือว่าตามหลัง เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันที และมีนักเตะที่สามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้" THE SUN อีธาน วาเนรี่ กลับมาร่วมการฝึกซ้อมช่วงปรีซีซั่นกับอาร์เซนอล โดยมีรูปร่างที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงปลายฤดูกาลที่ผ่านมา ดาวรุ่งรายนี้ดูมีกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ตามที่เห็นได้จากภาพถ่ายในการทัวร์ปรีซีซั่นของอาร์เซนอลที่ประเทศสิงคโปร์ อังกฤษ ทีมหญิง ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หลังจากเอาชนะเฉือนเอาชนะอิตาลีได้ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ จากประตูชัยของ โคลอี้ เคลลี่ นักเตะของอาร์เซน่อล ในนาทีที่ 119 ที่เธอเป็นคนสังหารจุดโทษไปติดเซฟ แต่ปรี่ตามซ้ำเข้าไป ประตูตีเสมอ 1-1 ของอังกฤษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลัง ก็มาจาก มิเชลล์ อักเยมัง กองหน้าดาวรุ่งของอาร์เซน่อล ที่ปล่อยให้ไบรท์ตันยืมตัวไปใช้งาน ข้อมูลชุด Third Kit ของอาร์เซน่อล ที่จะใช้ในฤดูกาล 2025/26 จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
-
ฟาบริซิโอ โรมาโน่ กล่าวในรายการ DAZN Football ว่า: "ผมได้ยินมาว่า อาร์เซนอลและสปอร์ติ้ง ลิสบอนกำลังมีความคืบหน้าในการเจรจากันในตอนนี้ มีโอกาสที่ดีที่จะปิดดีลของวิคเตอร์ เยอเกเรสได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า" "ไม่มีสโมสรอื่นใดที่สามารถล่อลวงเยอเกเรสได้ มันคืออาร์เซนอลหรือไม่ก็ไม่มีเลย เป็นการเจรจาที่หนักหนาสำหรับทั้งสองสโมสร" โรมาโน่ บอกเพิ่มเติมว่ามีตัวกลางที่ใกล้ชิดกับสปอร์ติ้ง พยายามจะดึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาร่วมแข่งขันในการแย่งตัว เยอเกเรส แต่คำตอบจากนักเตะยังคงชัดเจนเหมือนเดิม ว่าเขาต้องการย้ายไปร่วมทีมอาร์เซน่อล นั่นคือทางเลือกเดียวของเขา "ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา หรือให้พูดให้ชัดก็คือ ในคืนระหว่างวันจันทร์ถึงวันอังคาร ตัวกลางได้พยายามเสนอทางเลือกให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อให้เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ว่า: ถ้าคุณต้องการนักเตะคนนี้ คุณสามารถทำข้อตกลงกับลิสบอนได้ แต่ข้อความจากเอเย่นต์ถึงลิสบอนและอาร์เซนอล: นักเตะต้องการแค่อาร์เซนอลเท่านั้น" นอกจากนี้โรมาโน่ยังบอกว่าหลังจากที่อาร์เซน่อลดำเนินการปิดดีลคว้าตัว วิคตอร์ เยอเกเรส ได้สำเร็จแล้ว พวกเขาจะเดินหน้าในการเสริมผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกต่อไป James Olley นักข่าวสายอาร์เซน่อลจาก ESPN พูดถึงดีลของ วิคตอร์ เยอเกเรส ว่า “เกี่ยวกับเยอเกเรส ผมคิดว่าดีลใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว พวกเขาได้ตกลงกันในเบื้องต้นเรื่องค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 63 ล้านยูโร บวกกับโบนัสเพิ่มเติมอีก 10 ล้านยูโร แต่ปัญหาอยู่ที่รายละเอียดของโบนัสเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณในทางบวกว่าเขาจะเข้าร่วมทีมในบางช่วงของทัวร์เอเชีย และผมคาดว่าเขาจะได้ร่วมเดินทางกับอาร์เซน่อลในบางส่วนของทริปนี้” Duncan Castle นักข่าวจาก The Times พูดถึงเบื้องหลังดีล วิคตอร์ เยอเกเรส ที่เกิดความล่าช้า ข้อเสนอที่ได้มีการตกลงพื้นฐานได้แล้วคืออาร์เซน่อลจะจ่ายเงินต้น 63.5 ล้านยูโร บวกโบนัสเพิ่มเติมอีก 10 ล้านยูโร แต่ปัญหาอยู่ที่รายละเอียดของโบนัสเพิ่มเติม ที่ทางสปอร์ติ้ง ลิสบอน ต้องการ 2.5 ล้านยูโร ตามเงื่อนไขการลงสนามของเยอเกเรส หลังลงสนามครบ 20, 40 และ 60 นัด และอีก 2.5 ล้านยูโร หากอาร์เซน่อลผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ทางอาร์เซน่อลไม่พอใจกับโครงสร้างการจ่ายโบนัสดังกล่าว และต้องการจ่ายเป็นแบบ Fixed แบ่งจ่าย 4 ปี แต่ทางสปอร์ติ้งต้องการเงินเพิ่มอีก 1.2 ล้านยูดร เพื่อยอมรับกับโครงสร้างการชำระเงินแบบนั้น ส่วนทางด้านเยอเกเรส กับสปอร์ติ้ง ก็ยังมีปัญหาค้างคาระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายกำลังแลกเปลี่ยนจดหมายทางกฏหมาย เกี่ยวกับประเด็นทางด้านวินัย และการย้ายทีม แซม ดีน สายข่าวอาร์เซน่อลจาก Telegraph ไปให้สัมภาษณ์ในรายการ LatteFirm ของแฟนบอลอาร์เซน่อล มีหลายประเด็นที่เขาพูดในรายการ >> ผมได้รับฟังจากเอเย่นต์หลายรายในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ว่าในบรรดาทุกสโมสรนั้น อาร์เซน่อล เป็นหนึ่งในทีมที่ พิถีพิถันกับรายละเอียดมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องเอกสารทางกฎหมาย ทีมทนายของสโมสรจะตรวจสอบทุกอย่าง อย่างละเอียดถี่ถ้วนแบบไม่มีหลุดเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งนี้อาจทำให้การดำเนินการในบางดีลดูช้ากว่าทีมอื่น แต่ก็สะท้อนถึงความรอบคอบและมาตรฐานระดับสูงที่สโมสรยึดถือในการทำธุรกิจฟุตบอล >> ตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยได้ยินอะไรที่บ่งบอกว่าดีล เอเบเรชี เอเซ่ กับอาร์เซน่อลมีความคืบหน้าไปในทางบวกเลย ทุกอย่างที่ได้รับฟังมาตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ ทำให้ผม ค่อนข้างสงสัยอย่างมากว่าดีลนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ >> ผมไม่ได้รับทราบว่า ชาบี ซิม่อนส์ เป็นเป้าหมายหลักหรือเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของอาร์เซน่อลในตอนนี้ แน่นอนว่า ผมมั่นใจว่าอาร์เซน่อลชื่นชอบเขา และกำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่เบื้องหลัง แต่ ผมไม่ทราบว่าเขาถูกมองว่าเป็น "คนที่ใช่" หรือเป้าหมายสำคัญอันดับต้น ๆ ในแผนของทีมตอนนี้ >> อาร์เซน่อลต้องการต่อสัญญากับวิลเลียม ซาลิบา และบูคาโย่ ซาก้าให้เรียบร้อย โดยทางสโมสรรู้สึกค่อนข้างมั่นใจว่า ทั้งสองนักเตะต้องการอยู่กับทีมต่อ แม้ว่าตอนนี้ ยังไม่มีสัญญาณว่าการเจรจาใกล้จะเสร็จสิ้นในทันที แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หากมีความคืบหน้าในการพูดคุยระหว่างทั้งสองฝ่าย >> ในการเจรจาสัญญาของอีธาน วาเนรี ไม่ได้มีการเรียกร้องเรื่องการรับประกันเวลาในการลงสนาม แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ผมทราบมาว่า ในช่วงหนึ่งของซัมเมอร์นี้ ภายในอาร์เซน่อลมีความกังวลจริงจัง ว่าการเจรจาอาจไม่เป็นไปตามที่หวัง มีความรู้สึกว่าดีลอาจล่มได้ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับสโมสรอย่างมากในช่วงเวลานั้น >> โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้ อาจเป็นนักเตะที่ขายออกได้ยากกว่านักเตะคนอื่นสักหน่อย เหตุผลหลักๆ คือ ค่าเหนื่ยอของเขาค่อนข้างสูง เขาอยู่ลนอดอน และมีความสุขกับชีวิตที่นี่ ครอบครัวและลูกของเขาตั้งรกรากอยู่ในลอนดอนแล้ว เขาเหลือสัญญาอีกปีเดียว การที่เป็นฟรีเอเยนต์ จะมีอิสระมากกว่าในการเลือกสโมสรใหม่ >> ผมไม่คิดว่าอาร์เซน่อล จะมีการปล่อยตัว ยาคุบ คิวิออร์ ออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ บอกว่า อาร์เซน่อลยังคงให้ความสนใจในตัวชาบี ซิมอนส์อยู่เช่นเดิม แต่ในขณะนี้ ดีลของ เยอเกเรสและการปล่อยนักเตะออกจากทีม ถือเป็นลำดับความสำคัญสูงสุด ทางด้านตัวนักเตะเองก็ เปิดโอกาสสำหรับการย้ายไปเชลซี แล้ว และการเจรจาระหว่างสองสโมสรจะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของเชลซีในดีลนี้จะ ขึ้นอยู่กับการปล่อยผู้เล่นบางรายออกจากทีมก่อน ฟลอเลี่ยน แพตเทนแบร์ก จาก Sky Sport DE บอกว่า เชลซีแสดงความสนใจอย่างจริงจังในตัวชาบี ซิมอนส์ โดยการเจรจาระหว่างฝั่งนักเตะกับเชลซีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในขณะเดียวกัน อาร์เซน่อลยังคงอยู่ในสถานะ “รอดูท่าที” โดยยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นตอนที่เป็นรูปธรรม ส่วนบาเยิร์น มิวนิคยัง ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันในดีลนี้ ณ ตอนนี้ ก่อนหน้านี้ ไลป์ซิกเคยตั้งค่าตัวไว้ที่ 80 ล้านยูโรแบบรวมทุกอย่าง แต่ในความเป็นจริง ขณะนี้ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านยูโรรวมโบนัส แล้ว เบน จาค็อบบ์ บอกว่า เชลซีกำลังเดินหน้าเจรจากับชาบี ซิมอนส์ในสัปดาห์นี้ โดยมีความเป็นไปได้ที่ดีลจะปิดได้ที่ ราคา 70 ล้านยูโรหรือต่ำกว่า ไลป์ซิกเคยจ่าย 50 ล้านยูโรแบบค่าตัวคงที่ แต่ยังไม่ได้จ่ายโบนัสเพิ่มเติมอีกทั้งหมดที่อยู่ในแพ็กเกจเดิม 30 ล้านยูโร ซึ่งทำให้สามารถเปิดช่องให้ดีลใหม่มีราคาถูกลงตามที่มีการเปิดเผย นอกจากนี้ เปแอสเชยังคงถือสิทธิ์ส่วนแบ่งจากการขาย (sell-on clause) อยู่ อาร์เซน่อลเองก็ให้ความสนใจในตัวซิมอนส์เช่นกัน แต่เชลซีเป็นฝ่ายแรกที่เริ่ม เจรจาในระดับสโมสรต่อสโมสร อย่างเป็นทางการ Simon Philliip สายวงในของเชลชี บอกว่า เชลชีได้มีการติดต่อไปยังเอเยนต์ส่วนตัวของเอเบเรซี่ เอเซ่ แต่สิ่งที่พวกเขาทราบ สร้างความประหลาดใจนั่นคือ ความต้องการค่าเหนื่อยที่สูง กับค่าฉีกสัญญา 60 ล้านปอนด์ ต้องจ่ายในครั้งเดียว ไม่ใช่แบ่งจ่ายได้ 3 งวดๆ ละ 20 ล้านปอนด์อย่างที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ นั่นทำให้ความสนใจในตัวเอเซ่ ของเชลชี ลดลงไป มาร์ก้า (Marca) สื่อสเปน รายงานข่าว่า คริสเตียน มอสเกร่า หวังว่าจะเดินทางไปสมทบกับเพื่อนร่วมทีมอาร์เซน่อลที่สิงคโปร์ในเร็วๆ นี้ ตอนนี้รอการประกาศการย้ายทีมอย่างเป็นทางการ สำหรับการย้ายทีมของ มอสเกร่า มีปัญหาติดขัดเกี่ยวกับเอกสารเล็กน้อย ด้าน El Desmarque สื่อท้องถิ่นในเมืองบาเลนเซีย บอกว่า มอสเกร่า ผ่านการตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว ตามแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการเจรจา ระบุว่า ความล่าช้าในการประกาศอย่างเป็นทางการนั้นเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับเอกสาของนักเตะ ทั้งนี้พรีเมียร์ลีกมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับนักเตะต่างชาติ ไม่ได้เป็นปัญหาระหว่างการตรวจร่างกาย อย่างที่มีบางแหล่งข่าวรายงาน นักเตะอาร์เซน่อล ลงฝึกซ้อมที่ประเทศสิงคโปร์เป็นวันแรก ก่อนจะมีเกมส์เตะอุ่นเครื่องกับเอซี มิลาน ในวันพุธนี้ โดยเกมส์นี้อาร์เซน่อลจะประเดิมใส่ชุดเยือนใหม่ ที่เพิ่งมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ ส่วนมิลาน ก็จะใส่ชุดเยือนสีขาวตัวใหม่เช่นกัน
-
แกรี่ จาค็อบบ์ นักข่าวจาก The Times รายงานข่าวว่า การย้ายทีมของ วิคตอร์ เยอเกเรส มาที่อาร์เซน่อล จะเสร็จไม่ทันเวลา ที่ทัพนักเตะอาร์เซน่อลจะเดินทางไปทัวร์ปรีซีซั่นที่ประเทศสิงคโปร์ในวันเสาร์นี้ แต่เขายังสามารถเดินทางไปสมทบภายหลังได้ เช่นเดียวกับ คริสเตียน มอสเกร่า ปราการหลังคนใหม่ ก็อาจจะยังไม่ได้เดินทางไปสิงคโปร์พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ นอกจากนี้เขายังบอกว่าการเซ็นสัญญากับปีกซ้ายคนใหม่ ขึ้นอยู่กับอนาคตของ เลอันโดร ทรอสซาร์ อย่างไรก็ตามจะไม่เกี่ยวข้องกับกับดีลของ เอเบเรซี่ เอเซ่ ที่ถูกวางไว้ว่าจะเป็นการเสริมในตำแหน่งกองกลางตัวรุก Ben Jacobs บอกว่า อาร์เซน่อลกำลังเข้าใกล้การบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์กับสปอร์ติง ลิสบอน เกี่ยวกับวิคเตอร์ เยอเกเรสแล้วในขณะนี้ อาร์เซน่อลต้องการบรรลุข้อตกลงให้ได้ภายในสิ้นสัปดาห์นี้ โดยยังคงมีบางส่วนเล็กน้อยของโบนัสเพิ่มเติม ที่อยู่ระหว่างการหารือ และเยอเกเรสกำลังรอการอนุญาตเพื่อเข้ารับการตรวจร่างกาย ข้อตกลงได้บรรลุแล้วที่มูลค่า 63.5 ล้านยูโร บวกกับโบนัสเพิ่มเติมอีก 10 ล้านยูโร โดยเหลือเพียงรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น Buchi Laba บอกว่า เงื่อนไขโบนัส ถูกกำหนดไว้อย่างเข้มงวดโดยประธานสโมสรสปอร์ติ้ง ลิสบอน เอเยนต์ส่วนตัวของ เยอเกเรส อยู่ที่ลอนดอนมาแล้ว 4 วันเพื่อหาบทสรุปของการย้ายทีมนี้ให้ได้ แผนของอาร์เซน่อลคือให้เขาเดินทางมาตรวจร่างกายภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะบินตามไปสมทบกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ที่ทัวร์อยู่ที่ทวีปเอเซีย ข้อตกลงใกล้จะเสร็จสมบูรร์แล้วในตอนนี้ นูโน่ ฟารินญ่า จาก CNN Portugal กล่าวว่า: "มันก็สมเหตุสมผลที่จะพูดว่า หลุยส์ ซัวเรซ (กองหน้าอัลเมเรีย และเป็นตัวเต็งที่สปอร์ติ้งจะดึงมาแทน เยอเกเรส) ไม่ได้มาซ้อมในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่บริษัทขนย้ายได้ไปที่บ้านของเยอเกเรส" "เรื่องแบบนี้เป็นแค่ความบังเอิญเหรอ? ผมไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นแค่ความบังเอิญหรอกนะ คุณคิดว่าไง? เพราะฉะนั้น ทุกคนคงเข้าใจแล้วว่า ตอนนี้เราเข้าใกล้การทำให้การย้ายทีมของเยอเกเรสไปอาร์เซนอลเป็นทางการมากขึ้นทุกที และทุกอย่างก็กำลังเริ่มจะลงล็อก มันต้องเป็นแบบนี้แหละ ไปพร้อม ๆ กัน" "ผมเชื่อว่า เมื่อเยอเกเรส ถูกประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นนักเตะอาร์เซนอล, ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น หรือในวันถัดมา หลุยส์ ซัวเรซจะเดินทางไปโปรตุเกส เพื่อเข้ารับการตรวจร่างกายและเซ็นสัญญากับสปอร์ติ้ง" ฟาบริซิโอ โรมาโน่ พูดถึงอนาคตของ ซาบี ซิมอนส์ แนวรุกของไลป์ซิกว่า “สำหรับช่วงซัมเมอร์นี้ ชาบี ซิมอนส์ต้องการย้ายออกจากแอร์เบ ไลป์ซิก ผมบอกได้เลยว่าพรีเมียร์ลีกเป็นจุดหมายที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด มีความสนใจจากสองสโมสร เชลซีและอาร์เซน่อล ที่ได้ติดต่อสอบถามถึงสถานการณ์ของเขาตั้งแต่ช่วงต้นของตลาดซื้อขายนักเตะ” Ben Jacobs บอกว่า อาร์เซน่อลและเชลซีกำลังจับตาดูสถานการณ์ของชาบี ซิมอนส์อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ไลป์ซิกยังไม่ได้รับข้อเสนอหรือการติดต่อใด ๆ จนถึงตอนนี้ ซิมอนส์รู้สึกตื่นเต้นกับการย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีก และต้องการย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ มีความเชื่อกันว่า จำนวนเงินราว 65 ล้านยูโร บวกกับโบนัสเพิ่มเติม เป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผลสำหรับดีลนี้ นอกจากซิมอนส์ อาร์เซน่อลยังคงพุ่งสมาธิไปที่การเซ็นสัญญา เอเบเรซี่ เอเซ่ มันดูเหมือนพวกเขาจะเซ็นใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าหาก ทรอสซาร์ กับมาร์ติเนลลี่ ยังคงอยู่กับทีมต่อไป อย่างไรก็ตามถ้าหาก ทรอสซาร์หรือมาร์ติเนลลี่เกิดย้ายทีมขึ้นมา อาร์เซนอ่ลอาจจะเซ็นสัญญาทั้งคู่ GoldbergCFC สายวงในของเชลชี บอกว่า ผมได้ยินมาว่าอาร์เซน่อลอาจลดความสนใจในตัวเอเบเรชี เอเซ่ลงในช่วง 24–48 ชั่วโมงที่ผ่านมา เนื่องจากคริสตัล พาเลซอาจประเมินมูลค่าของเขาไว้สูงเกินไป ความสนใจยังคงอยู่ แต่ลดระดับลง ยังไม่ได้สิ้นสุดแต่อย่างใด AFCAmden สายวงในของอาร์เซน่อล บอกว่า การเซ็นสัญญากับ เอเบเรซี่ เอเซ่ แนวรุกจากคริสตัล พาเลซ บางทีอาร์เซน่อลจำเป็นต้องมีการปล่อยผู้เล่นบางคนในทีมออกไปให้ได้ก่อน ฟาบริซิโอ โรมาโน่ บอกว่า เอกสารทั้งหมดระหว่างทีมงานของอีธาน วาเนรี และอาร์เซน่อล ได้มีการลงนามเรียบร้อยแล้วสำหรับสัญญาฉบับใหม่ มีความคืบหน้าเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ข้อตกลงได้ถูกจัดทำขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์นี้ และตอนนี้ดีลได้ปิดลงอย่างสมบูรณ์แล้ว อีธาน และอาร์เซน่อล จะอยู่ร่วมกันไปจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2030 แซม ดีน สายข่าวอาร์เซน่อลจาก Daily Telegraph บอกว่า การมาของโนนี่ มาดูเอเก้ โอกาสของวาเนรีในการลงเล่นทางฝั่งขวาในฤดูกาลใหม่จะลดลง ดังนั้น จึงดูชัดเจนกว่าที่เคยบอกไว้ว่า ตำแหน่งของเขาในทีมคือการเป็นตัวสำรองของโอเดการ์ด และความท้าทายที่ วาเนรีต้องเผชิญในตอนนี้ คือการพิสูจน์คุณค่าของตัวเองเพื่อแย่งตำแหน่งจากมิดฟิลด์ชาวนอร์เวย์ให้ได้อย่างสม่ำเสมอ เธียร์รี อองรี: “ผมคิดว่ามิเกล อาร์เตต้ากำลังทำงานได้ดีไหม? ยอดเยี่ยมมากครับ ผมคิดว่าเขาควรถูกปลดเหรอ? ไม่มีทาง แล้วผมคิดว่าเราจะคว้าแชมป์ลีกในปีนี้ไหม? ใช่ครับ มันเป็นผลงานที่ดี แต่ต้องดีกว่านี้อีก” เธียร์รี อองรี อดีตกัปตันทีมอาร์เซน่อลและตำนานวงการฟุตบอล ได้กล่าวชื่นชมการคุมทีมของมิเกล อาร์เตต้า โดยระบุว่างานของเขานั้น “ยอดเยี่ยมมาก” พร้อมทั้งปฏิเสธความคิดที่ว่าอาร์เตต้าควรถูกปลดจากตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็แสดงความเชื่อมั่นว่าอาร์เซน่อลจะคว้าแชมป์ลีกในปีนี้ ซึ่งสะท้อนมุมมองที่ลึกซึ้งและสมดุลต่อผลงานของอาร์เตต้าท่ามกลางแรงกดดันอย่างต่อเนื่องในการคว้าถ้วยรางวั อาร์เซน่อล เปิดตัว โนนี่ มาดูเอเก้ ปีกทีมชาติอังกฤษเข้ามาเสริมทัพเป็นแข้งใหม่รายที่ 4 ประจำซัมเมอร์นี้ โดยดาวเตะวัย 23 ปีจะเซ็นสัญญายาว 5 ปีกับอาร์เซน่อล และสวมเสื้อหมายเลข 20 ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซน่อล อันเดรีย แบร์ต้า กล่าวว่า: "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้บรรลุข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเตะดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์อย่างมากอย่าง โนนี่ มาดูเอเก้ “ผลงานและความพร้อมใช้งานของโนนี่ในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมาโดดเด่นเป็นอย่างมาก สะท้อนถึงคุณภาพและความเป็นมืออาชีพของเขา โนนี่เป็นนักเตะตำแหน่งปีกที่มีความคล่องแคล่วและหลากหลาย พร้อมด้วยทักษะทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยเสริมทีมของเราได้อย่างมาก “โนนี่มีประสบการณ์อันมีค่าบนเวทีระดับสูงอยู่แล้ว และเรารู้ว่าเขาจะสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับอาร์เซน่อล ร่วมกับทุกคนในสโมสร เราขอต้อนรับโนนี่เข้าสู่อาร์เซน่อลด้วยความอบอุ่น" ผู้จัดการทีม มิเกล อาร์เตต้า กล่าวเพิ่มเติมว่า: “เราทุกคนดีใจมากที่ได้ต้อนรับโนนี่ มาดูเอเก้ เข้าสู่ทีม โนนี่เป็นนักเตะดาวรุ่งที่น่าตื่นเต้นและมีพลัง ด้วยผลงานและสถิติในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่สม่ำเสมอสูง เขาเป็นหนึ่งในนักเตะปีกที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก “ด้วยวัยเพียง 23 ปี โนนี่มีประสบการณ์ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ และเขารู้จักพรีเมียร์ลีกเป็นอย่างดี หลังจากได้เห็นคุณภาพการเล่นของโนนี่อย่างใกล้ชิดในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา เราตื่นเต้นมากที่เขาจะมาร่วมทีมกับเรา “โนนี่เข้าร่วมกับกลุ่มเพื่อนร่วมทีมจากอังกฤษที่เขาคุ้นเคยและนักเตะคนอื่นๆ ที่เขารู้จัก เขาจะได้รับการดูแลให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านทันที การมาของเขาจะช่วยพัฒนาทีมของเราอย่างมาก เราทุกคนดีใจที่มีเขาอยู่ที่นี่ จากใจพวกเราทุกคน ขอให้โนนี่ยินดีต้อนรับและยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของคุณ” แซม ดีน นักข่าวสายอาร์เซน่อลจาก Telegraph เปิดเผยว่า บูคาโญ ซาก้า และเดแคลน ไรซ์ สองแข้งคนสำคัญของอาร์เซน่อล ต่างก็กล่าวชื่นชมโนนี่ มาดูเอเก้ อย่างมาก ระหว่างการพูดคุยกับมิเกล อาร์เตต้าและสโมสร เป็นที่ชัดเจนว่าทั้งสองเชื่อมั่นว่าโนนี่ มาดูเอเก้มีความสามารถมากพอที่จะสร้างอิทธิพลและความเปลี่ยนแปลงให้กับทีมอาร์เซน่อลได้
-
การจ่ายบอลของ "มาร์ติน ซูบิเมนดี้" ทำไมสถิติตัวเลขจึงไม่สะท้อนคุณภาพที่แท้จริง
admin replied to admin's topic in GUNNER NEWS
รอชมในปรีซีซั่น น่าสนใจตรงตำแหน่งของซูบิเมนดี้ ถ้าเขาเป็น DLP ได้ด้วยตัวคนเดียว ไรซ์กับโอเดการ์ด จะได้ยืนในพื้นที่ระหว่างไลน์เลยหรือเปล่า แล้วตำแหน่งของเจ้าไมล์สด้วย ต้องหุบเข้ามาช่วยตรงกลางด้วยหรือเปล่า -
โนนี่ มาดูเอเก้ กลายเป็นผู้เล่นของอาร์เซนอลอย่างเป็นทางการแล้ว แม้ว่ากระบวนการเจรจาในดีลนี้จะราบรื่นเป็นส่วนใหญ่ แต่เสียงตอบรับจากแฟนบอลกลับตรงกันข้าม การคว้าตัวนักเตะวัย 23 ปีรายนี้ของอาร์เซนอลถูกตั้งคำถามและพบกับแรงต้านจากแฟนบอลบางส่วนอย่างเห็นได้ชัด ความไม่พอใจนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของ “สถานการณ์” มากกว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะแฟนบอลอาร์เซนอลเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้ากับการเซ็นสัญญานักเตะจากเชลซีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาดูเอเก้ถือเป็นนักเตะรายที่ 10 ที่ย้ายจากฝั่งสแตมฟอร์ด บริดจ์มาสู่อาร์เซนอลตั้งแต่เข้าสู่ยุคปี 2000 และหลายคนก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์ เช็ก, ดาวิด ลุยซ์, วิลเลียน หรือแม้แต่ ราฮีม สเตอร์ลิง ต่างก็ทำผลงานได้ต่ำกว่าความคาดหวังในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม แฟนบอลบางกลุ่มจึงรู้สึกว่า เมื่อเชลซีต้องการปล่อยผู้เล่นที่พวกเขาไม่ต้องการแล้ว อาร์เซนอลมักจะยินดีรับไว้มากเกินไป ความรู้สึกนี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อข่าวดีลของมาดูเอเก้ถูกเปิดเผยก่อนที่อาร์เซนอลจะปิดดีลคว้ากองหน้าหมายเลข 9 ตามที่แฟนบอลเรียกร้อง ส่งผลให้กระแสตอบรับต่อข่าวการย้ายทีมครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง จนถึงขั้นมีการตั้งแคมเปญใน Change.org ต่อต้านดีลนี้ และมีผู้ร่วมลงชื่อมากกว่า 5,000 ราย ณ เวลาที่เขียนข่าวนี้ แต่ท้ายที่สุด ทุกอย่างก็จบลงแล้ว ดีลนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ อาร์เซนอลจะจ่ายค่าตัวเริ่มต้นที่ 48.5 ล้านปอนด์โดยอาจเพิ่มขึ้นเป็น 52 ล้านปอนด์ หากรวมโบนัสตามเงื่อนไขต่าง ๆ มาดูเอเก้เซ็นสัญญา ระยะเวลา 5 ปี จนถึงปี 2030 ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ทั้งตัวนักเตะและสโมสรกำลังมุ่งมั่นเดินหน้าไปในเส้นทางใหม่นี้อย่างจริงจัง ทาง The Athletic ได้พูดคุยกับแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาจากทั้งฝั่งสโมสรและฝั่งนักเตะ เพื่อเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของดีลนี้ โดยทุกคนให้ข้อมูลภายใต้เงื่อนไขไม่เปิดเผยชื่อ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับทุกฝ่าย แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ มาดูเอเก้ ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว คนใกล้ชิดเขาต่างพูดถึงจิตใจที่เข้มแข็งของเขา เขามองว่าความเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็น ความท้าทาย และมันเป็นแรงผลักดันให้เขามุ่งมั่นทำงานหนัก เพื่อพิสูจน์ให้คนที่สงสัยในตัวเขาได้เห็น ฝั่ง อาร์เซนอล เองก็มั่นใจว่า พวกเขาได้ตัวผู้เล่นดาวรุ่งที่น่าตื่นเต้นมาในราคาที่เป็นธรรมและอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับตลาด อย่างไรก็ตาม มาดูเอเก้จะยังไม่เข้าร่วมกับทีมอาร์เซนอลทันที แม้ว่าเขาจะ กระตือรือร้นที่จะตัดวันหยุดหลังจบฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกลง เพื่อเข้าร่วมแผนการปรีซีซั่นกับต้นสังกัดใหม่ และออกทริปที่สิงคโปร์และฮ่องกงก็ตาม แต่ในที่สุด อาร์เซนอลก็โน้มน้าวให้เขาพักผ่อนก่อน พวกเขาต้องการให้เขาฟื้นตัวทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับฤดูกาลอันยาวนาน โดยในช่วงพักเบรก 2 สัปดาห์นี้ มาดูเอเกจะสามารถเข้าถึงโค้ชด้านความแข็งแกร่งและการฟื้นฟูร่างกายของสโมสรได้ ดีลนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วพอสมควร อาร์เซนอลต้องการตัวริมเส้นที่จะมาเป็น ตัวสลับสับเปลี่ยนกับบูกาโย ซาก้า ทางฝั่งขวา โดยเฉพาะคนที่สามารถเพิ่มความเร็ว, ความหลากหลาย และการเจาะทะลุแนวรับได้ ตอนแรกพวกเขาเล็งไปที่ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ จากเบรนท์ฟอร์ด แต่เมื่อแข้งทีมชาติแคเมอรูนรายนี้เลือกที่จะย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงต้นเดือนมิถุนายนอาร์เซนอลจึงเริ่มมองหาทางเลือกอื่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ มาดูเอเก้ ที่จริงแล้ว มาดูเอเกมีคนชื่นชมในทีมงานโค้ชของอาร์เซนอลมานานแล้ว รวมถึง มิเกล อาร์เตต้า ด้วย แต่ก่อนหน้านี้ ในตลาดนักเตะช่วงก่อน ๆ อดีตผู้อำนวยการกีฬาอย่าง เอดู และแผนกแมวมองเคยมีข้อสงสัยเกี่ยวกับดีลนี้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมื่อ อันเดรีย แบร์ต้า เข้ามารับหน้าที่แทน ก็ทำให้เกิด มุมมองใหม่ในทีมซื้อขายนักเตะ ในซัมเมอร์นี้ อาร์เซนอลสนใจในผลงานของมาดูเอเก้, ประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก, ความสามารถในการเล่นได้ทั้งสองฝั่ง เขาเคยลงเล่นให้เชลซีทางซ้ายติดต่อกัน 4 นัดในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม และอายุของเขา ด้วยความเร็วและความแข็งแกร่งทางร่างกาย เขาจึงเหมาะกับโปรไฟล์ของแนวรุกที่สโมสรต้องการเสริมเข้ามาในทีมชุดปัจจุบัน ในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้ อาร์เซนอลได้ตัว เคปา อาร์ริซาบาลาก้า วัย 30 ปี (จากเชลซีเช่นกัน), คริสเตียน นอร์การ์ด วัย 31 ปี และใกล้จะคว้าตัว วิคเตอร์ เยอเกเรส วัย 27 ปี ดังนั้นการคว้าแข้งวัย 23 ปีอย่างมาดูเอเก จึงช่วยรักษาสมดุลอายุของทีมไว้ได้ แม้จะอายุน้อย แต่เขาก็สะสมประสบการณ์ไว้มากมายแล้ว ทั้งในยุโรปและพรีเมียร์ลีก อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือ สถิติการบาดเจ็บของเขาในช่วงสองฤดูกาลหลังที่ ถือว่าดีเยี่ยม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่อาร์เตต้าให้ความสำคัญมาก ตั้งแต่ย้ายมาเชลซีในเดือนมกราคม 2023 เขาลงเล่นไปแล้ว 92 นัด แค่ฤดูกาลที่แล้วก็ลงสนามเกิน 2,000 นาที เชลซีเองก็ เปิดรับข้อเสนอ สำหรับมาดูเอเก้ในช่วงซัมเมอร์นี้ เช่นเดียวกับเมื่อ 12 เดือนก่อน โดยเขาเคยมี ปัญหาด้านวินัย เล็กน้อยที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ และในช่วงท้ายฤดูกาล 2023-24 เขาเคยมีปัญหาในสนามเรื่องการแย่งยิงจุดโทษกับ นิโกลาส์ แจ็คสัน เขายังเคย หลุดจากทีมของเอ็นโซ มาเรสก้า สองครั้ง หนึ่งครั้งเพราะซ้อมได้ไม่ดี และอีกครั้งเพราะเหตุผลด้านแท็คติก จุดพีกที่สุดของเขากับเชลซีคือการทำแฮตทริกใส่วูล์ฟส์ ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเขาทำให้แฟนบอลไม่พอใจ ด้วยการโพสต์ข้อความในโซเชียลว่า “ที่นี่แม่งห่วยแตกชิบ...” แม้จะถูกจับตาอย่างหนักหลังเหตุการณ์นั้น แต่เขาก็ยังคงเป็นตัวหลักในทีมของมาเรสกา “กับโนนี่ ผมมีความสัมพันธ์ในเชิงส่วนตัวนะ เพราะผมรู้ว่าเขาทำได้มากกว่านี้” มาเรสก้ากล่าวเมื่อเดือนธันวาคม “เวลาที่เขายิงหรือแอสซิสต์ได้ แล้วเขารู้สึกดี เขาจะเริ่มแผ่ว เขาต้องเข้าใจว่า เขาต้องฝึกซ้อมให้ดีทุกวัน เขาต้องมีความทะเยอทะยาน ถ้ายิงได้ลูกหนึ่งคืนนี้ เขาต้องไปเอาลูกที่สอง ลูกที่สามต่อ” “เขาต้องมีความกระหาย อยากแอสซิสต์ให้ได้มากขึ้น... โนนี่ต้องเข้าใจว่าเขาต้องทำงานหนักกว่านี้ เพราะเขาสามารถเก่งกว่านี้ได้อีกเยอะ เยอะมาก” มาดูเอเก้กับมาเรสก้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เช่นเดียวกับที่เขาเคยมีในยุคของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ โค้ชคนก่อน ซึ่งก็มีลักษณะการปฏิบัติที่ค่อนข้าง “เข้ม” แต่ตัวมาดูเอเกเองมองว่าทุกสิ่งที่เจอ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่มีความเป็นมืออาชีพและมีวุฒิภาวะมากขึ้น ในส่วนของอาร์เซน่อล สโมสรได้ทำการตรวจสอบประวัติของโนนี่ มาดูเอเก้ โดยละเอียด พวกเขายังได้พูดคุยกับผู้เล่นทีมชาติอังกฤษของสโมสรเกี่ยวกับตัวเขา และได้รับคำแนะนำเชิงบวกเกี่ยวกับบุคลิกภาพและอิทธิพลของเขาในห้องแต่งตัว อาร์เซน่อลมองเห็นผู้เล่นที่มุ่งมั่นจะพัฒนาตัวเอง เขาเคยทำงานกับโค้ชทักษะส่วนตัวนอกเหนือจากการฝึกซ้อมกับสโมสรเพื่อยกระดับฝีเท้าของตนเอง ประเด็นยังเกี่ยวพันกับเรื่องของจำนวนผู้เล่นด้วย ในตำแหน่งริมเส้น เชลซีมีทั้งเปโดร เนโต้, เอสเตวาโอ วิลเลียน และผู้เล่นหน้าใหม่อย่างเจมี่ กิทเทนส์ โคล พาล์มเมอร์ และชูเอา เปโดร (อีกหนึ่งการเซ็นสัญญาช่วงซัมเมอร์) ก็สามารถเล่นริมเส้นได้เช่นกัน เชลซีอาจยังเซ็นผู้เล่นเกมรุกอีกในช่วงตลาดซื้อขายนี้ และยังมีจีโอวานี่ เควนด้า จากสปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่จะย้ายมาร่วมทีมในปี 2026 ดังนั้น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โอกาสของมาดูเอเก้ในทีมดูจะลดลงเรื่อย ๆ หนึ่งในโมเดลของเชลซีคือการขายนักเตะเพื่อทำกำไร หลังจากจ่ายค่าตัว 35 ล้านยูโร เพื่อดึงเขามาจากพีเอสวีในปี 2023 เชลซีก็มองเห็นโอกาสในการคืนทุนหรือทำกำไรจากการลงทุนครั้งนี้ เมื่ออาร์เซน่อลเริ่มแสดงความสนใจอย่างจริงจัง เชลซีก็ยอมรับว่ามาดูเอเก้จะย้ายทีมได้ แต่ต้องเป็นในราคาที่เหมาะสม เขายังมีสัญญาอีกถึง 5 ปีกับเชลซีซึ่งเซ็นไว้เมื่อปี 2023 โดยสัญญาระยะยาวเช่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยรักษามูลค่าทางการเงินของนักเตะไว้ เขารับรู้ดีว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเตะยุคก่อนของเชลซี และสโมสรกำลังเคลื่อนไปในทิศทางใหม่ เมื่อทีมงานแมวมองและฝ่ายเสริมทัพถูกเปลี่ยนแปลง และโจ ชีลด์ส (อดีตจากอะคาเดมีของแมนฯ ซิตี้) เข้ามารับบทบาทร่วมผู้อำนวยการเสริมทัพ ก็เริ่มมีความเชื่อมั่นและมุ่งเน้นไปที่นักเตะจากอะคาเดมีของซิตี้ เช่น พาล์มเมอร์, โรเมโอ ลาเวีย, เลียม เดลัป และเจมี่ กิทเทนส์ มาดูเอเก้รู้สึกว่าตัวเองกับสโมสรกำลังห่างเหินกันไป ในฐานะจุดหมายใหม่ อาร์เซน่อลกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทันที สำหรับมาดูเอเก้ ที่เชลซีเขาอยู่ในกลุ่มของนักเตะดาวรุ่งเป็นหลัก และเมื่อทีมมีปัญหา ก็มักไม่มีใครให้พึ่งพิงหรือชี้แนะอย่างชัดเจน แต่มาดูเอเก้เชื่อว่าอาร์เซน่อลจะแตกต่างออกไป เขามองว่าห้องแต่งตัวเต็มไปด้วยผู้นำ ผู้เล่นมากประสบการณ์ และบุคลิกแกร่ง เขาเชื่อว่าอาร์เซน่อลเป็นทีมที่มี “กัปตันหลายคนในสนาม” พร้อมรับผิดชอบต่อกันและกัน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เขาต้องการ เขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้วกับนักเตะหลายคนในทีมอาร์เซน่อล จากการร่วมงานในทีมชาติอังกฤษ และเชื่อว่าเขาจะปรับตัวเข้ากับทีมได้ไม่ยาก เขารู้ดีว่าเขากำลังจะเข้าร่วมทีมที่มีความลงตัวอยู่แล้ว และในทีมนี้ บูกาโย่ ซาก้า นักเตะดาวเด่นของทีม ก็เล่นในตำแหน่งเดียวกับเขา แต่เขาเชื่อว่าจะได้รับโอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง การย้ายทีมครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่ในลอนดอนต่อไป มาดูเอเก้เติบโตในย่านบาร์เน็ต ทางตอนเหนือของลอนดอน ซึ่งอยู่ระหว่างสนามเอมิเรตส์ สเตเดียม และสนามซ้อมลอนดอน โคลนี่ย์ ของอาร์เซน่อล ในวัยเด็ก เขาเรียนที่โรงเรียน St Columba’s College ในเมืองเซนต์อัลบันส์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามซ้อม Sobha Realty ของอาร์เซน่อล และเคยอยู่กับอะคาเดมีของท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์นานถึง 4 ปี ดีลนี้ถูกจัดการโดยเอเย่นต์ อาลี บารัต เจ้าของบริษัท Epic Sports ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับทั้งเชลซีและอันเดรีย แบร์ต้า ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซน่อล ทำให้เขาเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำหน้าที่เป็นคนกลางในข้อตกลงนี้ เมื่ออาร์เซน่อลแสดงความสนใจ มาดูเอเก้และพ่อของเขาก็ได้พูดคุยกับมิเกล อาร์เตต้า ซึ่งทั้งสองฝ่ายมองว่าเป็นการพูดคุยที่ประสบความสำเร็จ มาดูเอเก้ชื่นชอบความเข้มข้นของอาร์เตต้า และเชื่อว่าเขาจะช่วยผลักดันศักยภาพของตนเองให้พัฒนาได้ เขายังประทับใจกับความละเอียดของแผนงานจากอาร์เซน่อล ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลของเขา และแผนการที่เตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ เงื่อนไขส่วนตัวสำหรับสัญญา 5 ปีตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงเป็นการเจรจาระหว่างสองสโมสร ในขั้นต้นของการเจรจากับอาร์เซน่อล เชลซีได้เปรียบเทียบสถิติของมาดูเอเก้กับ โมฮัมเหม็ด คูดุส, แอนโธนี่ อีลังก้า และเอ็มบูโม่ ซึ่งผลออกมาว่ามาดูเอเก้ดูดีไม่แพ้กัน ตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา มาดูเอเก้มีส่วนร่วมกับประตู (ยิงหรือจ่าย) เฉลี่ย 0.51 ต่อ 90 นาที จากผู้เล่นที่กล่าวมา มีเพียงเอ็มบูโม่ (0.59) ที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย มาดูเอเก้ยังอายุน้อยกว่าเอ็มบูโม่ (25) และคูดุส (24) ด้วย เชลซีจึงใช้ข้อมูลเหล่านี้อ้างอิงราคาค่าตัวในระดับประมาณ 60 ล้านปอนด์ แต่อาร์เซน่อลก็ไม่ได้ถอย พวกเขาประทับใจในความสามารถดวลหนึ่งต่อหนึ่งของมาดูเอเก้ ความแข็งแกร่ง และทักษะทางเทคนิคของเขา ค่าตัวของมาดูเอเก้อาจสะท้อนถึงสถานะของเขาในฐานะนักเตะทีมชาติอังกฤษด้วย เขาติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2024 และจนถึงตอนนี้ได้ลงเล่นไปแล้ว 7 นัด แม้จะติดทีมชาติอังกฤษ แต่มาดูเอเก้ยังคงต้องนับรวมเป็นผู้เล่นต่างชาติหนึ่งในโควต้าของอาร์เซน่อล เนื่องจากเขาย้ายออกจากสหราชอาณาจักรไปอยู่กับพีเอสวีในวัย 16 ปี ทำให้เขาไม่เข้าข่าย “นักเตะโฮมโกรว์น” ตามกฎของพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า ภายใต้การดูแลของบารัตในฐานะตัวกลาง อาร์เซน่อลและเชลซีก็สามารถตกลงกันได้อย่างรวดเร็ว มาดูเอเก้ถอนตัวจากแคมป์เก็บตัวคลับเวิลด์คัพของเชลซีก่อนรอบชิงชนะเลิศ เพื่อดำเนินการย้ายทีมให้เสร็จสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การเซ็นสัญญาล่าช้าออกไปเล็กน้อยจากการเจรจาเรื่องเงินชดเชยกับเชลซี อาร์เซน่อลเชื่อว่าเมื่อพิจารณาจากอายุ ศักยภาพ และราคาของปีกในพรีเมียร์ลีกแล้ว พวกเขาได้ดีลที่ยอดเยี่ยม ขณะที่เชลซีก็พอใจกับมูลค่ารวมของดีลที่อาจแตะเกิน 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นกำไรไม่น้อยจากการลงทุน 35 ล้านยูโร ที่ผ่านมา มีตัวอย่างมากมายของนักเตะที่สามารถพลิกภาพลักษณ์จากความกังขาของแฟนบอลอาร์เซน่อลให้กลายเป็นขวัญใจได้ อารอน แรมส์เดล เคยถูกโจมตีในโซเชียลมีเดียเมื่อย้ายมาร่วมทีมในปี 2021 แต่ภายหลังก็กลายเป็นที่รัก แม้แต่นักเตะจากเชลซีเองก็เคยพิสูจน์ตัวเองได้ เช่น จอร์จินโญ่ และไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ตอนแรกก็ถูกตั้งคำถาม แต่ก็กลายเป็นขุมกำลังสำคัญของทีมในที่สุด ตอนนี้เป็นหน้าที่ของมาดูเอเก้ หากเขาทำผลงานในสนามได้ดี เสียงวิจารณ์ก็จะเงียบหายไปอย่างรวดเร็ว
-
admin changed their profile photo
-
เมื่อ "การปฏิวัติข้อมูลฟุตบอล" กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันนี้เราสามารถสร้างภาพของผู้เล่นคนหนึ่งได้โดยแทบไม่ต้องดูเขาลงสนามจริงเลย แหล่งข้อมูลสถิติออนไลน์ฟรีต่าง ๆ ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการให้ภาพรวมของสไตล์การเล่นของนักเตะคนหนึ่ง แต่ข้อมูลเชิงเหตุการณ์ เพียงอย่างเดียวก็มักจะขาดบริบทสำคัญที่สายตามนุษย์เท่านั้นจะมองเห็นได้เมื่อประเมินคุณภาพที่แท้จริง มาร์ติน ซูบีเมนดี โดดเด่นด้วยความฉลาดเฉียบคมแบบละเอียดอ่อนที่แทรกอยู่ในช่องว่างของข้อมูลสถิติ อาร์เซนอลได้เซ็นสัญญากับมิดฟิลด์ที่เสียสละและอุทิศตัวกับบทบาทของทีม ซึ่งตัวเลขดิบของเขาอาจไม่ดูหวือหวาหรือโดดเด่นบนหน้ากระดาษ เขาอยู่ในอันดับที่ 19 จากมิดฟิลด์ 69 คนในลาลีกาสำหรับจำนวนการจ่ายบอลไปข้างหน้าต่อเกมให้กับเรอัล โซเซียดาดในฤดูกาลที่ผ่านมา และอยู่อันดับที่ 27 สำหรับจำนวนการพาบอลเคลื่อนที่ไปข้างหน้า (Progressive Carries) ความแม่นยำในการจ่ายบอลของเขาอยู่ที่ 84.4% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ สำหรับนักเตะที่ได้รับคำชื่นชมในเรื่องการควบคุมจังหวะเกมอย่างมาก ส่วนหนึ่งของเรื่องนี้สามารถอธิบายได้ด้วยเรื่องของการใช้ถ้อยคำและคำนิยามของตัวชี้วัด ซึ่งอาจไม่สามารถจับรายละเอียดของจังหวะการจ่ายบอลบางครั้งที่ "รู้สึก" ว่ามีผลต่อเกมได้ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมในพื้นที่ว่าง การเร่งจังหวะของเกม หรือการทำให้แนวรับของฝ่ายตรงข้ามเสียรูปแบบ แต่ด้วยความก้าวหน้าของข้อมูลการติดตาม ราจึงสามารถเริ่มสำรวจได้ว่า การจ่ายบอลของผู้เล่นอย่าง ซูบีเมนดี มีปฏิสัมพันธ์กับเกมรอบตัวอย่างไร และสามารถให้เครดิตกับผู้เล่นที่เปลี่ยนโมเมนตัมของเกมได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้จ่ายบอลสุดท้ายเสมอไป โดยใช้ข้อมูลจาก SkillCorner ทาง The Athletic ได้เข้าไปวิเคราะห์วิดีโอเพื่อหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น... ที่ศูนย์กลางของเกมการครองบอลของเรอัล โซเซียดาด เขาเป็นผู้เล่นที่มีจำนวนสัมผัสบอล การจ่ายบอล และการพาบอลไปกับตัวมากที่สุดในทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว บทบาทของซูบีเมนดีคือการสร้างสมดุล เขาจะเคลื่อนที่ไปทั่วความกว้างของสนาม คอยสังเกตว่าเพื่อนร่วมทีมคนใดอยู่ภายใต้ความกดดันหรือถูกล้อมจำนวน และจะเสนอตัวเป็นทางเลือกเพิ่ม โดยไม่เกรงกล้าที่จะเข้าสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากหากมันช่วยให้ทีมสามารถขับเคลื่อนบอลต่อไปได้ สิ่งนี้ทำให้ตัวเลขต่าง ๆ มักสะท้อนให้เห็นว่าซูบีเมนดีเป็นผู้จ่ายบอลที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเน้นการจ่ายบอลสั้นและเรียบง่ายในแดนของตัวเอง เพื่อรักษาความไหลลื่นของเกมในแดนกลาง แต่หากมองลึกลงไปในข้อมูลเหตุการณ์จริง ๆ แล้ว ก็มีอะไรมากกว่านั้น จากข้อมูลของ SkillCorner พบว่าเกือบ 57 เปอร์เซ็นต์ของการจ่ายบอลของเขาในฤดูกาลที่แล้วเกิดขึ้นภายใต้แรงกดดัน ขณะเดียวกันมีมิดฟิลด์ในลาลีกาเพียง 9 คนเท่านั้นที่เผชิญแรงกดดันในสัดส่วนที่มากกว่าซูบีเมนดี (9.4 เปอร์เซ็นต์ของแรงกดดันทั้งหมดที่ทีมได้รับ) กล่าวโดยสรุปคือ หลายสิ่งที่ซูบีเมนดีทำกับบอลนั้นต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางแรงกดดันจากฝ่ายตรงข้ามที่ตามติดอยู่ทุกฝีก้าว แต่เขาก็เต็มใจรับภาระตรงนั้นเพื่อทีมของเขา ตัวอย่างในภาพลำดับต่อไปนี้จากเกมพบกับบาเลนเซีย แสดงให้เห็นบทบาทของซูบีเมนดีได้เป็นอย่างดี โดยมิดฟิลด์ทีมชาติสเปนวัย 26 ปี ยืนอยู่ด้านหลังสองกองหน้าระหว่างจังหวะตั้งเกม ก่อนจะค่อย ๆ ขยับไปอยู่ในตำแหน่งที่จะรับบอล เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากนักในการสร้างพื้นที่ให้ตัวเองในจังหวะนี้ แต่หลังจากรับบอลได้แล้ว เขาใช้การเร่งสปีดระยะสั้นเพียงครั้งเดียวก็สามารถตัดคู่แข่งอย่างฆาบี เกร์รา และอูโก้ ดูโร่ออกจากเกมได้ จากนั้นจึงจ่ายทะลุไปให้เซร์คิโอ โกเมซ ซึ่งเป็นผู้หมุนตัวและขับเคลื่อนเกมต่อทันที ตามคำนิยามแบบดั้งเดิม การกระทำของซูบีเมนดีในจังหวะนี้จะไม่ถูกนับว่าเป็น ‘การจ่ายบอลก้าวหน้า’ ถ้าไปดูในรายละเอียดปลีกย่อยจะพบว่าการจ่ายบอลจะถือว่าเป็นแบบก้าวหน้าได้นั้น ต้องไม่เริ่มจากพื้นที่ 40 เปอร์เซ็นต์ของฝั่งตัวเอง แต่สำหรับผู้ชมแล้ว จังหวะการเปลี่ยนสปีดและการจ่ายบอลไปข้างหน้าของเขานั้นเปลี่ยนแปลงเกมอย่างชัดเจน จากการตั้งเกมช้า ๆ กลายเป็นสถานการณ์สี่ต่อสี่ในแดนบนของสนาม ในตัวอย่างถัดไปนี้ ซึ่งเป็นเกมที่พบกับแอธเลติก คลับ ซูบีเมนดีแสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดมากยิ่งขึ้น และการเคลื่อนตัวออกไปด้านกว้างเพื่อรับบอลจากฮามารี ตราโอเร แบ็กขวา ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้เรอัล โซเซียดาดหลุดจากการเพรสซิ่งแบบแมน-ทู-แมนอย่างดุดัน อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะพาทีมหลุดออกจากสถานการณ์ที่อาจยากลำบาก และเริ่มต้นเกมรุกอย่างรวดเร็วด้วยการจ่ายบอลจังหวะแรกที่กล้าหาญ ซูบีเมนดีก็ยังคงไม่ได้รับเครดิตจากตัวชี้วัดการจ่ายบอลก้าวหน้าแบบดั้งเดิมในจังหวะนี้เช่นกัน เนื่องจากต้นทางของการจ่ายบอลอยู่ลึกเกินไปในแดนตัวเอง ข้อมูลจากระบบติดตามการเล่น สามารถช่วยเชื่อมช่องว่างระหว่างองค์ประกอบของเกมที่จับต้องยากในจังหวะตั้งเกม กับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติได้ โดยการวางเหตุการณ์ในเกมให้สัมพันธ์กับผู้เล่นคนอื่น ๆ ในสนาม ดูว่าการจ่ายบอลสามารถทำลายโครงสร้างแนวรับ ข้ามผ่านกองหลัง หรือหลุดจากแรงกดดันได้อย่างไร เราจะสามารถให้เครดิตกับผู้เล่นที่เปลี่ยนจังหวะของเกมได้ด้วยการจ่ายบอลแบบที่อาจถูกมองข้ามในระบบข้อมูลทั่วไป การจ่ายบอลทะลุแนวรับ (Line-breaking passes) คือจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่ง SkillCorner ให้นิยามว่าคือการจ่ายบอลที่พาบอลผ่าน ข้าม หรือเลี้ยวหลบแนวรับที่มีการจัดระเบียบมาอย่างดี ซูบีเมนดีมีสถิติจ่ายบอลประเภทนี้ในระดับสูงตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นรองแค่เปดรีของบาร์เซโลนาเท่านั้น ด้วยจำนวนทั้งหมด 157 ครั้งจากตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง และอยู่ในอันดับที่ 9 ของมิดฟิลด์ลาลีกาเมื่อคิดเป็นค่าเฉลี่ยต่อเกมที่ 4.7 ครั้ง ในคลิปด้านล่างจากเกมพบกับเซลต้า บีโก้ เราจะเห็นตัวอย่างที่ดีของความช่างสังเกตของซูบีเมนดีเมื่อครองบอล โดยเขาจ่ายบอลทะลุแนวรับถึง 3 ครั้งในระยะเวลาเพียง 8 วินาที หลังจากถอยลงมารับบอลในช่องว่างระหว่างกองหลังของทีมตัวเอง และสุดท้ายก็จ่ายบอลด้วยเท้าซ้ายไปถึงปาโบล มาริน แม้ว่าการจ่ายบอลเหล่านั้นจะไม่ได้พาบอลขึ้นหน้าไปได้ไกลนัก แต่แนวรับของเซลต้าก็ต้องเคลื่อนตัวออกมาเพื่อกดดันผู้รับบอลทุกครั้งที่ซูบีเมนดีเลือกเป้าหมาย พวกมันเป็นบอลที่มีเป้าหมายชัดเจน เป็นการทดสอบแนวรับ และในท้ายที่สุดก็เปิดพื้นที่ให้เกมรุกได้พัฒนาไปข้างหน้า เขายังสามารถเร่งจังหวะเกมและเล่นแบบตรงไปตรงมาได้อีกด้วย ดังที่แสดงให้เห็นจากการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมในเกมกับบาเลนเซีย อีกครั้ง ซูบีเมนดีถอยตัวเองลงไปช่วยแนวรับเพื่อให้การตั้งเกมง่ายขึ้น โดยเปิดทางให้เซ็นเตอร์แบ็กอย่างอีกอร์ ซูเบลเดีย จ่ายบอลได้ง่ายขึ้นภายใต้แรงกดดันจากฝ่ายตรงข้าม จากจุดนั้น ซูบีเมนดีวัย 26 ปี ก็จ่ายบอลด้วยเท้าซ้ายทะลุแนวรับ 2 ชั้นของคู่แข่ง ก่อนจะได้รับการตอกส้นคืนบอลอย่างงดงามจากมิเกล โอยาร์ซาบัล ซึ่งช่วยเปิดพื้นที่ให้กับเกมรุก ตามคำนิยามของแหล่งข้อมูลเหตุการณ์ส่วนใหญ่แล้ว จังหวะนี้ไม่ถือว่าเป็นการจ่ายบอลแบบก้าวหน้าในเชิงเทคนิค แต่ก็เป็นตัวอย่างของการจ่ายบอลที่กล้าหาญและมองไปข้างหน้า สิ่งที่ซูบีเมนดีมักไม่ค่อยได้รับเครดิต แน่นอนว่าเขาไม่ได้เล่นแบบนี้ตลอดเวลา และก็มีบางเกมที่คุณแทบไม่สังเกตเห็นว่าเขากำลังกระโดดจากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่งในจังหวะตั้งเกมลึก เพียงเพื่อเสนอทางเลือกให้เพื่อนร่วมทีมรับบอลและหลุดพ้นจากสถานการณ์บีบคั้น แต่เมื่อซูบีเมนดีมองเห็นโอกาสในการเปลี่ยนจังหวะเกม เขาก็สามารถทำได้ และก็มักจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์แผนที่การจ่ายบอลทะลุแนวรับ (Line-breaking passes) ของซูบีเมนดีช่วยอธิบายบทบาทของเขาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเขามักจะจ่ายบอลสั้นและเร็วเฉือนผ่านแนวรับแรกของคู่แข่ง ก่อนจะหันไปมองหาการจ่ายบอลยาวออกด้านข้างในตำแหน่งที่สูงขึ้นของสนาม เขาไม่ได้มีบทบาทมากนักในการพาบอลเข้าสู่เขตโทษของคู่แข่ง แต่จากการสังเกตด้วยสายตา ชี้ให้เห็นว่า สำหรับทีมที่เน้นการครองพื้นที่ในแดนคู่แข่งอย่างอาร์เซนอล ซึ่งคู่แข่งมักจะถอยลงต่ำ ซูบีเมนดีจะมีโอกาสมากขึ้นในการหาช่องจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมในพื้นที่อันตรายบริเวณตรงกลาง SkillCorner ยังสามารถช่วยวัดความสามารถของเขาในการพาบอลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยในฤดูกาลที่ผ่านมา เขาจ่ายบอลทะลุแนวรับแบบ "รวดเร็ว" ได้ถึง 77 ครั้ง โดยนิยามว่าเป็นการจ่ายบอลจังหวะแรก หรือภายในเวลาไม่เกินหนึ่งวินาทีหลังรับบอล มีเพียงลูก้า โมดริช กับเฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ จากเรอัล มาดริด และเปดรี จากบาร์เซโลนาเท่านั้น ที่ทำได้มากกว่าเขาในบรรดามิดฟิลด์ลาลีกา คลิปต่อไปนี้จากเกมกับมายอร์กา แสดงให้เห็นว่าซูบีเมนดีสามารถจัดการเท้าของตัวเองได้อย่างรวดเร็วเพื่อหลุดจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยเล่นจังหวะชิ่งหนึ่ง-สองกับลูก้า ซูซิช อย่างเฉียบคม ก่อนจะใช้เท้าซ้ายแตะบอลควบคุม แล้วจิ้มบอลทะลุไปให้แบ็กซ้ายไอเฮน มูญอซ จากนั้นเขาพาบอลทะลุแนวรับ และค่อย ๆ ดันขึ้นไปกับเกม จนในที่สุดก็จ่ายบอลแบบตักไปให้กับปีกอย่างอันเดร์ บาร์เรเน็ตเชีย อีกตัวอย่างหนึ่งของการที่ซูบีเมนดีช่วยเร่งจังหวะเกม เกิดขึ้นในเกมเยือนโอซาซูนา โดยเขาถอยต่ำลงมาเพื่อรับบอล และจ่ายบอลจังหวะแรกทะลุแนวกลางของคู่แข่ง แม้ว่าการจ่ายบอลนี้จะไม่อันตรายนักหากพิจารณาแยกเป็นจังหวะเดียว แต่มันคือความเร็วของการจ่ายบอลไปข้างหน้าที่ทำให้แนวเพรสซิ่งของฝ่ายตรงข้ามเสียจังหวะ และเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมในแนวบนขยับหาพื้นที่ได้ เดแคลน ไรซ์ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับอาร์เซนอลในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่สำหรับซูบีเมนดีนั้น การเล่นในจังหวะตั้งเกมดูเป็นธรรมชาติมาก เขามีพรสวรรค์ในการหนีแรงกดดัน และมีความเข้าใจเชิงสัญชาตญาณว่าควรจะพาบอลไปข้างหน้าอย่างไรและเมื่อใด สำหรับแฟนบอลอาร์เซนอลที่อาจกังวลกับตัวเลขสถิติบางอย่างที่ดูไม่น่าประทับใจ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะซูบีเมนดีมีความกล้าในการเล่นที่เสี่ยงมากกว่า และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยทีมบุก มากกว่าที่ตัวเลขเหล่านั้นจะสะท้อนให้เห็นในเบื้องต้น
-
เมื่อบรรดานักเตะใหม่ของอาร์เซนอลทยอยเข้าร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ การไล่ล่าตัว คริสเตียน มอสเกรา กองหลังของบาเลนเซียก็เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวทางการเสริมทัพล่าสุดของสโมสร นั่นคือการ เสริมความลึกของขุมกำลัง คริสเตียน นอร์การ์ด ที่เซ็นสัญญามาจากเบรนท์ฟอร์ด จะเข้ามาเพิ่มตัวเลือกในแดนกลางหลังการจากไปของ จอร์จินโญ่ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า จากเชลซี จะเป็นตัวสำรองที่ดีกว่า เนโต้ ซึ่งกลับไปบอร์นมัธหลังหมดสัญญายืมตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โนนี มาดูเอเก อีกหนึ่งการเสริมทัพที่เป็นไปได้จากเชลซี จะช่วยเพิ่มตัวเลือกในตำแหน่งริมเส้น เมื่อวันจันทร์ The Athletic รายงานว่าอาร์เซนอลกำลังพยายามปิดดีลกับมอสเกราให้สำเร็จ โดยเขาเป็นนักเตะทีมชาติสเปนรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ที่จะเข้ามาเป็น ตัวสำรองของวิลเลียม ซาลิบา ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กเท้าขวา เบน ไวท์ และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ (ซึ่งตอนนี้ออกจากทีมไปแบบไม่มีค่าตัวแล้ว) เคยสามารถเป็นตัวเลือกในตำแหน่งนี้ได้ในฤดูกาลที่แล้ว แต่ทั้งสองคนต้องพลาดการลงสนามเป็นเวลานานจากอาการบาดเจ็บที่เข่า สิ่งนี้ทำให้ มิเกล อาร์เตต้า ต้องใช้งาน เซ็นเตอร์แบ็กถนัดซ้ายสองคนยืนคู่กัน ในช่วงท้ายของฤดูกาล 2024-25 ซาลิบา ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามเนื่องจากบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (แฮมสตริง) ในเกมรองสุดท้ายของฤดูกาลที่อาร์เซนอลชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-0 โดยมี ริคคาร์โด คาลาฟิออริ ลงมาแทน ยาคุบ คีวีออร์ ซึ่งถนัดเท้าซ้ายและก่อนหน้านี้เป็นตัวแทนของ กาเบรียล มากัลเญส ที่บาดเจ็บแฮมสตริงตั้งแต่เดือนเมษายน ก็ต้องขยับมาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กฝั่งขวาแทน กองหลังทีมชาติโปแลนด์รายนี้ยังต้องเล่นในตำแหน่งเดิมอีกครั้งในเกมปิดฤดูกาลที่อาร์เซนอลชนะ เซาแธมป์ตัน 2-1 ซึ่งคาลาฟิออริพลาดลงสนามเพราะมีอาการฟกช้ำที่เข่า แม้ว่าคีวีออร์จะทำผลงานได้ดีเมื่อถูกขยับมาเล่นฝั่งขวา แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็แสดงให้เห็นถึง ความขาดแคลนตัวสำรองในตำแหน่งของซาลิบา อาร์เตต้าได้พยายามเสริมแนวรับอย่างต่อเนื่องในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่การบาดเจ็บต่อเนื่องของผู้เล่นแนวรับก็ยังคงเป็นอุปสรรค จึงอธิบายได้ว่าทำไมสโมสรถึงยังคงมองหาตัวเลือกเพิ่มเติมในตำแหน่งนี้ มอสเกรา วัย 21 ปี มีข้อดีคือสามารถเล่นได้ทั้ง เซ็นเตอร์แบ็กฝั่งขวาและฝั่งซ้าย เขาถนัดเท้าขวา และก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของบาเลนเซียในตำแหน่งฝั่งขวา โดยแทนที่อดีตแนวรับของอาร์เซนอล กาเบรียล เปาลิสต้า ต่อมาเขาถูกขยับมาเล่นฝั่งซ้ายในฤดูกาลที่ผ่านมาเนื่องจากการแจ้งเกิดของ เซซาร์ ตาร์เรกา กองหลังวัย 23 ปี กราฟิกด้านล่างแสดงให้เห็นว่า บาเลนเซียใช้มอสเกราในตำแหน่งใดบ้างตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา The Athletic ได้อธิบายถึง มอสเกรา ว่าเป็นกองหลังประเภท "ตั้งรับแบบระมัดระวัง" เมื่อมีข่าวว่าอาร์เซนอลให้ความสนใจในตัวเขา แต่คำว่า "ตั้งรับแบบระมัดระวัง" ไม่ได้หมายความว่าเขาปล่อยให้กองหน้าดวลตัวต่อตัวหรือเล่นอย่างตั้งรับมากเกินไป แต่หมายถึงว่า เขาเลือกจังหวะในการเข้าบอลอย่างชาญฉลาด ตัวอย่างเช่น ในกราฟด้านล่าง เขามีอันดับค่อนข้างต่ำในลาลีกาสำหรับสถิติ ‘True tackles’ ซึ่งรวมถึงการแท็คเกิลที่ชนะ, แพ้ และฟาวล์ในจังหวะที่พยายามแท็คเกิล รวมถึงสถิติ ‘True Interceptions’ (การตัดบอล + บล็อกการจ่ายบอล) ต่อ 1,000 ครั้งที่ฝ่ายตรงข้ามสัมผัสบอล แม้สถิติเหล่านี้จะไม่สูง แต่ อัตราการแท็คเกิลสำเร็จ (True-Tackle win rate) ที่สูง ของเขาแสดงให้เห็นว่าเขา มีประสิทธิภาพที่สูงมาก นอกจากนี้ เขายังมีสถิติ การแย่งบอลคืนสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถในการแย่งบอลหรือเก็บบอลจังหวะสองได้ดี ลักษณะการเล่นในรูปแบบนี้ของมอสเกราจะ โดดเด่นมากขึ้นเมื่อเขาเล่นในฝั่งขวาของแนวรับ แม้ว่าแผนการเล่นหลักของบาเลนเซียจะเป็นระบบ 4-4-2 แต่บางครั้งพวกเขาก็ใช้แผงหลัง 5 คน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมที่พวกเขาเอาชนะ เรอัล มาดริด 2-1 ที่ซานติอาโก เบร์นาเบว เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งเกิดขึ้นก่อนเกมที่อาร์เซนอลเอาชนะเรอัล มาดริดในรอบก่อนรองชนะเลิศนัดแรกของแชมเปี้ยนส์ลีกเพียง 3 วัน มอสเกราได้เล่นเป็นกองหลังฝั่งขวาในระบบแบ็กทรีของเกมที่ชนะมาดริด โดยมีหน้าที่รับมือกับ วินิซิอุส จูเนียร์ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะ ชอบความท้าทายนี้เป็นพิเศษอเขากล้าป้องกันพื้นที่กว้าง ๆ บนริมเส้นกับวินิซิอุสในครึ่งแรก โดย บังคับให้วินิซิอุสพาบอลออกด้านนอก เขาวิ่งตามทัน และแย่งบอลกลับมาได้สำเร็จ ในนาทีแรกของครึ่งหลัง บาเลนเซียยังคงรักษารูปแบบของทีมไว้ วินิซิอุสพยายามหาพื้นที่ระหว่างแนวรับกับแดนกลาง แต่ มอสเกรารับรู้ถึงอันตรายทันที และเข้าแย่งบอลในจังหวะแรกได้เร็ว ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม เอ็มบัปเป้ได้บอลฝั่งซ้ายและเตรียมจะเร่งเกมรุก มอสเกราส่งสัญญาณให้ ตาร์เรกา อยู่กับที่ แล้วเขาก็วิ่งสปีดกลับมาไล่บอล กองหลังดาวรุ่งรายนี้ไล่ตามทัน ชะลอความเร็วของเอ็มบัปเป้ลง และ บังคับให้เขาส่งบอลเสียไปแบบไม่จำเป็น นี่เป็นจังหวะที่อาจถูกมองข้ามได้ง่าย เพราะมันไม่ใช่การแท็คเกิล แต่จังหวะนี้ ทำให้บาเลนเซียยังคงเสมออยู่ และนำไปสู่ ประตูชัยในนาทีที่ 90 ในเวลาต่อมา ในขณะที่อาร์เซนอลมีความเหนือกว่าคู่แข่งมากขึ้นในแดนของฝ่ายตรงข้าม แนวรับของพวกเขาก็เริ่มต้นการยืนตำแหน่งในจุดที่สูงขึ้นในแต่ละฤดูกาล นั่นทำให้ ความสามารถในการป้องกันพื้นที่กว้าง เช่นในจังหวะที่ มอสเกรา รับมือกับ เอ็มบัปเป้ กลายเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความ มั่นใจในการป้องกันเชิงรุก ที่บริเวณเส้นกลางสนามหรือล้ำขึ้นไป ซึ่งมอสเกราแสดงให้เห็นแล้วกับบาเลนเซียว่าเขาทำได้ ด้านล่างเป็นตัวอย่างจากเกมส์กับ บียาร์เรอัล ซึ่งตอนนั้นเขาเล่นทางฝั่งซ้าย และสามารถเริ่มต้นจังหวะเกมรุกให้กับทีมได้ เมื่อถูกใช้งานเป็นเซ็นเตอร์แบ็กฝั่งซ้าย มอสเกรา จะมีรูปแบบการป้องกันที่แตกต่าง จากฝั่งขวาเล็กน้อย แทนที่จะรอจังหวะเหมาะเพื่อแย่งบอล เขาอาจเลือก เสี่ยงเข้าบอลทันที แม้จะอยู่ฝั่งที่ไม่ถนัด ช่วงขายาวของเขาช่วยให้เขาแก้สถานการณ์บางจังหวะได้ดี อย่างที่เห็นในเกมกับทีมชาติคาซัคสถานชุด U21 อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่าเขายังเป็น กองหลังดาวรุ่ง และบางครั้ง การเล่นที่ดูโดดเด่นก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป ในอีกเกมหนึ่งที่พบกับ โอซาซูน่า ในลาลีกา เขาพยายามใช้การเข้าสกัดในรูปแบบเดียวกันนี้ และ ทำให้เสียจุดโทษแบบไม่มีข้อกังขา อีกหนึ่งด้านที่มอสเกราต้องพัฒนาคือ ความสามารถในลูกกลางอากาศ แม้เขาจะมีส่วนสูงถึง 188 เซนติเมตร (6 ฟุต 2 นิ้ว) ตามข้อมูลจาก FBref แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา เขาอยู่ใน อันดับที่ 57 จากกองหลังตัวกลาง 62 คนในลาลีกา ด้านอัตราการชนะการดวลกลางอากาศ โดยมีค่าเฉลี่ยเพียง 51.4% เมื่อเปรียบเทียบกับแนวรับของอาร์เซนอล ซาลิบา มีอัตราการชนะลูกกลางอากาศที่ 62% และอยู่อันดับที่ 22 จาก 64 คนในพรีเมียร์ลีก กาเบรียล มีอัตรา 59% อยู่ในอันดับที่ 34 สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องเข้าใจคือ การที่กองหลังชนะการดวลลูกกลางอากาศ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักษาการครอบครองบอลไว้ได้เสมอ บางครั้งการสัมผัสบอลเพียงเล็กน้อยอาจเพียงพอในการให้ทีมได้กลับมาครอบครองบอล ตัวอย่างเช่น บ่อยครั้งที่เราเห็น ซาลิบา หรือ กาเบรียล เข้าสกัดศูนย์หน้าฝ่ายตรงข้ามกลางอากาศโดย ไม่ได้ตั้งใจจะโหม่งบอลให้ได้ก่อน แต่เพื่อ ก่อกวนการเล่นของกองหน้า แล้วปล่อยให้บอลตกไปที่เพื่อนร่วมทีมที่ยืนอยู่ด้านหลัง หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ มอสเกรา มีอันดับต่ำในการดวลกลางอากาศ ก็มาจาก วิธีการที่เขาใช้ในสถานการณ์แบบนั้น แทนที่จะกระโดดขึ้นแย่งโหม่งโดยตรงกับกองหน้าฝ่ายตรงข้าม เขามักใช้ ช่วงขายาวของตัวเองล้อมด้านข้างแล้วพยายามสัมผัสบอล อย่างในตัวอย่างด้านล่าง วิธีนี้ บางครั้งก็ได้ผลดี แต่บางครั้งก็ทำให้เขา ตกอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบ ในด้านการครอบครองบอล มอสเกรา ผ่านบอลไปข้างหน้าได้มากขึ้นในฤดูกาลล่าสุด (คิดเป็น 10.3% ของการผ่านบอลทั้งหมด เป็นการผ่านบอลแบบข้างหน้า เทียบกับ 7.6% ในฤดูกาลก่อนหน้า) ความแม่นยำในการผ่านบอล ก็เพิ่มขึ้นจาก 89% เป็น 91.8% ความกล้าที่จะผ่านบอลขึ้นหน้า เห็นได้ชัดเมื่อเขาเล่นในระบบหลังสาม อย่างไรก็ตาม เขายังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอยู่บ้าง เช่น แม้เขาสามารถผ่านบอลเข้าแดนกลางได้ แต่บางครั้งก็ผ่านไปในลักษณะที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องพยายามอย่างมากในการคอนโทรลบอล เขายังมีบางจังหวะที่ สัมผัสบอลแรกพลาด และ เสียบอลให้คู่แข่งใกล้เส้นกลางสนาม โดยหนึ่งในจังหวะเหล่านี้ นำไปสู่การเสียประตูให้กับเรอัล บายาโดลิด นอกจากความเหมาะสมด้านสไตล์การเล่นแล้ว ประสบการณ์กับทีมชุดใหญ่ของบาเลนเซีย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้อาร์เซนอลมั่นใจมากขึ้น เขาลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 90 นัด ถือเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยสำหรับนักเตะอายุน้อย และแม้ยังมีจุดให้พัฒนาเหมือนนักเตะดาวรุ่งทั่วไป แต่เขาก็ถือว่ามีประสบการณ์ในระดับหนึ่งแล้ว ตัวอย่างเช่น คาลาฟิออริ และ คีวีออร์ ต่างก็เป็นกองหลังดาวรุ่งที่ พิสูจน์แล้วว่าสามารถเป็นตัวเลือกสำคัญในทีมได้ ทั้งสองคนถนัดเท้าซ้าย ตอนนี้ถึงเวลาที่อาร์เซนอลต้องการ ตัวแทนถนัดเท้าขวา มอสเกรายังไม่ใช่นักเตะที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเหตุใดอาร์เซนอลจึง ระบุชื่อเขาไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับบทบาทนี้
-
KhaoAoTz joined the community
-
เยอเกอเรสใกล้จะย้ายมาร่วมทีมแล้วหรือยัง? อาร์เซนอลกำลังจะได้กองหน้าหมายเลข 9 คนใหม่ในที่สุด ข้อตกลงในหลักการได้บรรลุแล้วกับสปอร์ติง ลิสบอน อาร์เซนอลจะจ่ายค่าตัวแบบคงที่จำนวน 63.5 ล้านยูโร (54.8 ล้านปอนด์ หรือ 74.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) บวกกับโบนัสตามผลงานอีก 10 ล้านยูโร (8.6 ล้านปอนด์ หรือ 11.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการคว้าตัววิคตอร์ เยอเกอเรส มิเกล อาร์เตต้า มีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะเซ็นสัญญากองหน้าตัวเป้าทันก่อนที่ทีมจะเริ่มเตรียมความพร้อมช่วงปรีซีซั่นส่วนใหญ่ และตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปได้แล้ว อาร์เซนอลหวังว่าจะปิดดีลได้ทันเวลาที่จะพาเยอเกอร์เรสเดินทางไปกับทีมในวันเสาร์นี้ ซึ่งเป็นวันที่ทีมจะออกเดินทางไปสิงคโปร์ มีอะไรเกิดขึ้นอีกบ้างในสัปดาห์นี้? เป็นสัปดาห์ที่วุ่นวายอย่างมากในเรื่องตลาดนักเตะ อาร์เซนอลได้ตกลงดีลในการคว้าตัวโนนี มาดูเอเก้จากเชลซีเรียบร้อยแล้ว โดยอาร์เซนอลจะจ่ายค่าตัวเริ่มต้นที่ 48.5 ล้านปอนด์ (65.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมกับโบนัสตามผลงานอีก 3.5 ล้านปอนด์ คาดว่ามาดูเอเก้จะเซ็นสัญญาก่อนที่อาร์เซนอลจะออกเดินทางไปทัวร์เอเชีย แต่เนื่องจากเขาเพิ่งลงเล่นในศึก FIFA Club World Cup จึงอาจจะยังไม่เข้าร่วมกับทีมจนกว่าจะเดินทางกลับจากเอเชีย อาร์เซนอลยังคงเดินหน้าเพื่อปิดดีลการเซ็นสัญญากับคริสเตียน มอสเกรา เซ็นเตอร์แบ็กของบาเลนเซีย โดยได้มีการตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับนักเตะวัย 21 ปีรายนี้เรียบร้อยแล้ว และทั้งสองสโมสรก็ใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันเต็มที มอสเกราเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเท้าขวา ที่สามารถเล่นได้ทั้งสองฝั่งของแนวรับในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก และเขาจะเข้ามาเพิ่มการแข่งขันและเป็นตัวสำรองให้กับคู่เซ็นเตอร์ตัวหลักอย่างกาเบรียล และวิลเลียม ซาลิบา พวกเขายังมองหานักเตะในตำแหน่งไหนอีกบ้าง? หากอาร์เซนอลสามารถคว้าตัว วิคตอร์ เยอเกอเรส, โนนี มาดูเอเก้ และคริสเตียน มอสเกรา มาร่วมทีมเพิ่มเติมจากการเซ็นสัญญาก่อนหน้านี้กับ มาร์ติน ซูบีเมนดี, เกปา และ คริสเตียน นอร์การ์ด ได้สำเร็จ พวกเขาก็จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการในหลายตำแหน่งได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ปิดตลาดนักเตะ อาร์เซนอลยังคงพิจารณาการเสริมผู้เล่นในแนวรุกเพิ่มเติม ความสนใจในตัวนักเตะอย่าง โรดรีโก และ เอเบเรชี เอเซ ยังคงมีอยู่ แต่ดีลเหล่านี้อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงต้นของตลาดซื้อขาย และอาจขึ้นอยู่กับการขายนักเตะบางรายออกจากทีมด้วย นักเตะคนใดบ้างที่อาจย้ายออกจากทีม? อาร์เซนอลเปิดรับข้อเสนอสำหรับนักเตะตัวหลัก 4 คนที่ถูกปล่อยยืมตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ได้แก่ คาร์ล ไฮน์, อัลเบิร์ต แซมบี โลคองกา, ฟาบิโอ วิเอรา และ รีสส์ เนลสัน นอกจากนี้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ก็อาจจะย้ายออกจากทีมเช่นกัน โดย ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี และ ริคคาร์โด คาลาฟิออริ ดูเหมือนจะอยู่ในลำดับที่เหนือกว่าเขาสำหรับตำแหน่งแบ็คซ้าย ในส่วนของ ยาคุบ คีวีออร์ ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการย้ายทีม แต่เขาได้แสดงให้เห็นในช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วว่าเขาสามารถเป็นตัวแทนของ กาเบรียล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความน่าสนใจบางประการเกี่ยวกับนักเตะริมเส้นฝั่งซ้ายสองคน คือ กาเบรียล มาร์ติเนลลี และ เลอันโดร ทรอสซาร์ ทาง มิเกล อาร์เตต้า ให้คุณค่ากับผู้เล่นทั้งสองคนนี้ แต่หากการขายใครคนหนึ่งสามารถเปิดทางให้ดีลเป้าหมายที่เหลือของอาร์เซนอลเกิดขึ้นได้ สถานการณ์ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ณ ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญ มาร์ติเนลลี เป็นหนึ่งในหลายชื่อที่บาเยิร์น มิวนิค กำลังพิจารณาสำหรับตำแหน่งปีกซ้าย แต่ก็ยังไม่ได้มีความคืบหน้ามากไปกว่านี้ นักเตะดาวรุ่งหลายคนได้มาร่วมฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ที่ลา มังก้า ซึ่งในกลุ่มนี้ รวมถึง มัลดินี คาชูรี เซ็นเตอร์ฮาล์ฟวัย 19 ปี บางคนอาจพร้อมสำหรับการย้ายทีมแบบยืมหรือถาวรก่อนตลาดซื้อขายจะปิดตัวลง
-
Nazgul77 joined the community
-
เทพเดวิดคอนเฟิร์มอาร์เซน่อลบรรลุข้อตกลงคว้า "เยอเกเรส" ได้แล้ว 55 ล้านปอนด์
admin replied to admin's topic in GUNNER NEWS
✅ Kepa Arrizabalaga 5 ล้าน ✅Martin Zubimendi 55 ล้าน ✅Christian Norgaard 10 ล้าน ⏳Noni Madueke 48 ล้าน ⏳Viktor Gyökeres 55 ล้าน ⏳Cristhian Mosquera 17 ล้าน 6 ดีลที่กำลังจะปิดครบใช้เงินไป 190 ล้านปอนด์ (คิดเฉพาะเงินต้น) แล้วมีดีลเอเซ่เหลืออีกดีล ก็อาจจะต้องใช้เงิน 230-240 ล้านปอนด์ ก็ยังเป็นไปได้ แต่ต้องเริ่มปล่อยขาออกบ้างแล้ว