All Activity
- Yesterday
-
มาร์ก้า (MARCA) สื่อดังของประเทศสเปน รายงานข่าวว่า อันเดรีย แบร์ต้า ผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซน่อล บรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว วิคตอร์ โยเคเรส ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกองหน้าจอมถล่มประตูของสปอร์ติ้ง ลิสบอน มีค่าตัว 71 ล้านยูโร Pedro Almeida นักข่าวชาวโปรตุเกส ก็ยืนยันเช่นกันว่า ระหว่างอาร์เซน่อล กับสปอร์ติ้ง ลิสบอน สามารถตกลงค่าตัวของ โยเคเรส ได้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ฝั่ง A BOLA สำนักข่าวของโปรตุเกส บอกเพิ่มเติมว่า โยเคเรส อยากเข้าร่วมโปรเจ็กต์ที่สโมสรอาร์เซน่อล หลังจากได้มีการพูดคุยกับ มิเกล อาร์เตต้า สายวงในของปารีส แซงต์แชร์กแม็ง ออกมาเปิดเผยว่า โจเอล ออร์โดเนซ เซ็นเตอร์ ชาว เอกวาดอร์ ของคลับ บรูกก์ วัย 21 ปี ได้ ตกลงทางวาจากับทางอาร์เซน่อลแล้ว แต่ทาง PSG กำลังพยายามโน้มน้าวให้นักเตะเปลี่ยนใจ @ExWHUEmployee สายข่าววงในของสโมสรเวสต์แฮม ก็บอกว่า อาร์เซน่อล ให้ความสนใจ โจเอล ออร์โดนเนซ จริง โดยเขาได้ข้อมูลยืนยันจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ESPN โรดรีโก้ ปีกทีมชาติบราซิล ไม่ต้องการที่จะเล่นในตำแหน่งที่ตัวเองไม่ถนัดที่เรอัล มาดริด แหล่งข่าวบอกกับ ESPN ว่า โรดรีโก้ ต้องการเล่นในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้าย โดยเขาเชื่อว่าจะทำให้เขาสามารถโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้ สำหรับฤดูกาลนี้ โรดริโก้ ถูกโยกมาเล่นฝั่งขวาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการมาของ คิลิยาน เอ็มบัปเป้ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ รายงานข่าวว่า เรอัล มาดริด ได้ส่งข้อเสนออย่างเป็นทางการให้กับ ดีน ฮุยเซ่น ปราการหลังของบอร์นมัธพิจารณาแล้ว การเจรจายังคงดำเนินต่อไป ขณะที่อาร์เซน่อล เชลชี และลิเวอร์พูล ต่างพร้อมที่จะกระโดดเข้ามาร่วมวง อย่างไรก็ตามตัวนักเตะให้ความสำคัญกับทางมาดริดก่อน นอกจากนี้โรมาโน่ยังอัพเดทเกี่ยวกับ ซาบี้ ซิมอนส์ กองกลางตัวรุกของแอร์เบ ไลป์ซิก ที่พร้อมจะย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากต้นสังกัดพลาดโควต้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกในฤดูกาลหน้า เขาพร้อมที่จะย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และยังมีทางบาเยิร์น ที่กำลังจับตามองสถานการณ์อยู่ ชาร์ล วัตต์ สายข่าวอาร์เซน่อลจาก Goal.com บอกว่า ดาบิล ราย่า ผู้รักษาประตูทีมชาติสเปนของอาร์เซน่อล จะเปลี่ยนมาสวมเสื้อหมายเลข 1 ในฤดูกาลหน้า มัตเตโอ โมเร็ตโต้ นักข่าวดังจาก Relevo บอกว่า อัลเบิร์ต แซมบี้ โลกองก้า จะไม่ได้อยู่กับเซบีญ่าต่อ หลังจากหมดสัญญายืมตัว ดังนั้นเขาจะกลับไปยังต้นสังกัดอาร์เซน่อล เพื่อรอการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตต่อไป SKY GERMANY อาร์เซน่อล เพิ่มรายชื่อของ ฆวน ฆิมิเนส เซนเตอร์แบ็คชาวอาร์เจนไตน์วัย 18 ปี ของสโมสรโรซาริโอ เซ็นทรัล และวิกเตอร์ วัลเดปนาญาส เซนเตอร์แบ็คดาวรุ่งวัย 18 ปีของสโมสรเรอัล มาดริด คาติญา เป็นเป้าหมายในการเสริมทัพของสโมสรในอนาคต แฟนบอลอาร์เซน่อล ที่เขาไปชมการฝึกซ้อมของนักเตะอาร์เซน่อลที่สนามเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม เมื่อวาน ได้ปีนไปแอบถ่ายภาพ ชุดแข่งใหม่ของอาร์เซน่อล ที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้ ก่อนที่จะใส่ประเดิมในเกมส์กับนิวคาสเซิ่ล สุดสัปดาห์นี้
- Last week
-
PREMIER LEAGUE 2024/25 Liverpool 2 - 2 Arsenal Sun 11 May 2025, 22.30 น. GOAL: 1-0 โคดี้ กัคโป (นาทีที่ 20) 2-0 หลุยซ์ ดิอาซ (นาทีที่ 21) 2-1 กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (นาทีที่ 48, ทรอสซาร์) 2-2 มิเกล เมริโน่ (นาทีที่ 70) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 7.0 ออกแรงเซฟลูกยากๆ ตั้งแต่ต้นเกมส์ แต่สองประตูที่เสียให้กับลิเวอร์พูลแบบติด ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย เซฟลูกโขกของฟาน ไดจ์ ได้อย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าโรเบิร์ตสันยิงซ้ำเข้าไป แต่ VAR มองว่ามีการฟาล์วไปก่อนแล้ว วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 อาจจะมีเมาหมัดหน่อยในช่วงที่ลิเวอร์พูลมาได้ประตูติดๆ กันในช่วงนาทีที่ 20 แต่ภาพรวมซาลิบายังทำได้ดีในหลายๆ จังหวะ โดยเฉพาะเวลาที่ลิเวอร์พูลได้โต้กลับมา ซาลิบาก็ช่วยชะลอเอาไว้ได้ ยาคุบ คิวิออร์: 6.5 อาจจะมีปัญหานิดหน่อย ช่วงกลางครึ่งแรกที่ลิเวอร์พูลทำได้ดีมาก บอลทะลุทะลวงเจาะแนวรับอาร์เซน่อลได้หลายหน แต่ภาพรวมคิวิออร์ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี การออกบอลก็ทำได้โอเค ไม่มีข้อผิดพลาด ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 6.0 ครึ่งเวลาแรกมีปัญหาอยู่เหมือนกับการบอลไดเร็กซ์ของฝั่งเจ้าบ้านที่ทิ้งมาให้กับซาล่าห์ ทำให้เขาต้องอยู่ในสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่งหลายหน มีหนนึงที่เอาไม่อยู่ ต้องเสียใบเหลือง ครึ่งหลังไมล์สทำได้ดีขึ้นในการชิงจังหวะกับซาล่าห์ เบน ไวท์: 7.0 จังหวะเสียประตูแรก เสียสมาธิกันไปหน่อยระหว่างเขากับซาลิบา เพราะจะสลับคืนตำแหน่ง กลายเป็นไม่พร้อมจะเล่น ปล่อยให้กัคโปได้โขกโล่งๆ แต่ครึ่งหลังไวท์ เล่นได้เหมือน เสือขาวที่เรารู้จัก กล้ากระชาก กล้าลุยเข้าพื้นที่ด้านใน ความเหนียวแน่นในเกมส์รับก็ดูจะดีขึ้น โธมัส ปาร์เตย์: 6.5 พี่หมึกเก็บบอลจังหวะสองได้ดี มีจังหวะไปฉกบอลหน้ากรอบประตูลิเวอร์พูลได้ด้วย แต่ดันไปกั๊กกับทรอสซาร์เลยพลาดโอกาสทองไป เกมส์นี้ก็ยังเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเอง มิเกล เมริโน่: 6.0 ค่อนข้างช้าอยู่ในบางจังหวะ แล้วดูจะไม่ค่อยเข้าใจในการประสานงานกับมาร์ติเนลลี่ แต่ก็เป็นเมริโน่ที่เป็นคนยิงตีเสมอ 2-2 แล้วเป็นเมริโน่ที่ไปโดนใบเหลืองสองในช่วง 10 นาทีสุดท้าย มาร์ติน โอเดการ์ด: 7.5 (C) ครึ่งแรกโอเดการ์ดก็ยังทรงเดิมๆ คือไม่ค่อยดีสักเท่าไร แต่ช่วงครึ่งหลังโดยเฉพาะในช่วงที่บี้จะเอาประตูตีเสมอ เราค่อยได้เห็นโอเดการ์ดร่างเดิมที่เราคุ้นเคยหน่อย ประตูตีเสมอ 2-2 ก็มีส่วนจากลูกยิงไกลของเขา แล้วเมริโน่เข้าซ้ำดาบสอง ทดเจ็บเกือบยิงประตูชัยได้ด้วย แต่ลูกยิงนอกกรอบหลุดเสาไปนิดเดียว กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 7.0 ครึ่งแรกจังหวะตัวต่อตัวไม่ผ่านแบรดลี่ย์ได้เลยสักครั้ง ต้นครึ่งหลังสลับตำแหน่งกับทรอสซาร์ เข้ามาเล่นตรงกลาง แล้วเป็นเขาที่โขกตีไข่แตกให้ทีมไล่มา 1-2 การเอามาร์ตี้มาเล่นกองหน้าแล้วมันดูเข้าทางเลย จังหวะวิ่งทะลุไลน์กดดันแนวรับเจ้าถิ่นได้ดีเลย บูกาโญ ซาก้า: 6.5 น่าจะยิงให้ทีมนำไปก่อนตั้งแต่ไม่กี่นาทีแรกของเกมส์ จากจังหวะลูกสูตรเตะมุมที่หลอกแนวรับลิเวอร์พูลได้หมด แต่ซาก้ายิงหลุดเสาออกไป ซาก้าก็มีหลายจังหวะที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวลุยไปได้ดี แต่จังหวะลุ้นยิงประตู ซาก้าทำได้ไม่ค่อยดี เลอันโดร ทรอสซาร์: 7.0 เป็นคนที่ได้บอลเยอะมาก มีบทบาทในเกมส์รุกตลอดในครึ่งเวลาแรก แต่บางครั้งทรอสซาร์ก็เล่นหลายจังหวะไปหน่อยในแดนสุดท้าย ครึ่งหลังสลับตำแหน่งกับมาร์ติเนลลี่ แล้วกลายเป็นการประสานงานของคู่นี้ ทำให้ทีมตีไข่แตกได้เร็ว ท้ายๆ เกมส์เหมือนจะเจ็บแฮมสตริงจนเล่นต่อไม่ไหว ตัวสำรอง: ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.0 (นาทีที่ 78, ไวท์) คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.0 (นาทีที่ 78, ทรอสซาร์) โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: N/A (นาทีที่ 88, ซาก้า) ดูบอลสดฟรี
-
อาร์เซน่อลเข้าใกล้ความสำเร็จอีกครั้ง แต่ความพ่ายแพ้ในรอบรองชนะเลิศของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกต่อปารีส แซงต์-แชร์กแมง หมายความว่ามันเป็นเวลาห้าปีแล้วที่มิเกล อาร์เตต้าและลูกทีมไม่ได้สัมผัสถ้วยรางวัล ความพ่ายแพ้รวมสองนัด 3-1 ของเดอะกันเนอร์ส เกิดขึ้นในช่วงสุดท้ายของฤดูกาลที่พวกเขาเคยเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกมาอย่างยาวนาน แต่ตอนนี้พวกเขาตามหลังลิเวอร์พูลที่คว้าแชมป์ไปแล้วถึง 15 แต้ม โดยเหลือการแข่งขันอีกเพียง 3 นัด เมื่อถึงจุดนี้ในฤดูกาลที่แล้ว พวกเขามีอยู่ 80 คะแนน ซึ่งมากกว่าตอนนี้ถึง 13 แต้ม แล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป? พวกเขาจะก้าวไปสู่ระดับถัดไปได้หรือไม่? และพวกเขากำลังมองหานักเตะคนไหนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม? นี่จะเป็นช่วงซัมเมอร์ที่สำคัญอย่างยิ่ง และอันเดรีย แบร์ต้า ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากแอตเลติโก มาดริดเมื่อเดือนมีนาคม จะกลายเป็นบุคคลสำคัญของสโมสร ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูแผนการของอาร์เซน่อล ณ ตอนนี้ ซึ่งถูกรวบรวมมาจากแหล่งข่าวหลายแห่ง — โดยไม่แปลกใจเลยว่าศูนย์หน้าคือเป้าหมายอันดับหนึ่ง โดยมีชื่อของอเล็กซานเดอร์ อิซัค, เบนจามิน เซสโก้ และวิคเตอร์ ยอเคเรส ที่ได้รับความสนใจ อิซัค เป้าหมายในฝัน ไม่ใช่ความลับที่อาร์เซน่อลต้องการทุ่มงบก้อนโตในช่วงซัมเมอร์นี้เพื่อคว้าศูนย์หน้าคนใหม่ เป้าหมายสูงสุดของอาร์เตตาคือ อิซัค กองหน้าจากนิวคาสเซิล และการย้ายทีมของกองหน้าทีมชาติสวีเดนรายนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากทีมงานในสโมสร แหล่งข่าววงในบอกกับ BBC Sport ว่า อิซัคเปิดกว้างที่จะย้ายมาอยู่ลอนดอน แม้จะมีตัวเลือกอื่นด้วยเช่นกัน โดยลิเวอร์พูลก็ให้ความสนใจ แต่ปัญหาที่ทุกสโมสรจะเจอคือ “ราคา” ที่อาร์เซน่อลมีการยอมรับว่าการเซ็นสัญญากับอิซัคอาจใช้หมดงบประมาณหลักของซัมเมอร์ และเมื่อยังมีตำแหน่งอื่นที่ต้องเสริม โอกาสในการปิดดีลกับแข้งวัย 25 ปีก็อาจมีไม่มาก นิวคาสเซิลยืนยันว่า อิซัคซึ่งยังเหลือสัญญาอีก 3 ปี ไม่ได้อยู่ในตลาด หากนิวคาสเซิลคว้าตั๋วแชมเปียนส์ลีก ก็จะทำให้การคว้าตัวเขายิ่งยากขึ้น แต่ในโลกฟุตบอล เงินคือสิ่งสำคัญ และอาร์เซน่อลก็ยังไม่ปิดโอกาสในการคว้าตัวอิซัค เซสโก้และโยเคเรส คือทางเลือกจริงจัง อาร์เซน่อลมีตัวเลือกอื่นนอกจากอิซัค ได้แก่ เบนจามิน เซสโก้ จากแอร์เบ ไลป์ซิก และวิคเตอร์ โยเคเรส จากสปอร์ติ้ง ลิสบอน เซสโก้เคยเกือบย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อซัมเมอร์ก่อน และอาร์เซน่อลสอบถามอีกครั้งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ไลป์ซิกยืนยันไม่ขาย แข้งทีมชาติสโลวีเนียวัย 21 ปี ยิงไปแล้ว 26 ประตูในฤดูกาลนี้ ซึ่งดีกว่าปีที่แล้วที่ทำได้ 23 ประตู เขาเหมาะกับแผนระยะยาวทั้งด้านอายุและการพัฒนา แต่การมาของแบร์ต้าทำให้ชื่อของโยเคเรส เด่นขึ้นมา โดยมีเสียงสนับสนุนภายในสโมสรเพิ่มขึ้น แม้ก่อนหน้านี้จะมีการเตรียมงานไว้กับเซสโก้แล้ว ทั้งสองคนมีค่าฉีกสัญญา แต่มีแนวโน้มว่าสโมสรของพวกเขาพร้อมเจรจาค่าตัวที่ต่ำกว่านั้น ล่าสุด มีรายงานว่าโยเคเรส ที่ยิงไป 38 ประตูในลีกฤดูกาลนี้ คือดีลที่คุ้มค่าที่สุด อย่างไรก็ตาม อายุที่ใกล้จะ 27 ของเขาก็เป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาในเชิงการลงทุน อาร์เซน่อลยังมองหาปีก โดยนิโก้ วิลเลียมส์ ของแอธเลติก บิลเบา คือเป้าหมายจริงจัง ดาวเตะทีมชาติสเปนมีค่าฉีกสัญญา 58 ล้านยูโร (ประมาณ 49 ล้านปอนด์) แต่ค่าเหนื่อยของเขาจะทำให้กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับค่าจ้างสูงสุดของสโมสร นอกจากนี้ เจมี่ กิตเทนส์ ของดอร์ทมุนด์ก็เป็นอีกชื่อที่ได้รับความสนใจ การมาของซูบีเมนดี้ และแนวรับที่ต้องตัดสินใจ อาร์เซน่อลเตรียมเสริมแผงมิดฟิลด์ โดยมีแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว มาร์ติน ซูบีเมนดี้ คาดว่าจะย้ายมาจากเรอัล โซเซียดาด ซึ่งดีลนี้ถูกดำเนินการโดยผู้อำนวยการกีฬาคนก่อนหน้าอย่างเอดู และเจสัน ไอโตที่ทำหน้าที่ชั่วคราว ซูบีเมนดี้ วัย 26 ปี จะเข้ามาแทนจอร์จินโญ่ที่กำลังจะย้ายไปฟลาเมงโกในบราซิล จะมีการเสริมมิดฟิลด์เพิ่มอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการเจรจาสัญญาของโธมัส ปาร์เตย์ ก่อนหน้านี้ ปาร์เตย์ดูจะอำลาทีมเมื่อหมดสัญญาในเดือนหน้า แต่การมาของแบร์ต้าทำให้ทิศทางเปลี่ยนไป และปาร์เตย์อาจได้รับข้อเสนอให้อยู่ต่อ ในแนวรับ เป้าหมายหลักคือการต่อสัญญาคู่เซ็นเตอร์ตัวจริง วิลเลียม ซาลิบา และกาเบรียล มากัลเญส โดยเฉพาะอนาคตของซาลิบาที่สำคัญมาก เพราะมีข่าวว่ามาดริดให้ความสนใจ กาเบรียลเองก็ได้รับความสนใจจากซาอุดีอาระเบีย อาร์เซน่อลยังสนใจดีน ฮูยเซน กองหลังจากบอร์นมัธที่มีค่าฉีกสัญญา 50 ล้านปอนด์ และแบร์ต้าได้พูดคุยกับตัวแทนถึงทางเลือกอื่น ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจยังไม่แน่ใจว่าจะรั้งซาลิบาหรือกาเบรียลได้หรือไม่ ทีมอาจต้องหาผู้รักษาประตูสำรองคนใหม่ โดยมีการเจรจากับเอสปันญ่อลเกี่ยวกับ โจน การ์เซีย สัญญาใหม่และการขายนักเตะ นอกจากการพูดคุยกับปาร์เตย์, ซาลิบา และกาเบรียลแล้ว อาร์เซน่อลยังเดินหน้าต่อสัญญาใหม่กับบูคาโย่ ซาก้า BBC Sport รายงานในเดือนมีนาคมว่าทีมเตรียมเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนนี้เริ่มต้นแล้ว และบรรยากาศเริ่มต้นก็เป็นไปในทางบวก โดยมีความหวังว่าจะตกลงกันได้ และซาก้าจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีรายได้สูงสุดในพรีเมียร์ลีก สโมสรยังต้องการต่อสัญญากับดาวรุ่งอย่างไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ และอีธาน นวาเนรี โดยแบร์ต้าจะเป็นผู้นำการเจรจา อนาคตของเลอันโดร ทรอสซาร์ด ก็ต้องได้รับการตัดสินใจ แข้งวัย 30 ปีทีมชาติเบลเยียม ที่มีบทบาทสำคัญในฤดูกาลนี้ กำลังจะหมดสัญญาในซัมเมอร์หน้า แม้จะมีการพูดคุยถึงสัญญาใหม่ แต่ยังไม่มีประกาศใดๆ จึงอาจต้องพิจารณาปล่อยขายก่อนที่จะเสียฟรี โดยมีทีมจากซาอุฯ ให้ความสนใจ อาร์เซน่อลตั้งใจจะเสริมงบซื้อนักเตะด้วยการขายแข้งส่วนเกิน การขายกาเบรียล เฆซุส ต้องรอหลังจากเจ้าตัวเจ็บเขาในเดือนมกราคม ทีมต้องการขายโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ และคีแรน เทียร์นีย์ก็จะย้ายเช่นกัน ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ยืมตัวจากเชลซี จะกลับต้นสังกัด ส่วน นูโน่ ตาวาเรส, ฟาบิโอ วิเอร่า และอัลเบิร์ต โลกงก้า ก็อาจถูกปล่อยตัว
- Earlier
-
UEFA CHAMPION LEAGUE 2024/25 PSG 2 - 1 Arsenal (AGG: 3-1) Wed 8 May 2025, 02.00 น. GOAL: 1-0 ฟาเบียน ลุยซ์ (นาทีที่ 26) 2-0 ฮาคิมี่ (นาทีที่ 72) 2-1 บูกาโญ ซาก้า (นาทีที่ 75) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 6.0 ที่มาของประตูแรก ราย่าก็มีส่วนที่ตัดสินใจเล่นไม่ดี ทำให้ทีมเสียฟรีคิก แต่ก็มาแก้ตัวได้ในจังหวะป้องกันจุดโทษได้ อย่างไรก็ตามทีมก็มาเสียลูกสองอยู่ดี วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 มีหลายครั้งที่ปารีสมีโอกาสได้โต้กลับเร็ว ก็ต้องยอมรับว่าความเร็ว กับความนิ่งของซาลิบาช่วยลดทอนความเสียหายเอาไว้ได้หลายครั้งเลย ยาคุบ คิวิออร์: 5.0 ยังมีออกอาการลนลาน โดยเฉพาะเวลาที่ได้ครองบอล คิวิออร์ดูไม่มั่นคง ต้องลุ้นว่าอย่าพลาดเอง ประตูที่สองที่เสียก็มาจากการจ่ายบอลพลาดเองแบบง่ายๆ ของคิวิออร์ การขึ้นมาแทนกาเบรียล อาจมีเกมส์ที่ดีบ้าง แต่คิวิออร์ไม่สามารถยืนระยะไหว ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 4.0 ไปพลาดเสียบอลอยู่หลายหนในครึ่งแรก ที่ทำให้ทางเจ้าถิ่นมีโอกาสได้สวนกลับขึ้นมา ไมล์สชอบที่จะเล่นจังหวะเสี่ยงๆ แต่เขาต้องละเอียดกว่านี้ แล้วเป็นไมล์สที่ไปทำแฮนด์บอลทำให้ทีมเสียจุดโทษ ไม่ใช่ค่ำคืนที่น่าจดจำสำหรับเจ้าหนูวัย 18 ปี ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.5 ทิมเบอร์ทำได้ดี การคุมพื้นที่ทำได้ดีขึ้นกว่าเกมส์แรกเยอะมาก การป้องกันควิชาทำได้ มีจังหวะขึ้นไปสนับสนุนเกมส์รุกได้ด้วย โธมัส ปาร์เตย์: 6.0 ครึ่งแรกปาร์เตย์ยังทำผลงานได้โอเค มีทีเด็ดจากจังหวะทุ่มไกลให้ทีมได้ลุ้นอยู่หลายครั้ง แต่ครึ่งหลัง ปาร์เตย์จับบอลลั่นอยู่หลายหน ประตูที่สองที่เสียปาร์เตย์มี เดแคลน ไรซ์: 6.5 โอกาสใกล้เคียงตั้งแต่สองนาทีแรก ไรซ์ขึ้นโหม่งหลุดเสาไปนิดเดียว แล้วมีจังหวะไปช่วยเซฟลูกที่บาโคล่ากำลังจะได้ล่อเป้าได้หวุดหวิดในจังหวะที่ทีมเสียบอลกลางสนาม มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (C) โอเดการ์ดน่าจะยิงประตูให้อาร์เซน่อลนำไปก่อน ลูกนี้ต้องบอกว่าโอเดการ์ดยิงดีมากแล้ว แต่ดอนนารุมม่าเซฟไว้ได้ทันอย่างเหลือเชื่อ ช่วงแรกโอเดการ์ดทำได้ดี แต่ยิ่งเล่นยิ่งจืดจางไปเรื่อยๆ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 5.5 มีโอกาสลุ้นประตูตั้งแต่ต้นเกมส์จากการเข้าชาร์จลูกทุ่มไกล แต่ติดเซฟของผู้รักษาประตู มาร์ตี้พยายามที่จะท้าดวลกับฮาคิมี่ แต่ก็ไม่ได้สามารถเอาชนะได้อย่างชัดเจนในจังหวะตัวต่อตัว นี่เป็นเป็นเหตุผลว่าทำไมอาร์เซน่อลต้องอัพเกรดปีกซ้าย บูกาโญ ซาก้า: 6.5 ซาก้าสามารถที่จะเลี้ยงจี้กดดันและหาช่องเปิดได้ เพียงแต่ลูกเปิดของเขาไม่มีตัวที่จะเข้าชาร์จเลย ครึ่งหลังได้ปั่นเน้นๆ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือดอนนารุมม่า แต่ก็เป็นซาก้าที่มายิงตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 แล้วไม่กี่นาทีถัดมาซาก้ามีโอกาสยิงตีเสมอ 2-2 แต่เข้าชาร์จจ่อๆ ข้ามคานไปเหลือเชื่อ มิเกล เมริโน่: 6.0 เมริโน่ก็ทำหน้าที่พักบอล เก็บบอลลูกกลางอากาศได้ดีหลายครั้ง เพียงแต่ไม่มีโอกาสที่จะสอดขึ้นมาได้ลุ้นทำประตูเลย ตัวสำรอง: ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี: 6.0 (นาทีที่ 69, ลูอิส-สเคลลี่) เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.5 (นาทีที่ 69, มาร์ติเนลลี่) ลงมาก็ดูจะได้น้ำได้เนื้ออยู่เหมือนกัน ประตูตีไข่แตกก็ต้องให้เครดิตกับทรอสซาร์ที่ไปฉกบอลมาได้ เบน ไวท์: N/A (นาทีที่ 83, ทิมเบอร์) ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ก่อนบุกเยือนปารีส แซงต์แชร์กแม็ง ในรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก เลกที่สองในคืนนี้ ความเชื่อว่าจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้... ความกระตือรือร้นอย่างมาก พลังงานอย่างล้นหลาม พวกเราอยู่แค่ชัยชนะเดียวจากการเข้ารอบรองชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก ในหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในโลก พบกับคู่แข่งที่ยอดเยี่ยม — ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว เรามาที่นี่เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ และเรามีโอกาสใหญ่ในวันพรุ่งนี้ เรานำผลการแข่งขันที่ชัดเจนมากว่าต้องทำอะไร มีหลายสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเลกแรก และความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างสองทีม ผลการแข่งขันในมุมมองของผมควรจะต่างไปจากนั้น ดังนั้นพรุ่งนี้คืออีกโอกาสหนึ่งที่จะพิสูจน์สิ่งนั้น และคว้าสิทธิ์ในการเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ วนี่คือเกมที่ใหญ่ที่สุดของเขาในฐานะผู้จัดการทีมอาร์เซนอลหรือไม่... แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในเกมที่สวยงามที่สุด เราอยู่แค่ชัยชนะเดียวจากการเข้าสู่รอบชิงฯ เราไม่สามารถขออะไรได้มากกว่านี้ อย่าพูดให้มากเลย [ตอนนี้] ทำมันให้เห็นในสนามตอนสามทุ่มเมื่อเกมเริ่ม แสดงเวอร์ชันที่ดีที่สุดของเรา แล้วชนะเกมนี้ สิ่งที่ต้องทำเพื่อพลิกสถานการณ์... ทำหลายสิ่งที่เราทำได้ดีในเลกแรกให้ดียิ่งขึ้นและสม่ำเสมอมากขึ้น ถ้าเราทำได้ โอกาสประสบความสำเร็จจะอยู่ใกล้มาก เรามีความสามารถมากพอ เราเคยทำได้ในยุโรปแม้จะเป็นรอง หลายคนไม่คิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้ มันคือการต่อสู้กับประวัติศาสตร์ด้วย ดังนั้น มาสร้างประวัติศาสตร์ของเราเอง วิธีการทำลายวันเกิดของหลุยส์ เอ็นริเก้... ก็แค่เล่นให้ดีกว่าเขา เราต้องแสดงให้เห็นพรุ่งนี้ เรารู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง เราแสดงให้เห็นในเลกแรกในหลายช่วงเวลา ยกเว้นช่วง 15 นาทีแรกที่เรามีปัญหาและยังไม่เข้าใจว่าทำไม และพรุ่งนี้ เรามีความชัดเจนเต็มที่ว่าต้องทำอะไร ทำอย่างไร และเราต้องมีความสุขกับช่วงเวลาแบบนี้เพื่อดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองออกมา ความรู้สึกว่านักเตะของเขาอยู่ในระดับนี้แล้วหรือไม่... 100% ผมคิดว่าคุณต้องรับเกมแบบนี้ด้วยทัศนคตินั้น เพื่อสร้างบางสิ่งที่พิเศษ ถ้าคุณอยากคว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีก คุณต้องทำสิ่งพิเศษตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ เราทำสิ่งดีๆ ไปมากมาย แต่พรุ่งนี้ในปารีส กับทีมนี้ คือเวลาที่ต้องแสดงให้เห็น และเราจะยกระดับทีมนี้ และเริ่มต้นสร้างประวัติศาสตร์ อยากให้เกมนิ่งหรือวุ่นวาย... ผมคิดว่ามันจะมีหลายช่วงเวลา เหมือนในเลกแรก ผลการแข่งขันทำให้ทุกอย่างชัดเจน ทั้งสองทีมรู้ว่าต้องทำอะไร สำหรับเรายิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก พวกเขามีนักเตะที่ผ่านสถานการณ์แบบนี้มาหลายครั้ง เราอยู่ที่นี่แล้ว นี่คือโอกาสของเรา และเราจะทำให้มันเกิดขึ้น ฟอร์มนอกบ้านในแชมเปียนส์ลีก... ผมมั่นใจว่าเมื่อเราต้องทำ เราทำได้ดีมากกับคู่แข่งที่ยากมาก เกมล่าสุดก็เพิ่งผ่านมา มาดริด ที่ทุกคนพูดถึงการคัมแบ็ก ประวัติศาสตร์ และสิ่งที่พวกเขาเคยทำ แต่เราพิสูจน์สิ่งที่แตกต่างจากที่คนคาด และพรุ่งนี้เราต้องการทำแบบเดียวกัน ความกดดันที่ต้องคว้าถ้วยในฤดูกาลนี้... เราจะพยายามคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ การคว้าถ้วยบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ใช่ ลิเวอร์พูลเคยได้แชมป์ด้วยคะแนนน้อยกว่าที่เรามีในสองฤดูกาลหลัง ถ้าใช้แต้มของสองฤดูกาลนั้น เราควรจะได้แชมป์ลีก 2 ครั้ง คุณต้องอยู่ในเวลาที่ใช่ ที่สถานที่ที่ใช่ และหวังว่าเราจะอยู่ในช่วงเวลาที่ใช่ในปารีส พรุ่งนี้ เพื่อคว้าสิทธิ์เข้าสู่รอบชิง การลบความทรงจำของรอบชิงฯ ปี 2006 ที่แพ้ในปารีส... มันจะเป็นโอกาส และเชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มันคือเรื่องราวที่สวยงาม มาทำให้เป็นเรื่องของเราพรุ่งนี้ เกี่ยวกับความฟิตของจูร์เรียน ทิมเบอร์... จะประเมินวันนี้ ว่าเขาจะเริ่มเกมได้หรือไม่ เกี่ยวกับริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี... เขาเดินทางมาด้วย ฟิต และพร้อมลงเล่นเมื่อเราต้องการ เป็นข่าวดีแน่นอน ข้อความถึงนักเตะว่าจะกลายเป็นฮีโร่... มันต้องเป็นแบบนั้น ฟุตบอลจะจดจำคุณจากช่วงเวลาเหล่านั้น เวทีใหญ่ที่สุดคือเมื่อทีมต้องการ เมื่อสโมสรต้องการ เพื่อแสดงผลงานเหล่านั้น และเล่นด้วยทัศนคตินั้น เกมแบบนี้คือเกมที่ใช่ และนั่นคือสิ่งที่เราทำงานกันมาตลอดช่วงไม่กี่ชั่วโมงนี้ เกี่ยวกับผู้ตัดสิน... แน่นอนว่าเรามีรายงานเกี่ยวกับเขา เข้าใจว่าเขาเป็นใคร จัดการเกมอย่างไร เพื่อให้เราช่วยเขาได้ในเรื่องนั้น และทำให้แน่ใจว่านักเตะตระหนักถึงสิ่งนั้น งานนั้นเราได้ทำไปแล้ว สิ่งที่เขานำมาจากช่วงเวลาที่เคยเล่นกับ PSG... บรรยากาศที่ยอดเยี่ยม มันคือสโมสรใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์มากมาย เมืองเดียว ทีมเดียว ผมโชคดีมากที่อยู่ที่นี่ 18 เดือน และสนุกกับมัน มีความทรงจำที่ดีมากมาย และดีใจที่ได้กลับมาอีกครั้ง แรงจูงใจในการคว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีก... ผมคิดว่ามันอยู่ในตัวเราเอง เราไม่ต้องการสิ่งอื่น ตอนนี้คือการใช้มันเพื่อเปลี่ยนพลังงาน ความรู้สึก และช่องโหว่ที่เราทุกคนมีในตัวเอง ให้กลายเป็นผลงานที่ดีที่สุดในระดับสูงที่สุด เพื่อให้ได้ผลการแข่งขันที่เราต้องการ เพื่อเข้าสู่รอบชิงฯ พัฒนาการของยาคุบ คิวิออร์... เขาสมควรได้รับเครดิตมาก เพราะเขาไม่ได้เล่นมากนักตลอดหลายเดือน และจู่ๆ ก็ต้องลงเล่นในสถานการณ์ที่ยากที่สุด เจอคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุด โดยที่ไม่มีจังหวะหรือความมั่นใจมาก่อน และเขาทำได้ยอดเยี่ยม ดูบอลสดฟรี
-
tom_gunner joined the community
-
PREMIER LEAGUE 2024/25 Arsenal 1 - 2 Bournemouth Sat 3 May 2025, 23.30 น. GOAL: 1-0 เดแคลน ไรซ์ (นาทีที่ 34, โอเดการ์ด) 1-1 ดีน ฮุยเซ่น (นาทีที่ 67) 1-2 เอวานิลสัน (นาทีที่ 75) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 6.0 วิลเลี่ยม ซาลิบา: 6.5 เดอะแบกเกมส์รับของทีมในเกมส์นี้เลย มีจังหวะ 50:50 ไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้งที่ซาลิบาเข้ามาช่วยทีมไว้ได้ทันเวลา ยาคุบ คิวิออร์: 6.0 เจอเอวานิลสันสลัดหลุดไปโหม่งโล่งๆ ดีที่โหม่งไม่เข้ากรอบเอง เบน ไวท์: 5.0 ตั้งแต่หายกลับมา เบน ไวท์ ทั้งสภาพร่างกาย จังหวะการเล่น ความมั่นใจ เขายังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่าๆ กลับมาได้เลย พื้นที่รับผิดชอบของเขาถูกโจมตีหลายต่อหลายครั้ง บางจังหวะโดนเผาไปแบบง่ายๆ เลย ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่: 6.0 การคุมพื้นที่เกมส์รับของตัวเองได้ดี ทางบอร์นมัธก็ไม่ค่อยได้เน้นมาขึ้นเกมส์ทางฝั่งเขาเท่าไรด้วย โธมัส ปาร์เตย์: 6.0 ประตูแรก ก็ต้องให้เครดิตกับปาร์เตย์ที่จ่ายจนแดนกลางของบอร์นมัธหลงไปหมด แต่ครึ่งหลังปาร์เตย์ก็หลุดฟอร์มไปเยอะมาก ทำบอลเสียง่ายๆ นับครั้งไม่ถ้วน เดแคลน ไรซ์: 6.0 มีจังหวะสอดขึ้นไปลุ้นประตูอยู่ 2 หนในช่วงต้นๆ เกมส์ แต่ได้แค่ใกล้เคียง ก่อนจะเป็นไรซ์ที่หลุดไปแตะหนีเกป้า แล้วซัดให้ทีมขึ้นนำ 1-0 มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (C) ทำได้ดีในจังหวะจ่ายทะลุช่องให้ไรซ์หลุดไปยิงประตูขึ้นนำ แต่ก็มีหลายๆ จังหวะที่โอเดการ์ด จับบอลลั่น ตัดสินใจไม่ดี ประตูที่โดนแซงนำ โอเดการ์ดประกบจังหวะเตะมุม เขาหันหลังให้ลูกฟุตบอล กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 5.5 ครึ่งแรกมีจังหวะที่ลากบอลฉีกหนีแบ็คของบอร์นมัธไปเปิดที่เส้นหลังแบบได้ลุ้นอยู่ 2 หน มีโอกาสได้สับไกเน้นๆ แต่ยิงปลิ้นหลุดกรอบออกไป ครึ่งหลังก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บูคาโญ ซาก้า: 6.0 มีโอกาสได้ลุ้นประตูอยู่บ้างในช่วงครึ่งเวลาหลัง โอกาสใกล้เคียงสุดก็คือที่เขาพลิกหนีแล้วซัดเต็มข้อแต่บอลหลุดเสาไปนิดเดียว เลอันโดร ทรอสซาร์: 5.0 จังหวะงึกๆ งักๆ ของทรอสซาร์ กับบอลพันแข้งพันขา ทำเสียบอลแล้วเสียจังหวะการเล่นอยู่ตลอด ใกล้เคียงสุดก็คือจังหวะโฉบโหม่งแต่ถูกเกป้าเซฟไว้ได้บนเส้น ตัวสำรอง: มิเกล เมริโน่: 6.0 (นาทีที่ 74, ไรซ์) อีธาน วาเนรี: 6.0 (นาทีที่ 83, ซาก้า) โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: 6.0 (นาทีที่ 83, ไวท์) ราฮีม สเตอร์ลิ่ง: 6.0 (นาทีที่ 83, มาร์ติเนลลี่)
-
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมส์เปิดบ้านรับบอร์นมัธ ในวันเสาร์นี้ ความฟิตของคาลาฟิออรี และ จอร์จินโญ่: ใช่ คาลาฟิออรี ยังไม่พร้อม ส่วนจอร์จินโญ่ ก็ยังไม่พร้อมเหมือนกัน อาการของจอร์จินโญ่ ซับซ้อนกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย โชคดีที่ตอนนี้เขาสบายดี รู้สึกดี และกำลังฟื้นตัวได้ดี แต่ก็ใช่ มันมากกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อย ผมคิดว่าเดี๋ยวให้หมอเป็นคนอธิบายหรือประเมินดีกว่า โอกาสที่ จอร์จินโญ่ จะกลับมาเล่นได้ในฤดูกาลนี้: ผมคิดว่าได้ครับ หวังว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีในสัปดาห์หน้า เขาน่าจะค่อย ๆ กลับมาร่วมทีมได้ ฮาแวร์ตซ์ว่าจะกลับมาได้ก่อนจบฤดูกาลไหม: ผมคิดว่าได้ครับ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนและแนวโน้มตอนนี้ เขาน่าจะได้ลงเล่นอีกไม่กี่เกมในฤดูกาลนี้ มีอัปเดตอื่นอีกไหม: ไม่มีครับ ที่เหลือก็ยังไม่พร้อมลงสนาม ปาร์เตย์ จะได้มีส่วนร่วมในวันพรุ่งนี้หลังจากโดนแบนหรือไม่: ใช่เขาเล่นไม่ได้ในเกมที่แล้วเพราะโดนแบน แต่พรุ่งนี้ผมมีโอกาสให้เขาลงสนาม เขาควรจะได้ลงเล่นก่อนเกมใหญ่วันพุธไหม: ตอนนี้เราจะประเมินดูว่าเรามีใครพร้อมบ้าง และวางแผนสำหรับวันอาทิตย์ด้วยนักเตะที่มี จากนั้นก็ค่อยจัดตัวจริงและตัวสำรองที่เป็นไปได้ การที่ ไรซ์ จะลงเล่นนัดที่ 100 ให้กับทีม: ความสม่ำเสมอ ความพร้อมใช้งาน ฟอร์มการเล่น การปรับตัวเข้ากับสโมสรและทีม ผมว่ามันเป็นการเซ็นสัญญาที่เหลือเชื่อจริง ๆ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทำนายว่าเรามีโอกาสจบท็อป 5: คุณชอบซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี่! ข้อความชัดเจนมาก เราต้องทำให้คู่ควรกับการชนะเกมพรุ่งนี้ เป็นทีมที่ดีกว่า บอร์นมัธ และชนะเกม นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ และเราเตรียมทีมเพื่อสิ่งนั้นตั้งแต่สองวันก่อน การลุ้นจบท็อป 5 อย่างเป็นทางการ: มันมี “ถ้า” หลายอย่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเพิ่มโอกาสชนะเกมของเรา และนั่นคือสิ่งที่ทีมโฟกัส สิ่งที่ทีมทำได้ในฤดูกาลนี้ ทั้งที่มีนักเตะเจ็บจำนวนมาก: เราต้องอยู่กับสิ่งที่มีทุกวัน ผมช็อกมากก่อนเกมเจอกับ PSG ที่บ้าน ตอนที่เดินเข้าห้องแต่งตัวแล้วเห็นพวกเขานั่งอยู่ด้วยกัน โทมิยาสุ, คาลาฟิออรี, กาเบรียล, ปาร์เตย์, ฮาแวร์ตซ์, กาเบรียล เฆซุส และจอร์จินโญ่ ผมคิดในใจ “นั่นมันตัวจริงชัด ๆ” แต่เราก็ไม่มีพวกเขาเลยหลายเดือน และผมรู้สึกภูมิใจกับทีม กับสิ่งที่พวกเขาทำ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ในทีมเลย แต่มันเกิดขึ้นจริง และผมภูมิใจในตัวนักเตะ สตาฟฟ์ และสโมสรกับวิธีรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ วิธีไม่ให้ทีมคิดถึงเกมที่ปารีสในสุดสัปดาห์นี้: ผมจะพูดเรื่องนั้น เพราะสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้คือฟอร์มของเรา สภาพอารมณ์ของเรา และคุณภาพในการเล่น เรายังมีสิ่งสำคัญให้ทำในพรีเมียร์ลีก แม้เราจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ผมขอแสดงความยินดีกับลิเวอร์พูลด้วย กับสิ่งที่พวกเขาทำ ความสม่ำเสมอ และพวกเขาสมควรคว้าแชมป์ พวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่า และมีนักเตะพร้อมใช้งานสม่ำเสมอ เราจะพยายามอีกครั้ง แต่ตอนนี้เราต้องปิดฤดูกาลให้แข็งแกร่ง เป้าหมายตอนนี้คือการจบอันดับสอง: ใช่แน่นอน ความประทับใจต่อลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้: พวกเขาไม่มีสิ่งรบกวน มีผู้เล่นอยู่ในสนามตลอด ซึ่งเป็นข้อดีมาก พวกเขาเป็นสโมสรที่มีความสม่ำเสมอในช่วง 10–15 ปีที่ผ่านมา คว้าแชมป์รายการใหญ่และ UCL มาหลายครั้ง พวกเขาเคยชินกับมัน ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ เพราะพวกเขาทำหลายอย่างได้ดีมาก และสมควรเป็นแชมป์ อันโดนี่ อิราโอล่า สมัยเป็นเพื่อนร่วมทีม: เขามีพรสวรรค์สูง เล่นเป็นปีกด้านใน เป็นผู้เล่นที่ฉลาด อาจไม่มีใครคิดว่าเราจะมาอยู่จุดนี้ในพรีเมียร์ลีก ดีใจกับเขามาก เขาทำงานได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ เปลี่ยนแปลงหลายอย่างในสโมสร ทั้งบรรยากาศ ความเชื่อมั่น ตัวผู้เล่นที่เลือก และแนวทางการเล่น — น่าประทับใจ เกี่ยวกับว่าบอร์นมัธ จะสามารถท้าทายพื้นที่ UCL ได้ไหมในอนาคต: ผมนึกภาพออกเลยครับ ทุกสโมสรในพรีเมียร์ลีกที่อยู่ในตำแหน่งนี้มีโอกาสทำได้ พวกเขามีความสม่ำเสมอ นักเตะดีมาก ๆ และทีมของพวกเขาก็น่าประทับใจจริง ๆ ความเจ็บปวดจากการไม่ได้แชมป์: มากเลยครับ เข้าใจว่า (ลิเวอร์พูล) เป็นทีมที่สม่ำเสมอกว่า และมีองค์ประกอบที่คุณต้องมีเพื่อเป็นแชมป์ แต่มันก็เจ็บปวดอยู่ดี ปีนี้ควรจะเป็นปีของเราหรือเปล่า: ผมไม่เคยคิดแบบนั้น มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก วิธีลดอาการบาดเจ็บในฤดูกาลหน้า: เป็นอีกประเด็นที่เราคุยกัน เรายังมีสิ่งสำคัญให้เล่นในพรีเมียร์ลีกและ UCL หลังจบฤดูกาลเราจะมีเวลาหลายสัปดาห์ให้ไตร่ตรองและเตรียมแผน ซึ่งเรากำลังทำอยู่แล้ว เรื่องการรักษาความฟิตของผู้เล่นเป็นประเด็นสำคัญไหม: สองสิ่งหลัก ๆ หนึ่งคือมีผู้เล่น 11 คนลงเล่นได้ตลอดทั้ง 38 เกม และสองคือนักเตะที่ดีที่สุดอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด ถ้าเราทำได้ทั้งสองอย่าง โอกาสจะสูงมาก ถ้าไม่มี ดูประวัติศาสตร์ร้อยปีที่ผ่านมา ยังไม่มีทีมไหนทำได้ เกมนี้ควรเลื่อนเพื่อเตรียมตัวเจอ PSG ไหม: เราคุยกันเรื่องนี้หลายรอบแล้ว โชคดีว่าเราไม่ได้แข่งสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างน้อยก็มีเวลา 4 วันให้เตรียมตัวอย่างดี ดูการฉลองแชมป์ของลิเวอร์พูลไหม: ดูนิดหน่อยครับ ได้แรงบันดาลใจจากการดูทีมอื่นฉลองแชมป์ไหม: ไม่ครับ พวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมอาชีพ ผมรู้จักบางคนในทีมงาน รู้ว่าทุกคนทำงานหนัก และพวกเขาสมควรได้แชมป์ พวกเขาทำได้ดีมาก และเราเองต้องยอมรับเหตุผลที่เราทำไม่ได้ และพยายามพัฒนาให้ดีขึ้น มันอาจเป็นแรงจูงใจได้ แต่ไม่ใช่แรงจูงใจหลักของผม มันเจ็บปวดแน่นอนที่ต้องดู เรื่องอนาคตของวิลเลี่ยม ซาลิบา: เรื่องนี้เป็นของ อันเดรีย (แบร์ต้า) กับสโมสร แต่จากที่ผมคุยกับเขา เขามีความสุขมากที่นี่ และอยากอยู่ต่อ ส่วนการเจรจาและรายละเอียดต่าง ๆ ต้องใช้เวลา แต่ผมมั่นใจว่าเขาอยากอยู่กับเรา ประเมินผลงานของมาร์ติน โอเดการ์ด ในฤดูกาลนี้: มีหลายปัจจัย โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่ยาวนาน มันส่งผลต่อความสม่ำเสมอ แต่มาตรฐานที่เขารักษาไว้ในฐานะผู้เล่นเกมรุกนั้นยอดเยี่ยมมาก ซึ่งหาได้ยาก และยังมีด้านอื่นในเกมของเขาที่สม่ำเสมอมาก เรื่องขุมกำลังเชิงลึกของทีมในตำแหน่งกองกลางตัวรุก: เรามีตัวเลือกเยอะ มิเกล (เมริโน่) เล่นได้ เดแคลน (ไรซ์) ก็เล่นได้ อีธาน (วาเนรี) ก็อยู่ในตำแหน่งหลักของเขา เรามี แม็กซ์ ดาวแมน ที่กำลังขึ้นมาอีกคน เราพร้อมในตำแหน่งนี้ การจบอันดับสองในฤดูกาลที่มีผู้เล่นบาดเจ็บมาก: ผมไม่รู้จะตัดสินยังไง เพราะผลกระทบไม่ใช่แค่ในสนาม แต่ลึกซึ้งกว่านั้น ตัวเลขการฝึกซ้อมในฤดูกาลนี้ไม่เคยเจอมาก่อนเลย แต่ก็มีบทเรียนมากมายให้เราเรียนรู้และพัฒนา ความเปลี่ยนแปลงของยาคุบ คิวิออร์: เขาเป็นคนที่ทุกคนรักในทีม พูดเยอะในสนาม ตอนมาใหม่มีอุปสรรคเรื่องภาษา ตอนนี้เข้ากับทุกคนได้ดีมาก ผมดีใจกับเขามาก แม็กซ์ ดาวแมน อยู่ในแผนสำหรับฤดูกาลหน้าหรือไม่: ในอนาคตอันใกล้ใช่ครับ ต้องดูกันต่อไป แต่เรามีดาวรุ่งพรสวรรค์สูงจริง ๆ สไตล์การเพรสสูงของบอร์นมัน คล้ายกับ PSG ไหม: ในเรื่องความเข้มข้นและการเล่นจังหวะปะทะใช่ครับ แต่รูปแบบการเล่นต่างกันนิดหน่อย แต่สิ่งที่ต้องทำคือเล่นให้มีประสิทธิภาพและทำตามแผนของเราให้ดีที่สุด เกี่ยวกับ คาลาฟิออรี, จอร์จินโญ่ และ ฮาแวร์ตซ์: ผมยังไม่ตัดชื่อพวกเขาทิ้ง รอดูอีกไม่กี่วันว่าใครจะฟื้นตัวได้แค่ไหน
-
UEFA CHAMPION LEAGUE 2024/25 Arsenal 0 - 1 PSG Tue 9 March 2025, 02.00 น. GOAL: 0-1 อุสมาน เดมเบเล่ (นาทีที่ 4) ดูบอลสดฟรี ดาวิด ราย่า: 6.5 ประตูที่เสียในช่วงต้นเกมส์ หมดสิทธิ์ป้องกันจริงๆ แต่ราย่าก็มาช่วยเซฟลูกยิงของดูเอ้ได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วงท้ายดีที่ไม่โดนประตูที่สองที่เปแอสเชได้หลุดไปยิงสองหน วิลเลี่ยม ซาลิบา: 6.5 ครึ่งหลังมีจังหวะบล็อกสำคัญก่อนที่ฮาคิมิจะได้ยิง ภาพรวมซาลิบายังดูแลพื้นที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ยาคุบ คิวิออร์: 6.0 มีจังหวะผิดพลาดแบบง่ายๆ ให้เห็นอยู่เป็นระยะ เวลาที่ต้องเร่ง คิวิออร์ ออกอาการลนลานตลอด โดยเฉพาะการเคลียร์บอลสะเปะสะปะ ดีที่พลาดแล้วไม่เสียประตู ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 7.0 ไมล์สเล่นได้ดีเลย เกมส์รับทางฝั่งซ้ายดูจะรับมือกันได้ดีกว่า การ แล้วมีจังหวะขยับเข้ามารับบอลในการแกะเพลสซิ่งได้ดี ท้ายครึ่งแรกมีจ่ายทะลุช่องให้มาร์ตี้หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงด้วย ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.0 20-30 นาทีแรก เป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับทิมเบอร์เลย เขาโดนทางเปแอสเช เน้นมาเจาะในพื้นที่เขาตลอด หลายครั้งที่ต้องดวล 1 ต่อ 1 กับควิชา ทำให้เขาต้องเสียฟาล์วไปหลายครั้งดีที่กรรมการไม่ควักใบเหลืองให้ แต่หลังจากผ่านช่วงนั้นไปได้ ทิมเบอร์ปรับตัวได้ดีขึ้น ไม่ได้โดนเจาะจนน่ากังวล เดแคลน ไรซ์: 7.0 การที่ปาร์เตย์ทำให้ตัวเองโดนแบนในเกมส์นี้ ทำให้ทีมต้องปรับทัพแดนกลางใหม่ เอาไรซ์พอมายืนเบอร์ 6 เหมือนไม่ได้ใช้งานเขาได้เต็มศักยภาพ เขาไม่สามารถตะบึ่งขึ้นหน้าได้ เพราะต้องพะวงกับตำแหน่งตรงกลาง พอไรซ์ได้ทะลวงขึ้นไปทีไร ได้เรื่องทุกที มันน่าเสียดายตรงนี้ มิเกล เมริโน่: 7.0 กลับมาประจำการในตำแหน่งตัวกลางฝังซ้าย ต้นครึ่งหลังโหม่งเข้าไปแล้ว แต่ถูก VAR ยึดคืน แต่ภาพรวมเมริโน่เป็นคนนึงที่โดดเด่น มีบทบาทกับเกมส์เยอะมาก มาร์ติน โอเดการ์ด: 4.0 (C) เล่นไม่ออกเลยสำหรับโอเดการ์ด แล้วเวลาได้บอล นอกจากจะไม่ได้เปรียบแล้ว ยังพลาดเสียบอลง่ายๆ อยู่หลายครั้ง การออกบอลในพื้นที่สุดท้ายก็ไม่ได้ดีเลย กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 5.0 ช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรก มีโอกาสหลุดเดี่ยวที่จะยิงตีเสมอ 1-1 แต่มาร์ตี้ยิงไปติดเซฟดอนนารุมม่า ครึ่งหลังแทบจะหายไปจากเกมส์เลย ช่วงทดเจ็บได้ยิงอีกครั้ง แต่ก็ซัดข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น บูกาโญ ซาก้า: 6.0 มีโอกาสได้เล่นกับบอลไม่ได้มากเท่าที่ควร แล้วเวลาบอลอยู่กับซาก้าจะมีผู้เล่น PSG 2-3 คน ซาก้าก็พอแหวกได้ แต่ถึงจะฝ่าเข้าไปได้ แต่จังหวะยิงมันก็ไม่จังหวะที่ได้ยิงแบบถนัดๆ มันก็เหมือนซัดๆ เข้าไปก่อน เลอันโดร ทรอสซาร์: 6.0 ทดลองอยู่หลายนัดในการเอาทรอสซาร์มายืนหน้าเป้า แล้วทำประตูได้ด้วย แต่ทรอสซาร์วันนี้มีประโยชน์ต่อทีมน้อยไปหน่อย แม้พยายามฉีกตัวออกมารับบอลด้านข้าง ครึ่งหลังได้หลุดไปยิงหนนึง แต่ติดเซฟดอนนารุมม่าอีก ตัวสำรอง: เบน ไวท์: 6.0 (นาทีที่ 82, ทิมเบอร์) อีธาน วาเนรี: N/A (นาทีที่ 90, โอเดการ์ด) อาร์เตต้า ทิ้งเวลานานเกินไป กว่าที่จะเปลี่ยนวาเนรี ลงมา วาเนรีควรจะต้องเปลี่ยนลงมาสัก 15-20 นาทีก่อนหน้านี้
-
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์กับสื่อก่อนเกมส์เปิดบ้านรับปารีส แซงต์แชร์กแม็ง ในยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก รอบรองชนะเลิศ เลกแรก ในคืนวันอังคารนี้ ความรู้สึกว่าเป็นเกมที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตหรือไม่: "รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังงาน ความกระตือรือร้น มันเป็นสิ่งที่พิเศษจริง ๆ มันอาจจะเป็นหนึ่งในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เอมิเรตส์เคยมีตั้งแต่สร้างสนามมา เราเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น และอดใจรอที่จะลงเล่นในวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว" ความหมายของการคว้าแชมป์ยุโรป: "โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูจากสถานการณ์ในฤดูกาลนี้ ที่เราต้องฝ่าฟันอุปสรรคและความท้าทายมากมาย และการที่ทีมมายืนอยู่ตรงนี้ในฐานะหนึ่งในสี่ทีมที่ดีที่สุดในยุโรป มันแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น จิตวิญญาณ และความต้องการของพวกเรา ตอนนี้เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์ มันคือเรื่องราวที่สวยงาม แต่เรายังต้องการมากกว่านี้" การสร้างบรรยากาศให้ดีกว่าเกมกับเรอัล มาดริด: "ผมบอกกับแฟนบอล และไม่ได้พูดเกินจริงเลยว่า ‘เอารองเท้าสตั๊ดมาเลย เอากางเกงขาสั้น เสื้อยืดมาด้วย แล้วมาเล่นบอลกับเราทุกจังหวะ’ เราอยากทำสิ่งที่พิเศษ สนามแห่งนั้นต้องกลายเป็นสถานที่พิเศษ เป็นบรรยากาศที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมหวังว่าทุกคนที่มาที่เอมิเรตส์ในวันพรุ่งนี้ รวมถึงผู้ชมที่ติดตามเราจะนำพลังงานนั้นมาด้วย" การแบกรับประวัติศาสตร์ของสโมสร: "คุณจะรู้สึกถึงมัน โดยเฉพาะเพราะเรายังมีคนจำนวนมากที่ทำงานกับสโมสรมานานหลายปี และพวกเขาไม่เคยได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน นั่นแสดงให้เห็นว่านี่คือโอกาสที่พิเศษและสวยงาม มันคือการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรในยุโรป และเรายังไม่เคยทำได้มาก่อน เราจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าเราคู่ควรกับการเข้าไปถึงรอบชิง และทุกอย่างจะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้" การเรียนรู้อะไรจากแนวทางของแอสตัน วิลล่าในการเจอเปแอสเช: "คุณจะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากทุกเกม แต่เกมนี้บริบทและผลลัพธ์แตกต่างกันมาก เช่นเดียวกับเกมของลิเวอร์พูล แต่ผมก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเกมที่เราเจอกันที่นี่ เรารู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ทั้งในฐานะทีมและตัวบุคคล แต่เราก็มีเหมือนกัน พอมาถึงจุดนี้ ความแตกต่างระหว่างสองทีมมันไม่มากแล้ว สิ่งสำคัญคือ ‘ความคิด’ และ ‘ทัศนคติ’ ที่เราจะนำลงสนามในวันพรุ่งนี้" ความสัมพันธ์กับแฟนบอลว่าดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาหรือไม่: "ตั้งแต่ที่ผมเคยสัมผัสและเคยเป็นส่วนหนึ่งในฐานะนักเตะ ผมคิดว่าใช่ 100% และหวังว่ามันจะดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะมันยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก การได้สร้างเรื่องราวของตัวเองและมีประสบการณ์ร่วมกันในช่วงที่ผ่านมา ผมคิดว่ามันจะทำให้ความสัมพันธ์และสายใยนี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พรุ่งนี้เรามีโอกาสอันยิ่งใหญ่ ทั้งในฐานะสโมสรและแฟนบอล ที่จะได้แสดงให้เห็นว่าเราเป็นใคร และเรายังต้องการไปได้ไกลแค่ไหนร่วมกัน" วิธีการเล่นอย่างกล้าหาญกับเปแอสเช: "คุณได้เห็นแล้วจากเกมกับเรอัล มาดริด หรือเกมก่อนหน้านี้กับเปแอสเช รวมถึงทุกสัปดาห์ที่เราลงเล่น วิธีการของเราไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือตัวตนของเรา และเป็นจุดแข็งที่สุดของเรา จุดดีอีกอย่างคือเราสามารถปรับตัวเข้ากับบริบทที่แตกต่างได้อย่างมาก และเราแสดงให้เห็นในฤดูกาลนี้ บางครั้งแม้คุณไม่อยากเล่นในรูปแบบหนึ่ง แต่คู่แข่งบีบบังคับให้คุณเล่นแบบนั้น แล้วการที่คุณยังรู้สึกสบายใจและเอาชนะมันได้ นั่นแหละคือจุดแข็ง และฤดูกาลนี้เราก็แสดงให้เห็นว่าเราทำได้" การไปเล่นเกมที่สองในฐานะทีมเยือน: "การไปเยือนเบร์นาเบวคือบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับทีมยุโรปทีมหนึ่ง เพราะประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่นั่น ผมคิดว่าเราจัดการเกมนั้นได้ดีมาก ๆ และนั่นสร้างความมั่นใจและประสบการณ์ให้กับทีมของเรา ซึ่งก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ยังไม่เคยเผชิญสิ่งแบบนั้น" เดแคลน ไรซ์ว่ามีนักเตะคนใดเคยพิสูจน์ค่าตัวได้มากกว่านี้หรือไม่: "หวังว่าเมื่อเราคว้าถ้วยแชมป์มากมายร่วมกัน เราจะสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ต่อเจ้าของทีมและทำให้ทุกคนมีความสุข เรามีความสุขมากที่มีเขาอยู่กับเรา เขาก้าวหน้าอย่างมากในแง่ของการเล่นด้วยความมั่นใจ ความมุ่งมั่น และสร้างอิทธิพลต่อเกมในทั้งสองนัดได้อย่างน่าประทับใจ และในช่วงเวลาแบบนี้ นักเตะต้องก้าวขึ้นมา เกมแบบนี้เหมาะกับนักเตะระดับท็อปที่ต้องแสดงผลงานและสร้างความแตกต่าง" ความหมายของการคว้าแชมป์ UCL ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร: "มันเป็นโอกาสที่เหลือเชื่อ เราอยู่ที่นี่เพื่อสร้างความสุข สร้างประวัติศาสตร์ และตอนนี้เราอยู่ใกล้มาก ๆ แล้ว เราต้องคว้าโอกาสนี้และทำให้มันเกิดขึ้นจริง" ความเชื่อมั่นในช่วงเวลาที่ยากลำบากว่าเราจะมาถึงจุดนี้: "ผมหวัง ผมฝัน และผมทุ่มเททุกอย่าง ทั้งแรงกายแรงใจ รวมถึงการสนับสนุนจากทุกคนรอบสโมสรเพื่อทำให้มันเกิดขึ้น แต่วันเวลาเหล่านั้นก็มีความจำเป็น มันคือการเดินทางที่มีความหมาย เพื่อบรรลุเป้าหมายที่คุณวางไว้ คุณต้องเรียนรู้ ต้องผ่านช่วงเวลายาก ๆ เพื่อจะได้ชื่นชมช่วงเวลาที่ดี นี่คือจุดที่เรายืนอยู่ และตอนนี้เราต้องก้าวอีกขั้น" อัปเดตล่าสุดของทีม: "เราเสียโธมัส ปาร์เตย์ไปจากเกมกับเรอัล มาดริดในช่วงท้ายเกม (จากโทษแบน) เบน ไวต์และมิเกล เมริโน่สามารถกลับมาซ้อมได้แล้ว เราจะรอดูว่าพวกเขาพร้อมลงตัวจริงหรือไม่ ส่วนริคคาร์โด้ คาลาฟิออรียังไม่ฟิต" การเปลี่ยนแปลงของแนวคิดในทีม: "แค่ต้องเห็นภาพมันไว้ในหัว ต้องมั่นใจ เมื่อลงสนามก็ต้องคิดว่า ‘เราจะชนะพวกเขา’ เราจะดีกว่าพวกเขาในวันพรุ่งนี้ และเราจะทำทุกอย่างที่ถูกต้องเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการชนะเกมนี้ ลงสนามด้วยความมั่นใจและรู้สึกถึงพลังรอบตัว นั่นคือสิ่งสำคัญ ถ้าเราสร้างพลังงานนั้นได้ เราก็จะเข้าใกล้ชัยชนะมากขึ้น ผมสัมผัสได้ว่าทีมพร้อมมาก ๆ เราตื่นเต้นที่จะได้ลงเล่นในวันพรุ่งนี้ และเราจะทุ่มสุดตัวเพื่อพยายามคว้าชัยชนะให้ได้" ความรู้สึกเปลี่ยนไปตามเวลาไหม: "ผมคิดว่าคุณจะรู้สึกได้ เพราะมีงานเบื้องหลังที่ทำไว้มากมาย และเพราะนักเตะเองก็รู้สึกเชื่อมโยงกับสิ่งที่เราทำ พวกเขารู้สึกว่าเราสามารถเผชิญหน้ากับทีมเหล่านี้และสามารถดีกว่าได้ นั่นคือความรู้สึกที่เรามีตอนเจอเรอัล มาดริด, รอบก่อนหน้านี้ และในรอบแบ่งกลุ่ม และนั่นคือความรู้สึกที่เรามีในวันนี้ ผมมองตาพวกเขา และพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ลงเล่นพรุ่งนี้" การใช้พลังของประวัติศาสตร์ในทางบวก: "มันคือโอกาส เราต้องมีความรู้สึกว่าเราต้องควบคุมความรู้สึกนั้นไว้เพื่อออกไปเล่นในสนามและแสดงตัวตนของเราออกมา นี่คือตอนที่เราจะพูดว่า: 'นี่แหละคือพวกเรา นี่คือทีมของเรา นี่คือตัวฉันเอง และฉันจะทุ่มเททั้งหมดเพื่อให้มันสำเร็จ' เล่นด้วยจิตใจแบบนั้นและปล่อยตัวตามธรรมชาติ ทุกอย่างตอนนี้คือคำถามว่า ‘ขีดจำกัดอยู่ตรงไหน และฉันอยากไปไกลแค่ไหน?’" ชัยชนะต่อเปแอสเชในเดือนตุลาคมว่ายังเกี่ยวข้องไหม: "ผมคิดว่าเราต่างก็เรียนรู้จากกันและกัน มันเป็นชัยชนะสำคัญสำหรับเรา เพราะในตอนนั้นพวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในยุโรป และทำผลงานได้สม่ำเสมอมาก พวกเขามีโค้ชที่ยอดเยี่ยม และทีมก็เล่นร่วมกันมานาน การที่เราสามารถเข้าไปอยู่ในระดับนั้น และพูดได้ว่า 'เราแข่งขันได้ และเราชนะได้' ถือเป็นการเตรียมตัวที่ดีสำหรับเกมที่จะมาถึง" วิธีสลัดความกดดันออกไป: "อยู่กับปัจจุบัน ช่วงเวลานี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เราโชคดีมาก เราทุ่มเทอย่างหนักเพื่อมาถึงจุดนี้ เราได้มันมาด้วยการทำงานหนัก ด้วยความกระตือรือร้น เพราะเราต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย และยังสามารถแข่งขันในระดับสูงสุดตลอด 10 เดือน เราสมควรได้รับมันแล้ว อยู่กับปัจจุบันและใช้ชีวิตกับช่วงเวลานี้ มันคือช่วงเวลาที่สวยงาม ใช้ชีวิตกับมันและสนุกกับมัน" การพูดถึงอดีต: "สำหรับผม มันไม่เกี่ยวข้องแล้ว มันคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เราเรียนรู้บางอย่างได้จากมัน แต่ไม่ว่าจะอดีตไกลหรืออดีตใกล้ มันก็ผ่านไปแล้ว ผมสนใจอดีตใกล้ ๆ เพื่อเข้าใจว่าอะไรทำให้ทีมอยู่ในตำแหน่งที่เป็นอยู่วันนี้ และจะใช้สิ่งเหล่านั้นในการทำให้ดีขึ้นและชนะในวันพรุ่งนี้ได้อย่างไร" การได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของทีมอาร์เซนอลหญิง: "ทีมผู้หญิงทำมันสำเร็จแล้ว และพวกเธอคือแรงบันดาลใจ มันน่าทึ่งมากในสิ่งที่พวกเธอทำ และวิธีที่พวกเธอทำได้สำเร็จก็ยอดเยี่ยมมาก สำหรับเรามันคือเส้นทางที่แสดงให้เห็นว่าเราทำได้อย่างไร และมันสร้างแรงบันดาลใจให้กับเรามาก เพราะเราก็อยากไปถึงจุดนั้นเหมือนกัน" สิ่งที่เรียนรู้จากเกมชนะเปแอสเชในเดือนตุลาคม: "ผมชอบพลังงานตอนเราลงสนาม ภาษากาย ความเข้มข้น ความดุดัน เราเล่นด้วยความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง และเมื่อคุณเจอทีมใหญ่ คุณต้องใส่เกมไว้ในบริบทนั้นทันที" การสร้างสมดุลระหว่างความตื่นเต้นกับความกังวล: "การเตรียมตัว ผมคิดว่าเตรียมตัวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพลังงานของคุณสมดุล เข้าใจในสิ่งที่คุณต้องทำ มันถึงเวลาแสดงตัวตนในสนาม และสนุกกับการเป็นนักฟุตบอล สนุกกับการเล่นในหนึ่งในเวทีที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอล" ความแตกต่างระหว่างเปแอสเชกับเรอัล มาดริด: "พวกเขาเป็นคู่แข่งที่แตกต่างกันมาก ผมคิดว่าเปแอสเชเป็นทีมที่ผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างละเอียด มีความใส่ใจในรายละเอียดมาก และเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเกม พวกเขามีความสามารถเฉพาะตัวเช่นเดียวกับเรา ถ้าไม่อย่างนั้น เราคงไม่อยู่ที่นี่" การรับมือกับความคาดหวังที่สูงหลังชนะเรอัล มาดริด: "เราสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาได้ เพราะเราทำได้กับทีมที่ถือเป็นคู่แข่งที่ดีที่สุดในรายการนี้ และนั่นก็สร้างแรงกระตุ้นและความหวัง ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดมาก่อน แต่มันก็เป็นเรื่องดี" อาร์เซนอลควรจะถูกมองว่าเป็นเต็งแชมป์ UCL หรือไม่: "ถ้าดูจากประวัติศาสตร์ก็ไม่ใช่ เพราะเรายังไม่เคยทำได้เลย ดังนั้นยังมีอะไรอีกมากที่ต้องทำ แต่ถ้ามีคนเชื่อว่าเราทำได้ เพราะฟอร์มการเล่นและสิ่งที่ทีมส่งผ่านออกมาในการเจอกับทีมใหญ่ ๆ ถ้าเป็นแบบนั้น ก็โอเค" ความสำคัญของการเล่นด้วยแพสชั่น: "แน่นอนว่าสำคัญ การเล่นด้วยความเข้มข้น และเข้าใจวิธีจัดการกับช่วงเวลาทางอารมณ์เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่สุดท้าย คุณต้องเล่นตามเกมของตัวเอง และต้องแสดงคุณภาพในช่วงเวลาสำคัญ เพื่อให้สมควรชนะในเกมที่ต้องเจอกับคู่แข่งคุณภาพ" ช่วงเวลาที่เล่นให้เปแอสเช: "หนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดในฐานะนักเตะคือการได้ลงสนามเปิดตัวให้กับเปแอสเช ผมรู้สึกซาบซึ้งตลอดไปกับโอกาสและประสบการณ์ที่ได้รับ มันน่าทึ่งมาก พวกเขาเพิ่งแสดงภาพให้ผมดู เป็นภาพที่ผมอยู่กับอดีตนักเตะบางคน หนึ่งในนั้นคือโรนัลดินโญ่ มันเป็นภาพที่ไม่มีวันลืม ผมรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ"
-
จาก 36 สโมสรที่เริ่มต้นฤดูกาล ตอนนี้เหลือเพียง 4 ทีมเท่านั้น หลังจากรอบก่อนรองชนะเลิศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ตอนนี้เป็น อินเตอร์ มิลาน พบกับ บาร์เซโลนา และ อาร์เซนอล พบกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่จะลงสนามดวลกันในสองคู่บล็อกบัสเตอร์ของรอบรองชนะเลิศ แม้ว่าทั้งสี่ทีมที่เหลืออยู่จะยังคงเป็นตัวแทนของสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป แต่ปีนี้ก็มาพร้อมกับเรื่องราวใหม่ที่น่าตื่นเต้นอย่างแน่นอน อาร์เซนอลและเปแอสเชกำลังไล่ล่าความสำเร็จในการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ขณะที่บาร์เซโลนาและอินเตอร์ก็ไม่ได้สัมผัสถ้วยแชมป์มาเป็นเวลานานกว่าทศวรรษ ในช่วงเวลาที่เรอัล มาดริด และสโมสรยักษ์ใหญ่จากอังกฤษครองความยิ่งใหญ่มาโดยตลอด ตอนนี้บทใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น จากการประเมินของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Opta ในเวลานี้ อาร์เซนอลมีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุดที่ 28.7% อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างทั้งสี่ทีมนั้นถือว่าบางเฉียบ และคุณสามารถให้เหตุผลสนับสนุนได้ว่าทุกทีมมีศักยภาพเพียงพอที่จะคว้าแชมป์ไปครอง แล้วแต่ละคู่จะมีจุดพลิกเกมอยู่ที่ไหนบ้าง? ให้ The Athletic พาคุณไปเจาะลึกกลยุทธ์ของแต่ละทีม พร้อมข้อมูลน่าสนใจเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสก่อนศึกใหญ่นัดกลางสัปดาห์นี้ อาร์เซนอล ลืมพรีเมียร์ลีกไปได้เลย เพราะอาร์เซนอลกำลังลุยอย่างดุดันในเวทียุโรป ทีมของมิเกล อาร์เตตา ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับชัยชนะเหนือเรอัล มาดริด แชมป์เก่า หลังทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 โดยพวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในเกมรุกและเกมรับตลอดทั้งสองเลก แม้ว่าในฤดูกาลหลังๆ อาร์เซนอลจะมีปัญหาเมื่อต้องเจอกับทีมที่ตั้งรับลึก แต่สไตล์การเล่นเกมรุกของพวกเขาก็อาจเหมาะกับแชมเปียนส์ลีกมากกว่า เพราะที่นี่พวกเขาต้องเจอกับทีมที่กล้าเปิดเกมแลกกันมากขึ้น ด้วยพื้นที่ริมเส้นที่เปิดกว้างกว่า อาร์เตตาได้เน้นการโจมตีทางด้านข้างอย่างหนักหน่วงในการแข่งขันยุโรป ในบรรดาสี่ทีมที่เหลือ อาร์เซนอลมีสัดส่วนการสัมผัสบอลในพื้นที่กลางสนามเพียง 24% ซึ่งต่ำที่สุด การกลับมาฟิตสมบูรณ์และฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของบูกาโย ซากา สร้างความยินดีให้กับแฟนๆ อาร์เซนอลอย่างถ้วนหน้า โดยแข้งวัย 23 ปีมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ทีมเอาชนะมาดริดได้ เขาเรียกฟาวล์ได้สองครั้งซึ่งนำไปสู่ประตูจากฟรีคิกของดีแคลน ไรซ์ และการยิงชิพแบบเฉียบคมที่สนามเบร์นาเบวก็เป็นการปิดฉากผลงานที่น่าจดจำทั้งสองนัด เกมที่สเปนมีรูปแบบแตกต่างจากเลกแรกที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ อาร์เซนอลวางหมากแบบ 4-4-2 ยามไม่มีบอลที่เบร์นาเบว รักษาความแน่นหนาเพื่อบีบให้มาดริดเปิดเกมบุกทางริมเส้น และแทบไม่เปิดโอกาสให้เจาะเข้ากลางได้ อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายช่วงเวลาที่รูปแบบเกมรับของพวกเขาถอยลึกยิ่งกว่าเดิม อาร์เซนอลของอาร์เตตาแสดงให้เห็นถึงการจัดระเบียบเกมรับอย่างแข็งแกร่ง คุณสามารถเห็นได้ว่ามีจังหวะที่พวกเขากลายเป็นแนวรับห้าคน หกคน เจ็ดคน หรือแม้กระทั่งแปดคนตลอดเกมที่สอง ด้วยการที่ไรซ์หรือโธมัส ปาร์เตย์ ถอยลงมาประคองคู่เซ็นเตอร์แบ็ก หรือซากาและกาเบรียล มาร์ติเนลลี ถอยกลับไปช่วยฟูลแบ็กแต่ละฝั่ง แม้ว่าจะไม่คาดหวังว่าอาร์เซนอลจะเล่นแบบนี้ตลอดทั้งสองเลกในรอบรองชนะเลิศกับเปแอสเช แต่ก็น่าจะมีบางช่วงที่พวกเขาต้องตั้งรับแน่นบริเวณกรอบเขตโทษแบบนี้อีก เมื่อพิจารณาถึงการหมุนเวียนตัวผู้เล่นแนวรุกอย่างลื่นไหลของทีมเปแอสเช อาร์เซนอลจำเป็นต้องรักษาโครงสร้างเกมรับของตัวเองให้ดีในทั้งสองนัด โชคดีที่ลูกทีมของอาร์เตตาแข็งแกร่งในการเล่นเกมรับ โดยมีสถิติค่า "Expected Goals Against" หรือ xGA ต่อ 90 นาที ที่ 0.83 ซึ่งเป็นอันดับสองในบรรดาท็อปไฟว์ลีกยุโรปในฤดูกาลนี้ ยิ่งไปกว่านั้น อาร์เซนอลยังเคยเก็บคลีนชีตได้ในชัยชนะ 2-0 เหนือเปแอสเชช่วงรอบแบ่งกลุ่มเมื่อเดือนตุลาคม ดังนั้นพวกเขามีเหตุผลไม่น้อยที่จะมั่นใจอย่างเงียบๆ ว่าจะสร้างค่ำคืนที่น่าจดจำอีกครั้งในลอนดอนและปารีส ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) การเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นปีที่สองติดต่อกันไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับเปแอสเช โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากบริบทที่หลุยส์ เอ็นริเกทำผลงานนี้ได้สำเร็จในฤดูกาลนี้ ทีมเปแอสเชที่ไม่มีคีเลียน เอ็มบัปเปนั้นดูมีความเป็นหนึ่งเดียว ประสานงาน และมีความลงตัวมากกว่าหลายปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน และเห็นได้ว่าทีมชุดนี้ใกล้เคียงกับอุดมคติของเอ็นริเกที่สุด ทั้งในเกมรุกและเกมรับ นับตั้งแต่เขาเข้ามาคุมทีมในกรุงปารีส การมีสกอร์นำ 3-1 จากนัดแรกเหนือแอสตัน วิลล่า ควรทำให้เกมนัดสองที่วิลล่า พาร์กเป็นงานที่ง่ายขึ้น แต่ลูกทีมของอูไน เอเมรีกลับสร้างความหวาดเสียวให้กับเปแอสเชด้วยการบุกที่รวดเร็วและตรงกลางอย่างดุดัน "วิลล่าไม่สามารถตีเสมอได้ แต่ช่วงประมาณ 10 นาที เราเริ่มสงสัยว่าพวกเราจะสามารถครองบอลได้ไหม หรือสามารถพาบอลขึ้นมาจากแดนกลางได้ไหม หรือแม้แต่จะโยนยาวก็ยาก" เอ็นริเกกล่าวหลังจบเกม "ผมคิดว่าทีมนี้ไม่เคยโดนกดดันจากทีมอื่นแบบนี้มาก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าคู่แข่งต้องยอมเสี่ยง เพราะพวกเขากำลังจะตกรอบ พวกเขาโจมตีด้วยความเข้มข้นสูง แถมเล่นต่อหน้ากองเชียร์ที่ยอดเยี่ยมด้วย" หลายทีมมักจะเสียสมาธิภายใต้บรรยากาศอันเร้าใจในค่ำคืนแชมเปียนส์ลีก แต่เปแอสเชยังคงยืนหยัดได้ ด้วยความช่วยเหลือจากจานลุยจิ ดอนนารุมมา นายประตูมือหนึ่ง และถือว่าคว้าชัยชนะสมควรในทั้งสองนัด ถึงแม้เปแอสเชจะคว้าชัยชนะได้ แต่เอ็นริเกก็คงไม่พอใจกับผลงานเกมรับในนัดที่วิลล่า พาร์กนัก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าการเล่นเกมรับนอกการครอบครองบอลเป็นจุดเด่นของพวกเขาในฤดูกาลนี้ การไล่บีบสูงแบบประสานงานกันเป็นอย่างดีช่วยบีบให้คู่แข่งต้องเตะบอลยาวเมื่อเริ่มเกม และทำให้เปแอสเชสามารถแย่งบอลกลับมาเพื่อควบคุมจังหวะของเกมได้ อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ยุติธรรมถ้าจะพูดถึงเปแอสเชในเชิงเกมรับโดยไม่กล่าวถึงคุณภาพทางเทคนิคอันยอดเยี่ยมในเกมรุก พวกเขาอาจเริ่มต้นแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ได้ช้ากว่าที่หวังไว้ แต่ตอนนี้ชัดเจนว่าฟอร์มของพวกเขากำลังพีกในเวลาที่เหมาะสมที่สุด หากคู่แข่งถอยตั้งรับ เปแอสเชก็มีนักเตะอย่างเจา เนเวส, วิตินญา และฟาเบียน รุยซ์ ที่สามารถต่อบอลสั้นและค่อยๆ เจาะแนวรับได้ โดยพวกเขาจะถอยออกนอกแนวรับของคู่แข่งเพื่อเริ่มต้นการขยับเกมบุกขึ้นไป แต่ถ้าเข้าไปเจอกับเกมส์รับที่แน่นหนา เปแอสเชก็มีความสามารถเฉพาะตัวในการเอาชนะแนวรับของทีมระดับท็อปได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่างเช่น เปแอสเชมีค่าเฉลี่ยการเลี้ยงบอล (take-ons) ต่อ 90 นาทีอยู่ที่ 27.9 ครั้ง ซึ่งมากที่สุดในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ ด้วยผู้เล่นแนวรุกที่ชำนาญการดวลตัวต่อตัวหลายคน แม้จะไม่เห็นบ่อยนักในเกมที่วิลล่า พาร์ก แต่ผู้เล่นอย่างอุสมาน เดมเบเล, แบรดลีย์ บาร์โคล่า, เดซีเร่ ดูเอ้ และควิชา ควารัตสเคเลีย มักสลับตำแหน่งในแนวรุกอย่างลื่นไหลและปรากฏตัวตามพื้นที่ต่างๆ ของสนาม ยิ่งเสริมด้วยพลังการเติมเกมของฟูลแบ็กอย่างนูโน เมนเดส และอัชราฟ ฮาคิมี ซึ่งทั้งคู่ยิงประตูได้ในนัดที่สองของรอบก่อนรองชนะเลิศ เปแอสเชจึงมีตัวเลือกมากมายในการถล่มแนวรับคู่แข่ง ประตูของเมนเดสคือตัวอย่างที่ชัดเจนถึงอันตรายอันเฉียบคมของทีมเอ็นริเก การวิ่งเสริมเป็นคนที่สาม (third-man running) การเล่นบอลจังหวะเดียว และการใช้ความกว้างของสนามอย่างเต็มที่คือสูตรรุกที่ร้ายกาจ กล่าวได้ว่า เปแอสเชยังไม่สมบูรณ์นักในเกมเจอกับอาร์เซนอลเมื่อเดือนตุลาคม แต่ทีมของเอ็นริเกได้เข้าสู่ฟอร์มสูงสุดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ด้วยแชมป์ลีกเอิงที่การันตีแล้ว และโอกาสลุ้นทริปเปิลแชมป์ยังอยู่ในเส้นทาง โมเมนตัมตอนนี้จึงอยู่กับเปแอสเชในการไล่ล่าถ้วยแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกของพวกเขา บาร์เซโลนา ความพ่ายแพ้ 1-3 ในนัดที่สองต่อโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เป็นผลการแข่งขันที่ผิดปกติสำหรับบาร์เซโลนา แม้สถิติไม่แพ้ใคร 24 นัดติดต่อกันจะสิ้นสุดลง แต่ด้วยการที่มีสกอร์นำขาดถึง 4 ลูกจากนัดแรก ทำให้ทีมของฮันซี่ ฟลิค ไม่จำเป็นต้องเร่งเครื่องเต็มที่ที่สนามเวสต์ฟาเล่น สตาดิโอน โดยเน้นการบริหารจัดการผลการแข่งขันมากกว่าการบุกหนัก นอกจากสามประตูที่ดอร์ทมุนด์ยิงได้แล้ว พวกเขายังส่งบอลเข้าประตูบาร์เซโลนาได้อีกสองครั้งจากการวิ่งทะลุแนวรับลึกของปาสกาล กรอสส์และยูเลียน บรันด์ท แต่ทั้งสองประตูถูกยกเลิกเนื่องจากล้ำหน้า เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นภาพรวมของฤดูกาลนี้ของบาร์เซโลนาภายใต้การคุมทีมของฟลิค ที่กล้าใช้แนวรับสูงมาก ตัวเลขสถิติก็สนับสนุนเช่นนั้น บาร์เซโลนาดักคู่แข่งให้ล้ำหน้าได้ถึง 68 ครั้งในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ มากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกทีมที่เข้ารอบน็อกเอาต์ โดยแอสตัน วิลลาอยู่ในอันดับสองที่ 34 ครั้ง — เท่ากับครึ่งหนึ่งของบาร์เซโลนาเลยทีเดียว ทั้งที่ลงเล่นจำนวนนัดเท่ากัน บาร์เซโลนามีระยะความสูงเฉลี่ยของแนวรับที่ 33.7 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างมีแบบแผนเมื่อไม่ครองบอลที่ฟลิคพัฒนาขึ้นมาอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่าแนวทางนี้ก็มีช่องโหว่เช่นกัน การที่โรนัลด์ อเราโฮ ลงมาเสริมแนวรับในเกมกับดอร์ทมุนด์ ทำให้แฟนบอลบาร์เซโลนาอาจต้องลุ้นกันทุกครั้งเมื่อเห็นการเล่นแนวรับสูงแบบกล้าหาญเช่นนี้ และแนวทางนี้จะยิ่งถูกทดสอบอย่างหนักเมื่อต้องเจอกับคู่หูเกมรุกของอินเตอร์อย่างเลาตาโร มาร์ติเนซและมาร์คุส ตูราม แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้มีความเร็วจัดนัก แต่การประสานงานที่แนบเนียนก็เพียงพอที่จะสร้างปัญหาให้กับแนวรับทีมใดก็ได้ในยุโรป แน่นอนว่าจุดแข็งของบาร์เซโลนายังคงมีมากกว่าจุดอ่อนภายใต้การคุมทีมของฟลิค ในขณะที่พวกเขามุ่งหน้าสู่การลุ้นทริปเปิลแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้ง ในเกมรุก ความหลากหลายที่พวกเขามีทำให้เหมาะสมกับฟุตบอลรอบน็อกเอาต์อย่างยิ่ง — มีความคล้ายคลึงกับทีมชาติสเปนของหลุยส์ เด ลา ฟวนเตที่คว้าแชมป์ยูโร 2024 ในด้านหนึ่ง ทีมของฟลิคเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นบอลต่อเนื่องมากกว่า 9 ครั้งต่อหนึ่งเซ็ตบ่อยที่สุดในรายการนี้ โดยใช้คุณภาพทางเทคนิคของเปดรี, เฟรงกี้ เดอ ยอง และ (ก่อนหน้านี้ในรายการ) มาร์ค กาซาโด เพื่อควบคุมเกม แต่อย่าเข้าใจผิดว่าบาร์เซโลนามีแต่การต่อบอลเพื่อครองเกม เพราะพวกเขายังมีอาวุธในจังหวะสวนกลับด้วยความเร็วของลามีน ยามาล และราฟินญา ที่สามารถลงโทษคู่แข่งในจังหวะเปลี่ยนเกมได้อย่างรุนแรง ประตู 8 ลูกของพวกเขาในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้มาจากการโจมตีแบบไดเรกซ์ซึ่งมากที่สุดในรายการ แม้ว่าจำนวนครั้งที่ใช้การโจมตีแบบนี้จะน้อยกว่าทีมอื่น ๆ เช่น เปแอสเชที่ใช้บ่อยกว่าถึงสองเท่า แต่เมื่อบาร์เซโลนาแย่งบอลได้ พวกเขาก็สามารถทะลวงแนวรับคู่แข่งได้ในพริบตา ราฟินญาทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้ดีที่สุดในเส้นทางอาชีพ โดยยิงได้ 12 ประตูในแชมเปียนส์ลีก และอีก 15 ประตูในลาลีกา — แต่ไม่มีใครโดดเด่นเท่าลามีน ยามาล แม้จะมีการยกย่องยามาลไปมากแล้ว แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือความไม่สามารถคาดเดาได้ของเขาในช่วงเริ่มต้นอาชีพ เมื่อดูจากการเลี้ยงบอลนลาลีกาฤดูกาลนี้ จะเห็นได้ว่าเขาสามารถตัดเข้าในด้วยเท้าซ้ายที่ถนัด วิ่งอ้อมออกด้านนอก หรือพุ่งตรงไปข้างหน้าก็ได้ตามจังหวะ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายอยู่ที่ว่ายามาลจะยังสามารถสร้างความสุขได้หรือไม่เมื่อเจอกับแนวรับห้าคนของอินเตอร์ เพราะทีมของซิโมเน อินซากีถือเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรปในการรับมือกับเกมริมเส้น โดยมักจะมีการซ้อนตัวช่วยกันระหว่างเซนเตอร์แบ็กกับมิดฟิลด์เพื่อกดดันปีกของคู่แข่ง ด้วยพรสวรรค์มหาศาลของทั้งสองทีม อย่าลืมจับตาดูการต่อสู้ริมเส้นตลอดทั้งสองนัดนี้ อินเตอร์ มิลาน แม้อินเตอร์อาจถูกมองว่าเป็นทีมรองบ่อน เป็นทีมที่ถูกมองว่ามีโอกาสคว้าแชมป์น้อยที่สุดในบรรดา 4 ทีม แต่ทีมอินเตอร์ มิลาน ชุดนี้เคยผ่านประสบการณ์เล่นในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนลีกมาแล้ว แกนหลักของทีมนั้นยังคงอยู่ครบ โดยมีถึง 8 คนจาก 11 ตัวจริงในรอบชิงปี 2023 (ซึ่งพ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1) ที่ยังคงค้าแข้งอยู่กับสโมสร ความต่อเนื่องนี้ทำให้ซิโมเน อินซากีสามารถหล่อหลอมให้ทีมกลายเป็นหนึ่งในทีมที่มีเอกลักษณ์ทางแท็กติกชัดเจนที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ในขณะที่ทีมอื่น ๆ ที่เหลือมักถูกนิยามด้วยการเพรสซิ่งสูงและการเล่นเชิงรุก อินเตอร์เลือกที่จะใช้แนวทางที่สุขุมและควบคุมเกมมากกว่า จากสถิติ PPDA (จำนวนครั้งที่คู่แข่งผ่านบอลได้ต่อหนึ่งการเพรสซิ่ง) อินเตอร์เพรสซิ่งต่ำกว่าทุกทีมที่เข้ารอบ 16 ทีม ยกเว้นคลับ บรูช แทนที่จะกดดันสูง อินเตอร์เลือกที่จะถอยตั้งรับลึกในระบบ 3-5-2 ที่มีระเบียบวินัยสูง และค่อย ๆ ต่อบอลขึ้นมาจากแนวหลัง ความเร็วในการขึ้นเกมของอินเตอร์ — ซึ่งวัดจากความเร็วในการพาบอลขึ้นหน้าสู่พื้นที่โจมตี — ช้ากว่าทุกทีมในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ ยกเว้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของเป๊ป กวาร์ดิโอลา แนวทางที่อดทนนี้ช่วยเสริมเกมรับเมื่อไม่ได้ครองบอล เหมือนทีมชาติอิตาลีแบบดั้งเดิม อินเตอร์เล่นเกมรับโดยไม่ต้องครองบอลได้อย่างสบาย ๆ — โดยเสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้นในรายการนี้ ซึ่งน้อยที่สุดในบรรดาทุกทีม อินซากีมักพูดถึงความพร้อมของทีมในการทำงานหนักเวลาไม่ได้ครองบอล เช่นก่อนเกมเลกสองกับบาเยิร์น มิวนิก เขากล่าวว่าทีมจะต้อง "อดทนต่อความกดดัน" ให้ได้ และสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นจริง อินเตอร์ยอมเสียการครองบอลให้ทีมของแวงซ็องต์ กอมปานีในทั้งสองเกม แม้ว่าบางครั้งจะต้องพึ่งโชค แต่ด้วยการต่อเกมที่เป็นระบบ พวกเขาแทบไม่เสียรูปกระบวนเลยเวลาที่เสียบอล พวกเขาเสียแค่ 0.18 xG (expected goals) จากจังหวะโต้กลับเร็ว และมีค่า xG ต่อการยิงที่ต่ำที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ อย่างไรก็ตาม ความมีระเบียบวินัยของอินเตอร์ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไร้จินตนาการ อินเตอร์เป็นหนึ่งในทีมที่มีการเคลื่อนที่ตำแหน่งอย่างลื่นไหลที่สุดในยุโรป โดยการหมุนเวียนตำแหน่งเป็นจุดเด่นในเกมรุก แผนที่สัมผัสบอลของนิโคโล บาเรลลาในรายการนี้สะท้อนความลื่นไหลนี้ — แม้จะเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางตามตำแหน่ง แต่เขามักปรากฏตัวทั้งทางริมเส้น โซนรับลึก และในพื้นที่สุดท้ายหลังสองกองหน้า อินซากีให้อิสระแก่ผู้เล่นในการสลับตำแหน่ง ทำให้อินเตอร์ยากต่อการคาดเดาและสามารถสร้างความได้เปรียบเชิงจำนวนในหลายพื้นที่ของสนาม อีกหนึ่งจุดแข็งในระบบของอินซากีก็คือการสร้างคู่กองหน้าระหว่างเลาตาโร มาร์ติเนซ และมาร์คุส ตูราม การเล่นกองหน้าคู่เริ่มหายากในฟุตบอลยุคปัจจุบัน แต่สำหรับอินเตอร์ มันกลายเป็นจุดแข็งที่โดดเด่น ก่อนเจออาร์เบ ไลป์ซิก อินซากีเคยพูดถึงความสำคัญของการ "รักษารูปทรง และรู้ว่าเมื่อไรควรจู่โจม" ตัวอย่างที่ชัดเจนคือประตูแรกที่พวกเขายิงใส่บาเยิร์น — ซึ่งการประสานงานอันยอดเยี่ยมของสองกองหน้าเป็นหัวใจสำคัญ หลังจากการโต้กลับอย่างรวดเร็ว ตูรามใช้ส้นเท้าแตะบอลจากกลางเขตโทษส่งให้มาร์ติเนซที่วิ่งสอดมา ยิงด้วยข้างเท้านอกอย่างเหนือชั้น — เป็นหนึ่งในลูกยิงที่ถูกเสนอชื่อเป็นประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์ ในการพบกับบาร์เซโลนา อินเตอร์ก็น่าจะต้องพึ่งพาโอกาสในการครองบอลแบบจำกัดอีกครั้ง แต่ด้วยวินัยเกมรับ ความยืดหยุ่นทางแท็กติก และความสามารถในการโจมตีอย่างเฉียบขาด พวกเขายังมีศักยภาพเต็มที่ที่จะสร้างปัญหาใหญ่ได้ เมื่อครั้งที่อินเตอร์เจอกับบาร์เซโลนาในปี 2022 อินซากีกล่าวว่า: "มันคือเกมที่ละเอียดอ่อนมาก และเราต้องแสดงเขี้ยวเล็บออกมา" เตรียมเห็นสิ่งนั้นอีกครั้งในรอบนี้
-
keeleng36 joined the community
-
PREMIER LEAGUE 2024/25 Arsenal 2 - 2 Crystal Palace Wed 23 March 2025, 02.00 น. GOAL: 1-0 ยาคุบ คิวิออร์ (นาทีที่ 3, โอเดการ์ด) 1-1 เอเบเรซี เอเซ่ (นาทีที่ 27) 2-1 เลอันโดร ทรอสซาร์ (นาทีที่ 42, ทิมเบอร์) 2-2 ณอง ฟิลิปป์ มาเตต้า (นาทีที่ 83) ดาวิด ราย่า: 5.5 เป็นวันที่หลุดฟอร์มไปเหมือนกันสำหรับราย่า การออกบอลเสียจากเท้าที่ผิดพลาด การออกมาชกลูกเตะมุมที่มีวืดวาดอยู่ 2-3 หน วิลเลี่ยม ซาลิบา: 5.5 ผิดพลาดแบบเหลือเชื่ออีกแล้วสำหรับซาลิบาในการจังหวะขึ้นเกมส์ ทำให้ทีมโดนตีเสมอ 2-2 เหมือนกับที่พลาดในนัดเรอัล มาดริดเลย ต้องตั้งสติหน่อยซาลิบา ทำทีมเสียสองคะแนน แบบไม่ได้มีแรงกดดันอะไรเลย ยาคุบ คิวิออร์: 7.0 ทะยานตัวขึ้นโขกลูกฟรีคิกส่งให้ทีมขึ้นนำ 1-0 เร็วตั้งแต่ต้นเกมส์ แล้วมีจังหวะบล็อกลูกยิงเอ็นเคเทียห์ได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดได้ด้วย ท้ายๆ เกมส์มีแกว่งๆ เหมือนกัน เมื่อพาเลซเปลี่ยนมาเตเต้าลงมา ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.5 นานๆ จะเติมเกมส์ขึ้นไปสักที แต่เติมไปแต่ละทีก็ได้เรื่องตลอด ประตูนำ 2-1 ก็เป็นเขาที่เปิดเข้าไป อีกครั้งเติมไปถึงสุดเส้นก่อนยกเข้ามาในให้มาร์ตี้ชาร์จจ่อๆ เข้าไป แต่ลูกนี้บอลหลังไปก่อนแล้ว เกมส์รับทิมเบอร์ก็ยังทำได้ดี ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่: 6.0 ครึ่งแรกมีปัญหาเรื่องเกมส์รับอยู่พอสมควร กับบอลไดเร็กซ์ของฝั่งพาเลซ และการเติมเกมส์ฝั่งวิงแบ็ค ครึ่งหลังดูจะทำได้ดีขึ้น โธมัส ปาร์เตย์: 6.5 กลับมาลงตัวจริง หลังจากได้พักมาในนัดที่แล้วแบบเต็มๆ ช่วงครึ่งแรกยังมีความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เคลียร์ไม่ดีบ้าง จ่ายพลาดบ้าง ครึ่งหลังมีโชว์สเต็ปพลิกหลอกแบบเหนือชั้นไปหลายครั้ง เดแคลน ไรซ์: 6.0 ไรซ์เล่นแบบเซฟแรง เซฟร่างกายอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นคนที่แทบจะไม่ได้พักเลยในช่วงหลัง โดยเฉพาะครึ่งหลังไรซ์ บทบาทหายไปเยอะมาก มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (C) เป็นคนเปิดฟรีคิกให้กับคิวิออร์ขึ้นโขกประตูแรก แต่วันนี้บอลที่จ่ายเข้าพื้นที่สุดท้ายของโอเดการ์ด หลายครั้งมากที่มันขาดๆ เกินๆ ไม่ได้มีประสิทธิภาพแบบที่เคยทำได้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 5.5 มาร์ติเนลลี่ ไม่สามารถที่จะกดดันแนวรับของพาเลซได้เลย ภาพรวมเป็นเกมส์ที่ค่อนข้างเงียบ มีจังหวะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้แล้วแต่บอลจากทิมเบอร์ออกหลังไปก่อนแล้ว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง: 5.0 ผลงานก็ยังเหมือนเดิมสำหรับสเตอร์ลิ่ง มีโอกาสได้ลงตัวจริง แต่ไม่สามารถสร้างผลงานอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันเลยกับเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในสนาม เลอันโดร ทรอสซาร์: 7.0 ได้สตาร์ทในตำแหน่งกองหน้าต่ออีกนัด หลังจากยิงไปสองประตูในเกมส์ก่อน ครึ่งแรกทรอสซาร์บทบาทไม่เยอะ แต่ก็เป็นเขาที่พลิกบอล ก่อนจะยิงเสียบมุมให้ทีมขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 ตัวสำรอง: บูคาโญ ซาก้า: 6.0 (นาทีที่ 60, สเตอร์ลิ่ง) อีธาน วาเนรี: 6.0 (นาทีที่ 86, โอเดการ์ด) คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.0 (นาทีที่ 86, ลูอิส-สเคลลี่)
-
มิเกล อาร์เตต้า กลับมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่ออีกครั้งที่ศูนย์ฝึกซ้อม Sobha Realty Training Centre ก่อนเกมพบคริสตัล พาเลซในวันอังคาร ผู้จัดการทีมของเราถูกถามเกี่ยวกับอัปเดตอาการบาดเจ็บของนักเตะ, ความเห็นต่ออดีตนักเตะอย่างแจ็ค วิลเชียร์และอารอน แรมซีย์ที่หันมาทำงานโค้ช และมองถึงเกมวันพุธที่จะถึงนี้กับพาเลซ ความฟิตของบูคาโย่ ซาก้า: “เราต้องรอดูว่าเขาตอบสนองต่อการฝึกซ้อมยังไง แต่ดูแล้วไม่ใช่อาการที่ร้ายแรงอะไร” โอกาสที่ซาก้าจะได้ลงเล่นวันพุธ: “ถ้าเราต้องการ ผมคิดว่าเขามีโอกาสดีที่จะได้ลงเล่นพรุ่งนี้” ความฟิตของคาลาฟิออรีและจอร์จินโญ่: “ริชชี่ไม่พร้อมลงเล่น และจอร์จินโญ่ก็เช่นกัน ซึ่งผมคิดว่าเขาน่าจะต้องพักหลายสัปดาห์เลยทีเดียว” จอร์จินโญ่จะกลับมาก่อนจบฤดูกาลมั้ย: “ผมหวังว่าใช่ แต่ยังไม่แน่นอน ต้องดูพัฒนาการของเขาอีกสักพัก ดีที่ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นแล้ว” ปัญหาอาการบาดเจ็บของคาลาฟิออรี: “สามในสี่เป็นอุบัติเหตุ หนึ่งคือข้อเท้าพลิกหนัก แต่โชคดีที่ไม่แย่กว่านี้ เราเรียนรู้ได้มากขึ้นว่าเขาเป็นคนแบบไหนและต้องดูแลยังไง” การมีเวลาหยุด 6 วันหลังเกม: “นั่นคือสิ่งที่เรามี เราต้องใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุด และแน่นอนว่าเราต้องชนะเกมพรุ่งนี้ก่อน แล้วค่อยมีเวลาวางแผนต่อไป” ช่องว่างระหว่างเกมที่อาจมีผลต่อการเลือกผู้เล่น: “ใช่ เรามีเวลามากขึ้น แต่ทางเลือกที่มีในทีมตอนนี้ไม่ได้มากนัก โดยเฉพาะเมื่อบางคนเพิ่งกลับมาและจำกัดเวลาลงเล่น แต่ก็ดีที่มีเวลาพักบ้าง เพราะเรามีผู้เล่นจำกัดจริงๆ” การทดลองแผนโดยไม่มีโธมัส ปาร์เตย์: “เหตุผลหลักคือโธมัสไม่พร้อมลงตัวจริง และสุดท้ายเราก็ตัดสินใจไม่ส่งเขาลงเลย เพราะเขารู้สึกไม่ค่อยดี เรามีทางเลือกอยู่บ้างและมีโอกาสได้ทดลองแผนใหม่” อัปเดตสัญญาของปาร์เตย์: “เรื่องโธมัสเหรอ? คุณสามารถคุยกับอันเดรียต่ออีกหลายนาทีได้เลยนะ (พูดแบบติดตลก)” ลิเวอร์พูลที่กำลังเตรียมฉลอง: “แรงจูงใจของเราคือชนะเกมของตัวเองและทำให้ดีที่สุด ส่วนอย่างอื่นเราควบคุมไม่ได้” การแกล้งทำให้ทีมคู่แข่งลำบาก: “ทีมอื่นเจ็บใจเหรอ? ก็แล้วแต่ว่าเราทำให้เขาทรมานยังไง (หัวเราะ)” ที่ท็อตแน่มอาจต้องตั้งแถวต้อนรับ: “คุณไปไกลแล้วนะ ผมยังโฟกัสแค่เกมอยู่เลย” สถิติของโอเดการ์ดเมื่อสุดสัปดาห์: “ใช่ เขายอดเยี่ยมมาก มีผลต่อเกมในแบบที่เราต้องการ และสถิติที่เขาทำได้นั้นโดดเด่นมาก” มาร์ติเนลลี่ถูกมองข้ามหรือเปล่า: “ไม่เลย อย่างน้อยก็ไม่ใช่จากเรา เขาแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอ และทำผลงานได้ดีมากสำหรับอายุขนาดนี้ในสโมสรใหญ่อย่างอาร์เซนอล เขาเป็นนักเตะที่ทำงานหนักและมีความกระหายในการลงเล่นทุกนาทีของทุกการแข่งขัน ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องการ” โค้ชโอลิเวอร์ กลาสเนอร์: “เขาทำงานได้อย่างเหลือเชื่อ พาทีมมีตัวตนที่ชัดเจน ใช้ศักยภาพทีมได้เต็มที่ และทำให้พวกเขาเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งมาก” การชนะคริสตัล พาเลซ 5-1 ในเดือนธันวาคม: “การได้ผลแบบนี้ในพรีเมียร์ลีกต้องทำหลายอย่างให้ถูกต้อง เราต้องพยายามทำให้ได้แบบนั้นอีกครั้ง แต่ก็รู้ว่าพวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งและเล่นนอกบ้านได้ดีมาก” เกี่ยวกับการพักผู้เล่นเพื่อเจอเปแอสเช: “เราคิดแบบนั้นไม่ได้ ถ้านักเตะฟิตและอยากลงเล่น พวกเขาก็ควรจะได้ลงเล่น พวกเขาจะอยู่ในฟอร์มดีที่สุดเมื่อได้เล่นต่อเนื่อง” ความกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บ: “มันต้องหาจุดสมดุล เรามีทีมงานที่ยอดเยี่ยมคอยให้คำแนะนำ แต่ในฟุตบอล ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ” แจ็ค วิลเชียร์ที่ไปคุมทีมนอริชชั่วคราว: “เราขออวยพรให้เขาโชคดี เช่นเดียวกับอารอน มันน่าดีใจที่อดีตเพื่อนร่วมทีมมีบทบาทสำคัญในวงการโค้ช” นักเตะยุคนี้ยังอยากเป็นผู้จัดการทีมอยู่มั้ย: “ผมหวังว่าใช่ มันแสดงว่าพวกเขายังรักเกมนี้ และอยากมีบทบาทอื่นต่อไป” ประหลาดใจไหมที่อารอน แรมซีย์มาเป็นผู้จัดการทีม: “นิดหน่อย เพราะผมไม่ได้ใกล้ชิดเขาเหมือนแจ็ค แต่ด้วยประสบการณ์ของเขา ถ้าเขาอยากทำ ผมไม่แปลกใจเลยที่เขาทำได้” พวกเขาเป็นลูกศิษย์เวนเกอร์หรือเปล่า: “ก็หวังว่าใช่นะ อาร์แซนควรรู้สึกภูมิใจที่มีนักเตะ 3 คนที่เขาเคยคุมแล้วหันมาทำงานโค้ช เพราะแรงบันดาลใจที่เขามอบให้” ยิงจากลูกเตะมุมสั้น: “ใช่ เมื่อทีมคู่แข่งปรับตัว ช่องโหว่จะอยู่ตรงอื่น และเราต้องหาวิธีเจาะมันให้ได้” ลูอิส-สเกลลี่ จะเล่นแบ็คซ้ายตลอดอาชีพมั้ย: “ยังเร็วไปที่จะบอกแบบนั้น เขาทำหน้าที่ได้ดีในตำแหน่งนี้ แต่เขาก็เล่นกลางสนามได้ดีเช่นกัน เป็นนักเตะที่เล่นได้หลายตำแหน่ง” เขาจะมาแทนโธมัส ปาร์เตย์ได้ไหม: “ได้แน่นอน เขาเล่นเป็นเบอร์ 6 หรือเบอร์ 8 ก็ได้ เคยเล่นมาหลายครั้งแล้ว และมีคุณสมบัติครบ” ซาก้ากลับมาฟอร์มดีเร็วขนาดนี้ได้ยังไง: “นั่นคือสิ่งที่เราหวัง และเขาเตรียมตัวมาอย่างดี เล่นได้ระดับนั้นหลังจากพักไป 3 เดือนครึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องยกเครดิตให้เขาและทีมงาน” อยากให้ซาก้าต่อสัญญาไหม: “แน่นอน เมื่อถึงเวลาคุย ผมมั่นใจว่าสโมสรดูแลเรื่องนี้อยู่ และซาก้าเองก็เคยพูดชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร ทุกอย่างกำลังไปในทิศทางที่ดี”
-
หลังจากที่เราชนะอิปสวิช ทาวน์ 4-0 ที่พอร์ตแมน โร้ด มิเกล อาร์เตต้าได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมเพื่อพูดถึงประเด็นสำคัญต่าง ๆ ในช่วงบ่ายนี้ ฟอร์มการเล่น: เรามีความสุขมากกับฟอร์มในวันนี้ ผมคิดว่า 35 นาทีแรกเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งที่เราเล่นในฤดูกาลนี้ ต่อเนื่องจากเกมที่มาดริด เรายิงได้สองประตู และจริง ๆ แล้วน่าจะได้สามหรือสี่ลูกด้วยซ้ำ เราคุมเกมไว้ได้หมด เล่นด้วยความเข้มข้นสูง และเข้าใจสิ่งที่เราต้องทำเพื่อชนะในวันนี้ พอพวกเขาโดนใบแดง บรรยากาศของเกมก็เปลี่ยน เราคุมเกมไว้ได้ ยิงเพิ่มอีกสองลูก และมีการหมุนเวียนนักเตะเล็กน้อย สรุปแล้วเป็นบ่ายที่ดีมาก ๆ โอกาสที่เลอันโดร ทรอสซาร์จะได้ลงตัวจริงเจอกับเปแอสเช: เขาพร้อมจะเล่นในทุกตำแหน่งแน่นอน เราต้องปรับเปลี่ยนบางอย่าง ไม่ใช่เพราะเจอเปแอสเชอย่างเดียว แต่เพราะสถานการณ์ของโธมัส ปาร์เตย์ และนักเตะบางคนด้วย ซึ่งมันก็ดีเพราะทีมแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและสามารถเล่นในตำแหน่งต่าง ๆ ได้ นั่นเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อเรามีนักเตะจำกัดแบบนี้ จังหวะที่บูกาโย่ ซาก้าโดนปะทะในครึ่งแรก: ผู้ตัดสินตัดสินใจไปแล้ว เขาเจ็บเล็กน้อยแต่ไม่รุนแรง นั่นเป็นข่าวดี ฟอร์มของซาก้าและมาร์ติน โอเดการ์ด: ผมคิดว่าทั้งคู่เล่นได้ดีมาก ซาก้าแม้ไม่ได้ยิงแต่มีส่วนช่วยทำประตู ส่วนมาร์ตินก็เหมือนกัน โดยรวมแล้วทีมเล่นได้แข็งแกร่งมากในวันนี้ ความกังวลว่าอาการของซาก้าอาจรุนแรง: แน่นอนว่าผมกังวล โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เรามีนักเตะไม่มาก และจังหวะแบบนั้นที่เกิดจากด้านหลัง ซึ่งเป็นจังหวะที่เท้าปักลงพื้นและน้ำหนักลงไปแล้ว ทำให้หลบหรือป้องกันตัวได้ยาก แต่โชคดีที่เขาโอเค การหมุนเวียนนักเตะในเกมกับคริสตัล พาเลซคืนวันพุธ: เราต้องจัดทีมลงสนามให้ได้ 11 คน และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง 4-5 ตำแหน่ง เดี๋ยวดูว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้านักเตะจะฟื้นตัวแค่ไหน สิ่งที่ดีคือพวกเขาอยากลงเล่น เพราะคุ้นเคยกับจังหวะการแข่งขันทุก 3 วัน และสุดสัปดาห์หน้าเราก็ไม่มีเกม ก็จะมีเวลาพักบ้าง การเล่นฝั่งขวาที่ลื่นไหลขึ้นเมื่อเบน ไวต์กลับมา: ผมดีใจกับเบนมาก เพราะเขาพลาดการลงเล่นไปเยอะ ทั้งที่ปกติเป็นผู้เล่นที่สม่ำเสมอในฤดูกาลก่อน ๆ ฤดูกาลนี้มีหลายปัจจัยที่ทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นมากนัก วันนี้เขาเล่นได้ดีมาก ผมดีใจเพราะเขามีคุณภาพสูง และนำสิ่งพิเศษมาสู่แนวรับของเรา เลอันโดร ทรอสซาร์ที่เคลื่อนออกไปทางฝั่งขวาระหว่างเกม: เราต้องปรับให้ผู้เล่นลงในตำแหน่งหรือสถานการณ์ที่อาจควบคุมได้ยากสำหรับฝ่ายตรงข้าม และสร้างความอันตรายจากจุดนั้นได้ ความเข้มข้นของทีม: นั่นคือสิ่งที่เราพูดก่อนเกม และทีมก็เข้าใจดีว่ามันหมายถึงอะไร ต้องเข้มข้นทั้งการโฟกัส สมาธิ และการอ่านเกมล่วงหน้า 1-2 วินาทีก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น แล้วจึงตอบสนอง ผมคิดว่าทีมเราทำได้ตั้งแต่ต้นเกมเลย มิเกล เมริโน่ในตำแหน่งกองกลาง: นั่นคือตำแหน่งที่เขาเล่นมาตลอดอาชีพ! แต่บางครั้งเราก็หลงลืม เพราะเขาถูกใช้เป็นกองหน้าบ้าง พอเห็นเขากลับมายืนกลางเลยรู้สึกแปลก ๆ แต่เขาทำได้ดีมาก จังหวะปะทะซาก้า ว่ารุนแรงกว่านี้ได้ไหม: ผมยังไม่ได้ดูภาพช้า แต่จากจังหวะจริง เขาโดนสกัดจากด้านหลัง ผมไม่คิดว่าเป็นการเจตนา แต่มันอันตรายเพราะเขาไม่มีทางเห็นหรือหลบได้เลย ประตูที่ 50 ของกาเบรียล มาร์ติเนลลี: เยี่ยมมาก เขากำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี มั่นใจ เล่นได้น่ากลัว และเข้าไปอยู่ในจังหวะอันตรายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งดีมากที่ได้เห็น
-
PREMIER LEAGUE 2024/25 Ipswich 0 - 4 Arsenal Sun 20 March 2025, 20.00 น. GOAL: 0-1 เลอันโดร ทรอสซาร์ (นาทีที่ 14, โอเดการ์ด) 0-2 กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (นาทีที่ 29, เมริโน่) 0-3 เลอันโดร ทรอสซาร์ (นาทีที่ 70, ไรซ์) 0-4 อีธาน วาเนรี (นาทีที่ 88, ชินเชนโก้) ดาวิด ราย่า: 6.0 ไม่มีจังหวะต้องออกแรงอะไรเลย เก็บคลีนซีตไปได้แบบสบายๆ วิลเลี่ยม ซาลิบา: 6.5 รอเก็บบอลยาวของทางเจ้าบ้าน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรให้ซาลิบาหนักใจ น่าจมีแค่หนเดียวที่กองหน้าของอิปสวิชพลิกหนีซาลิบาไปหาช่องยิงได้ แต่ก็หลุดกรอบออกไป ยาคุบ คิวิออร์: 6.5 พอได้เล่นต่อเนื่อง คิวิออร์ได้ความมั่นใจจากสองเกมส์กับเรอัล มาดริด คิวิออร์ก็เล่นแบบผ่อนคลายมากขึ้น เกมส์นี้ก็ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร มีกล้าเติมขึ้นมาสูงถึงแดนคู่แข่งด้วย เบน ไวท์: 6.5 สามเหลี่ยมฝั่งขวาของอาร์เซน่อล กลับมาเล่นด้วยกันหนแรกในรอบหลายเดือน เกมส์รับไม่ได้มีบททดสอบอะไร การโอเวอร์แล็ปเติมเข้าหลายครั้ง ก็มีทั้งจังหวะที่ไปถึงบอล และไม่ถึงบอล โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: 6.5 ไม่ได้เห็นชินเชนโก้มาเล่นแบ็คซ้ายพักใหญ่ จังหวะการเคลื่อนที่ไปรับส่งบอลทำได้ดี แต่ปัญหาของชินเชนโก้ก็เหมือนเดิมคือเกมส์รับที่เงอะๆ งะๆ ไม่เปลี่ยน ดีที่เกมส์รุกของอิปสวิชไม่ได้มีอะไรอันตราย เดแคลน ไรซ์: 7.0 เหมือนเตรียมทีมสำหรับเปแอสเชที่จะไม่มีปาร์เตย์ ต้องเอาไรซ์มายืนเบอร์ 6 ซึ่งมันไม่ได้มีปัญหาหรอก ไรซ์เล่นได้อยู่แล้ว เพียงแต่มันน่าเสียดายที่พลังงานของไรซ์จะช่วยได้ทั้งเกมส์รับและรุก เกมส์นี้ไรซ์ก็รอเก็บบอลจังหวะสองได้ดี แล้วมีส่วนร่วมในประตูที่สามด้วย มิเกล เมริโน่: 7.5 ช่วงนี้เมริโน่ กำลังเล่นด้วยความมั่นใจ เขาเป็นไขว้ต่อไปที่เสาสองให้มาร์ติเนลลี่ยิงนำ 2-0 แล้วเป็นหนึ่งในคนที่มีส่วนร่วมกับเกมส์เยอะมากในครึ่งแรก มาร์ติน โอเดการ์ด: 7.0 (C) ประตูแรกได้แอสซิทไปแบบงงๆ บอลที่ซาก้าเปิดเข้ามา เขาจับบอลไม่อยู่ ก่อนที่บอลจะทะลักไปเข้าทางปืนทรอสซาร์ยิงเข้าไป ครึ่งแรกส่วนร่วมในการเข้าทำพื้นที่สุดท้ายทำได้โดดเด่นเลย แต่ครึ่งหลังพอเจ้าถิ่นถอยไปตั้งรับต่ำ บอลสุดท้ายของโอเดการ์ดก็ติดขัดอยู่นิดหน่อย ท้ายเกมส์เกือบยิงประตูได้ แต่บอลไปชนเสา กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 6.5 ยิงประตูได้สองนัดติดต่อกัน มาร์ติเนลลี่เป็นคนยิงประตูนำห่าง 2-0 แต่เกมส์รุกฝั่งซ้ายไม่ได้ไหลลื่นสักเท่าไร แม้จะมีจังหวะได้บอลในสถานการณ์ตัวต่อตัวอยู่พอสมควร บูกาโญ ซาก้า: 7.5 สองประตูแรกของทีม เริ่มมาจากซาก้าทั้งนั้นในการเผาแบ็คของเจ้าถิ่นจนหลุดไปเปิดคัตแบ็คเข้ามา แต่โอกาสลุ้นยิงเองของซาก้าควรจะใส่สกอร์ได้ 2-3 ลูกได้เลย แต่เขายิงออกไปแบบเหลือเชื่อ มีจังหวะแฟนปืนใจไม่ค่อยดี ที่ซาก้าไปโดนเสียบหนักจากด้านหลัง จนทำให้กองหลังอิปสวิชโดนใบแดงไล่ออก เลอันโดร ทรอสซาร์: 7.5 วันนี้ทรอสซาร์ ใช้โอกาสไม่เปลือง ประตูนำ 1-0 เสียหลักแต่ก็ยังล้มยิงผ่านประตูของอิปสวิชเข้าไป ลูกสามมาในครึ่งหลัง ซึ่งยิงได้อย่างเด็ดขาดเลย ตัวสำรอง: อีธาน วาเนรี: 6.5 (นาที่ 57, ซาก้า) ฟอร์มดร็อปไปหน่อยในช่วงหลัง แต่เกมส์นี้ลงมาแล้วก็มีชื่อเป็นคนยิงประตู กับประตูทิ้งห่าง 4-0 ก็น่าจะเรียกความมั่นใจกลับมา ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 6.0 (นาที่ 57, เมริโน่) ราฮีม สเตอร์ลิ่ง: 6.0 (นาที่ 73, มาร์ติเนลลี่) คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.0 (นาที่ 73, ไรซ์) นาธาน บัตเลอร์ โอเดเยจิ: N/A (นาที่ 83, ทรอสซาร์) กองหน้าดาวรุ่งที่มีชื่อหลายครั้งแล้วบนม้านั่งสำรอง วันนี้ได้โอกาสประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกจนได้ แล้วโอเดเยจิวัย 22 ปี เกือบยิงประตูได้ด้วย แต่ลูกยิงของเขาถูกประตูอิปสวิชบินปัดได้ทัน
-
Rotbus joined the community
-
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์กับสื่อก่อนบุกเยือนอิปสวิช ทาวน์ ในเกมส์พรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้ การฉลองชัยชนะในวันพุธ: ช่วงเวลาสั้น ๆ ใช่ มันเป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยม เรามีครอบครัวมากมายและใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขรอบ ๆ สโมสร มันเป็นช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ แต่ทันทีหลังจากนั้นคุณต้องเปลี่ยนโหมด ตอนนี้เราต้องเจอกับอิปสวิชในพรีเมียร์ลีกแล้ว ชัยชนะครั้งนั้นที่ส่งผลต่อความมั่นใจและความเชื่อมั่น: เราสามารถแข่งขันได้ในทุกสถานการณ์กับทุกทีมในทุกการแข่งขัน ขั้นตอนถัดไปคือความสม่ำเสมอ ทำให้ได้ในระดับแชมเปียนส์ลีก ตอนนี้เราต้องไปเจออิปสวิช ซึ่งเป็นทีมที่ยากมาก และทำให้ได้อีกครั้ง การกลับมาโฟกัสในพรีเมียร์ลีก: ค่อนข้างง่าย แค่ย้อนดูเกมกับมาดริด แล้วก็โฟกัสไปที่อิปสวิช เริ่มการเตรียมตัว ดูเกมที่เราเคยเจอกัน และสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเจอกันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ดูว่าเราจะโจมตีพวกเขาอย่างไร วิเคราะห์จุดแข็งของพวกเขา และเริ่มการเตรียมทีม จอร์จินโญ่และคาลาฟิออริ: จอร์จินโญ่ยังไม่พร้อม เขายังมีปัญหาจากเหตุการณ์นั้น และริคคาร์โดก็อาจจะยังไม่พร้อมเช่นกัน โอกาสของจอร์จินโญ่ในการลงเล่นรอบรองชนะเลิศเลกแรก: นั่นอาจจะต้องถามหมอ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะทางและซับซ้อน ดังนั้นผมขอปล่อยให้สโมสรเป็นคนวิเคราะห์ คาลาฟิออริจะกลับมาเจอเปแอสเชได้ไหม: ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ผมคิดว่าได้ อาจจะเร็วขึ้นนิดหน่อย เขากลับมาซ้อมในสนามแล้ว และทำอะไรได้เยอะพอสมควร เราแค่ต้องวางแผนให้เหมาะสม เพื่อให้เขากลับมาในจุดที่พร้อมลงสนาม ไค ฮาแวร์ตซ์จะพร้อมสำหรับรอบรองหรือไม่: รอบรองเหรอ? ผมว่ามันใกล้เกินไป แต่ถ้าต้องเดิมพัน ผมว่าเขากลับมาได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ด้วยวิธีที่เขาซ้อมในยิมทุกวัน ผลักดันทุกคน ผมว่าเขาคงอดใจไม่ไหวแล้ว แผงมิดฟิลด์ถ้าเขาไม่พร้อมและปาร์เตย์ติดโทษแบน: เรามีตัวเลือกอยู่บ้าง การคิดนอกกรอบ: เรามีตัวเลือกอยู่หลายทาง และจะไม่เปิดเผยอะไร การปรับตัวของทีม: แน่นอน ขึ้นอยู่กับนักเตะด้วยว่าพวกเขารู้สึกสบายใจกับการเล่นแบบไหน และเราจะใช้จุดแข็งของเราให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างไรกับเกมที่คาดว่าจะเจอ เกมนี้จะต่างจากเกมที่เราเคยชนะอิปสวิชในบ้านอย่างไร: ใช่ ผมเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขา พวกเขาเล่นในบ้าน และอย่างที่คุณพูด มันเป็นหนึ่งในไม่กี่โอกาสที่พวกเขาจะอยู่รอดได้ แต่สำหรับเรา มันคือเกมสำคัญ เราต้องเริ่มชนะในพรีเมียร์ลีกเพื่อรักษาตำแหน่งของเรา และมีความหวังในช่วงท้ายฤดูกาล พวกเขาเป็นทีมที่จัดการได้ดีมาก สิ่งที่คีแรน แม็คเคนนา และทีมงานทำได้ถือว่ายอดเยี่ยม คุณเห็นได้ทุกสัปดาห์ว่าพวกเขาสร้างปัญหาให้กับคู่แข่งแค่ไหน เราคาดว่าจะเจอเกมที่ยากแน่นอน มุมมองต่อเลียม ดีแลป: คุณรู้ว่าผมไม่ชอบพูดถึงนักเตะของทีมคู่แข่ง ทีมเขาแข็งแกร่งมาก และนักเตะของพวกเขาก็สามารถชนะเกมให้ทีมได้ พวกเขาเคยทำได้กับทีมใหญ่มาแล้ว ดังนั้นเราต้องระวัง โอกาสที่ลิเวอร์พูลจะได้แชมป์ในสุดสัปดาห์นี้: เราจะทำให้แน่ใจว่าเราชนะเกม และมันจะไม่เกิดขึ้น ความเป็นผู้นำของดีแคลน ไรซ์: เขากำลังเรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเกมกับเรอัล มาดริดช่วยยกระดับเขาไปอีกขั้น และนั่นคือเหตุผลที่เราดึงเขามา นั่นคือเหตุผลที่เราคาดหวังให้เขายกระดับและมีบทบาทสำคัญในเกม เพราะเขาทำได้ เขาทำได้สองเกมติดต่อกันแล้ว ตอนนี้เขาแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอ ความเชื่อมั่น และบทบาทของเขาจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ การชอบเล่นเลกแรกในบ้านหรือไม่: ผมชอบเล่นเลกที่สองในบ้านมากกว่าเสมอ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เรามีตอนนี้ เรียนรู้จากมัน ดูว่ามีข้อดีอะไรบ้าง และดูว่าโอกาสอยู่ตรงไหน ถ้าใครดูเกมยุโรปเมื่อวานจะเห็นว่าเลกสองมันโหดแค่ไหน มันสามารถเกิดอะไรขึ้นก็ได้ เป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้ ไมลส์อาจจะเป็นตัวเลือกในแดนกลางหรือไม่: ขึ้นอยู่กับความพร้อมของนักเตะในตอนนั้น ใครพร้อม ใครสามารถทำหน้าที่ได้ และทำได้นานแค่ไหน เพราะบางคนไม่สามารถเล่นครบ 90 นาทีได้ เราจะตัดสินใจใกล้ ๆ วันแข่ง การฝึกซ้อมโดยไม่มีปาร์เตย์และไม่เปิดเผยแผนกับเปแอสเช: เหมือนเคย ต้องมีความสมดุล เข้าใจว่าอะไรสำคัญกว่า และทำให้แน่ใจว่านักเตะรู้สึกมั่นใจในบทบาทที่จะเล่นในเกมใหญ่ แต่ตอนนี้เป้าหมายหลักคือชนะเกมในพรีเมียร์ลีก ช่องว่างกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่อยู่อันดับสาม: แน่นอน เพราะตอนนี้เรามีตำแหน่งที่ดีกว่าเดิมมาก แต่การเสมอสองเกมหลังสุดก็เปลี่ยนมุมมองไปพอสมควร และต้องยกเครดิตให้นิวคาสเซิลกับฟอร์มและวิธีการเล่นของพวกเขาด้วย เราต้องยกระดับขึ้นและเริ่มชนะเกม ความคืบหน้าเรื่องสัญญาของปาร์เตย์: ใช่ มีความคืบหน้ากับนักเตะทุกคน ผมขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอันเดรียและสโมสรตัดสินใจและพูดถึงเรื่องนี้ ความตั้งใจที่จะเก็บเขาไว้: ความตั้งใจชัดเจนมาก ผมจะให้สโมสรและอันเดรียดำเนินการต่อไป ทีมเลื่อนชั้นทั้งสามทีมที่อาจตกชั้นในฤดูกาลเดียวกันเป็นปีที่สองติดต่อกัน: ระดับความยากในการอยู่รอดในลีกนี้มันสูงมาก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วิธีที่ทั้งสามทีมเล่นและสร้างปัญหาให้ทีมอื่น ๆ มันแสดงให้เห็นถึงระดับของลีก และขั้นตอนที่ทุกทีมต้องก้าวไป เพราะฤดูกาลหน้าจะยากขึ้นแน่นอน อิทธิพลของสไตล์กวาร์ดิโอลาที่มีต่อพรีเมียร์ลีก: ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น อันเดรีย แบร์ต้า และเขาเปลี่ยนแผนสำหรับซัมเมอร์นี้หรือไม่: เรื่องพวกนี้ได้พูดคุยกันไว้ก่อนแล้ว แต่ใช่ ผมหวังว่าเขาจะมีไอเดีย แผน และความเซอร์ไพรส์ที่ดี ๆ มากมาย ใช้ประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และสัญชาตญาณของเขาเพื่อช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย ข้อดีของการมีเสียงใหม่ในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬา: ใช่ ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี มีคนใหม่เข้ามาพร้อมแนวคิด วิธีทำงาน และลำดับความสำคัญใหม่ ๆ ซึ่งจะทำให้เราพัฒนา การเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมระดับท็อปของยุโรปหลังเข้ารอบรอง: ไม่หรอก มันเป็นคืนที่ยอดเยี่ยมสำหรับสโมสร แค่นั้นเอง คนที่ดีที่สุดยังรออยู่ข้างหน้า เรายังมีความทะเยอทะยาน และเป้าหมายใหญ่รออยู่ และเรากำลังมาถูกทาง แต่ก้าวต่อไปจะยากขึ้น และเราต้องทำให้ดีที่สุด
-
ในการลงเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศของแชมเปียนส์ลีกครั้งที่สองในอาชีพของเขา ไรซ์โชว์ฟอร์มคว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ติดต่อกันทั้งสองนัด ช่วยให้อาร์เซน่อลทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 หลายคนอาจชี้ไปที่สองลูกฟรีคิกสุดมหัศจรรย์ของไรซ์ในเกมแรกว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เขาได้รับคำชื่นชมส่วนตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฟอร์มโดยรวมของเขาในสองเกมนี้มีส่วนอย่างมากที่ทำให้อาร์เซน่อลประสบความสำเร็จ "วันนี้เขามีบทบาทสำคัญในแบบที่ต่างออกไป ผมคิดว่าเขาสุดยอดมาก" มิเกล อาร์เตต้า กล่าวหลังเกมคืนวันพุธ "ทั้งการปรากฏตัวของเขา พละกำลังที่แสดงออกมา ความนิ่งไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่มีบอล ผมว่าหลายช่วงเวลาเขาคือผู้นำที่พลิกเกมให้เป็นของเรา และนั่นคือเหตุผลที่เราต้องการผู้เล่นระดับนี้เพื่อก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และเขาก็ทำได้จริงๆ" ในแง่แท็กติก อาร์เตต้าแสดงความเฉียบแหลมด้วยการให้ไรซ์อยู่ในตำแหน่งที่สามารถเล่นงานมาดริดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเกมแรก ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ที่สามารถถอยมาเล่นกลางคู่กับโธมัส ปาร์เตย์ ได้อย่างลงตัว ช่วยให้อาร์เซน่อลสามารถต่อบอลจากแดนหลังได้อย่างราบรื่น เนื่องจากระบบ 4-4-2 ของมาดริดค่อนข้างเฉื่อยช้า โดยเอ็มบัปเป้และวินิซิอุสแทบไม่ได้ช่วยป้องกันเกมบุกจากแดนกลางเลย ซึ่งนั่นเปิดโอกาสให้ไรซ์ขยับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ด้านหลังมิดฟิลด์ของมาดริดได้อย่างชาญฉลาด ก่อนจะทะลุขึ้นไปเผชิญหน้ากับแนวรับของพวกเขาทันที ไม่เพียงแค่ถ่างออกไปด้านข้างหรือถอยต่ำมารับบอลเท่านั้น ไรซ์ยังแสดงให้เห็นตั้งแต่ช่วงต้นเกมที่เอมิเรตส์ว่าเขาพร้อมแค่ไหนในการวิ่งทะลุแนวรับของมาดริดด้วยตัวเอง อีกครั้งที่ลูอิส-สเกลลี่สามารถรับบอลได้โดยแทบไม่มีแรงกดดัน ขณะที่ไรซ์ยืนซุ่มอยู่ระหว่างแนวรับและแดนกลางของมาดริด คราวนี้เขาใช้พื้นที่ในแดนบนให้เกิดประโยชน์ด้วยการวิ่งตัดแนวทแยงหลังราอูล อเซนซิโอ ก่อนจะส่งบอลคืนให้มิเกล เมริโน่ แม้จังหวะนี้จะไม่ได้กลายเป็นโอกาสลุ้นประตู แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความกระหายของไรซ์ในการเติมเกมบุกและดึงแนวรับของมาดริดให้เสียตำแหน่ง ความตั้งใจในเกมรุกของไรซ์ในเลกแรกนั้นโดดเด่นจนไม่มีผู้เล่นคนใดของทั้งสองทีมที่มีโอกาสยิงประตูได้มากกว่าเขา โดยเขายิงไปทั้งหมด 5 ครั้ง เช่นเดียวกันกับในเลกที่สองที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เมื่ออาร์เซน่อลขึ้นเกมผ่านแต่ละแดน ไรซ์มักจะถ่างตัวเองออกไปอยู่นอกแนวรับของมาดริดเพื่อรับบอลในพื้นที่ว่าง ก่อนจะจ่ายบอลทะลุเข้าไปในแดนกลาง หรือมองหา กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทางฝั่งซ้าย ความจริงแล้ว ค่ำคืนวันพุธแสดงให้เห็นอีกมุมหนึ่งของอาร์เซน่อลที่ต่างจากเลกแรก โดยพวกเขาเน้นตั้งรับลึกในกรอบเขตโทษ จนบ่อยครั้งกลายเป็นแนวรับ 5, 6 หรือบางครั้งถึง 7 คน เมื่อเรอัล มาดริดพยายามโยนบอลแบบไร้ทิศทางเข้าไปในพื้นที่แออัด ไรซ์มักจะเป็นคนที่เก็บบอลจังหวะสองหรือดักตัดบอลได้อยู่เสมอ (ไม่มีผู้เล่นคนใดในสนามที่ตัดบอลได้มากกว่าเขา ซึ่งอยู่ที่ 5 ครั้ง) พร้อมกับการเล่นที่เน้นเข้าเร็วและกล้าเข้าปะทะ โชคดีที่สิ่งนั้นไม่ได้นำไปสู่การเสียจุดโทษ หลังจากที่การเข้าบอลเบาๆ ใส่เอ็มบัปเป้ถูกตัดสินให้ไม่ฟาวล์อย่างถูกต้อง ส่งผลให้ใบเหลืองของเขาถูกยกเลิก ซึ่งเดิมทีอาจทำให้เขาพลาดลงเล่นในเลกแรกของรอบรองชนะเลิศกับเปแอสเช ทัศนคติที่กล้าเล่นแบบนี้ปรากฏตั้งแต่นาทีแรก ๆ ที่มาดริด เมื่อไรซ์ดักตัดบอลก่อนจะเลี้ยงทะลุขึ้นมาตรงกลางสนาม คล้ายกับจังหวะที่เขาทำในเกมกับเบรนท์ฟอร์ดเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน เพื่อดันเกมขึ้นหน้าและเปิดฉากการสวนกลับให้อาร์เซน่อล เรอัล มาดริดดูไร้พิษสงในเกมรุกอยู่เป็นเวลานาน แต่เมื่อเกมเริ่มเปิดมากขึ้นในครึ่งหลัง ไรซ์ก็มักจะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมเสมอ ในจังหวะสวนกลับอันตรายซึ่งหาได้ยาก นำโดยเฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ ไรซ์ตามวินิซิอุส จูเนียร์แบบไม่หยุด ก่อนจะดักตัดบอลที่กำลังจะไปถึงทั้งตัวบราซิลเลียนหรือเอ็มบัปเป้ได้อย่างหวุดหวิด แม้เกมจะใกล้จบแล้ว และเหลือเวลาเพียง 3 นาทีในช่วงเวลาปกติ ไรซ์ยังคงมีแรงกลับลงมาช่วยแนวรับ โหม่งสกัดลูกเปิด (อีกลูกหนึ่ง) จากฟราน การ์เซีย ของมาดริดได้อีกครั้ง ด้วยเซนส์เกมรับที่สะท้อนถึงช่วงที่เขาเคยเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กในช่วงต้นอาชีพ มันแทบจะรู้สึกเหมือนลูกบอลถูกดูดเข้าหาไรซ์ เมื่อเขาหมุนตัวเคลียร์บอลให้พ้นอันตรายแบบเหนือชั้น แม้บทบาทในเกมบุกของเขาจะถูกผลักไปทางฝั่งซ้ายคล้ายกับในเลกแรก แต่หากสังเกตจากแดชบอร์ดผู้เล่น จะเห็นว่าเขามีการเคลื่อนไหวเกมรับมากเป็นอันดับสองของผู้เล่นทั้งหมดในสนาม โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในหรือบริเวณหน้าเขตโทษของตัวเอง ก่อนเกม หลายคนตั้งคำถามว่าไรซ์จะรับมือกับจู๊ด เบลลิงแฮม เพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษได้แค่ไหน ซึ่งข้อสงสัยเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว นั่นแสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันยอดเยี่ยมของไรซ์วัย 26 ปี เพียงสามนาทีในเกมที่เบร์นาเบว เขาก็ส่งสัญญาณชัดเจนด้วยการเข้าปะทะอย่างแข็งแกร่ง เฉียบคม และรวดเร็วกว่าเพื่อนร่วมชาติของเขาในแดนกลาง เขาชนะการดวลในแดนกลางได้อย่างเด็ดขาด แถมยังมีจังหวะปะทะเล็ก ๆ กับเบลลิงแฮมในช่วงต้นครึ่งหลังอีกด้วย แม้จะเป็นเพียงการจ้องหน้ากัน แต่ก็บ่งบอกถึงระดับของความหงุดหงิดที่ไรซ์สร้างให้กับเบลลิงแฮมและเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่า ยังมีผู้เล่นอาร์เซน่อลหลายคนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบูกาโย่ ซาก้า และไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ ที่สมควรได้รับคำชมจากทั้งสองเลก แต่อย่างไรเสีย ก็ไม่มีใครสะท้อนความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งของอาร์เซน่อลได้มากไปกว่าเดแคลน ไรซ์ กับฟอร์มการเล่นแบบคลาสสิกเต็มสูบ ราวกับหลุดออกมาจากการ์ตูน Roy of the Rovers ที่จะยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน ไรซ์มักจะถูกมองว่าเป็น “พลังม้าประจำทีม” แต่หากนิยามเขาไว้แค่นั้นก็อาจเป็นการมองข้ามความสามารถรอบด้านของเขาไป ในเวทีที่ใหญ่ที่สุดอย่างการเจอกับมาดริด เขาแสดงให้เห็นถึงทั้งมันสมองเชิงแท็กติกและทักษะเชิงเทคนิค ที่มาคู่กับความทุ่มเทอย่างเต็มที่ ซึ่งจะยิ่งผลักดันสถานะของเขาให้สูงขึ้นในเวทียุโรปต่อไป
-
chromosome-gunner joined the community
-
sylar23 joined the community
-
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์บุกชนะเรอัล มาดริด 2-1 ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกได้สำเร็จ ความรู้สึกหลังผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ “ผมมีความสุขมาก คิดว่านี่เป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของเรา ดังนั้นผมต้องภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ตรงนี้อีกครั้ง ทีมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ยอดเยี่ยม ความกล้าหาญ และความตั้งใจที่จะสู้กับคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นใคร มันไม่ใช่แค่เรื่องของการที่เราผ่านเข้ารอบ แต่เป็นวิธีที่เราทำได้ ทั้งที่ลอนดอนและที่มาดริด ซึ่งทำให้ผมภูมิใจในตัวนักเตะมากจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกของผมในฐานะโค้ชที่ได้มาคุมทีมที่นี่ และวันนี้ผมได้รู้ว่าในสนามแห่งนี้ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้จริง ๆ เพราะพวกเขาสร้างความโกลาหล สร้างโมเมนตัมได้อย่างเหลือเชื่อ แฟนบอลของพวกเขาผลักดันทีมอย่างมหาศาล และอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ผมคิดว่าในแง่อารมณ์ โดยเฉพาะหลังจากที่เราเสียประตู และไม่ได้ประตูจากจังหวะของบูคาโย่ วิธีที่เรารับมือกับสถานการณ์นั้นได้ มันน่าทึ่งมาก นักเตะดาวรุ่งเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในจุดนี้มาก่อนเลย ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำจึงยอดเยี่ยมจริง ๆ” เขาเคยรู้สึกภูมิใจในนักเตะของเขามากกว่านี้ไหม: "น่าจะไม่เลยครับ ไม่ใช่แค่เพราะเราผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของเรา แต่เพราะวิธีที่เราทำมันได้ ไม่ใช่แค่เพราะรูปแบบการเล่นของเรา แต่ยังเพราะสถานการณ์ที่เราต้องเจอ จำนวนผู้เล่นที่บาดเจ็บ มันแสดงให้เห็นถึงคาแรกเตอร์ของทีมนี้ ของสโมสรนี้ และมันเป็นค่ำคืนที่น่าภาคภูมิใจจริง ๆ" ฟอร์มของดีแคลน ไรซ์: "วันนี้เขามีบทบาทสำคัญในอีกแบบหนึ่ง ผมคิดว่าเขาโดดเด่นมาก การปรากฏตัวของเขา พลังที่เขาแสดงออกมา ความนิ่งไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่มีบอล ผมคิดว่าเขาเป็นผู้นำของทีมในหลายช่วงเวลา และเปลี่ยนเกมให้เป็นไปในทางที่เราต้องการ นั่นแหละคือเหตุผลที่เราต้องการนักเตะระดับนี้ในการก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ และเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ" สิ่งที่ผลการแข่งขันนี้มอบให้เรา: "ความรู้สึกที่เรามีคือความเป็นจริงของเราเลยครับ และจากความรู้สึกก่อนเกม จากสิ่งที่นักเตะสื่อออกมา และการที่ผมรู้สึกได้ว่าทีมพร้อมแค่ไหน เราพร้อมที่จะแข่งขันกับใครก็ได้ ตอนนี้เราต้องเดินหน้าต่อไป เพราะผมคิดว่าเรากำลังมีโมเมนตัมที่ดี" บุคลิกของบูคาโย่ ซาก้า: "ผมสามารถพูดถึงนักเตะรายบุคคลได้อีกเยอะมากในหลายสถานการณ์ที่ต่างกัน และผมจะตอบในแนวเดียวกัน สำหรับบูคาโย่ เขาก้าวขึ้นมารับหน้าที่ แม้เขาจะไม่ได้ทำประตู ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนทางอารมณ์ในเกม เพราะมันจะช่วยเสริมความมั่นใจให้เขามาก แต่จากนั้นวิธีที่เขารับมือกับสถานการณ์ วิธีที่เขาเล่นต่อไป และบุคลิกที่เขาแสดงออกมาในวัยของเขา มันน่าทึ่งมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาลงเล่นในสนามแห่งนี้ด้วย มันเหลือเชื่อจริง ๆ" สิ่งที่เกมคืนนี้แสดงให้เห็นในการพัฒนาของเรา: "ก่อนหน้านี้มันแตกต่างกันมาก เพราะเรายังไม่มีโอกาสได้เข้ารอบไหนเลย เนื่องจากสโมสรไม่ได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกมานานถึงเจ็ดปี นั่นแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ และการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของสโมสร รวมถึงการมีส่วนร่วมของหลายคนที่ช่วยให้เรามาอยู่ตรงจุดนี้ วันนี้คุณจะรู้สึกได้เลยว่านี่คือทีมที่กระหาย มีความมุ่งมั่น และมีความทะเยอทะยาน เราจะไม่หยุดแค่นี้แน่นอน" สิ่งที่ผลการแข่งขันนี้มอบให้เขา: "มันทำให้รู้สึกมั่นใจครับ ผมอยู่ที่นี่เพื่อสัมผัสประสบการณ์ในเกมแบบนี้และก้าวผ่านมันไป ผมรู้ดีว่าบางวันเราจะชนะ บางวันเราก็จะแพ้ ดังนั้นเราต้องวิจารณ์ตัวเองให้มากในคืนนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราทำได้ดีกว่านี้ และผมต้องช่วยทีมให้ทำได้ดียิ่งขึ้น ความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเวลาที่ผมมองไปที่พวกเขา พูดคุยกับพวกเขา แล้วเห็นว่าพวกเขามีความมั่นใจแค่ไหน ซึ่งนั่นคือส่วนหนึ่งในหน้าที่ของเราและทีมโค้ช และนั่นคือเหตุผลที่การทำงานกับทีมนี้มันคือความสุขจริงๆ" การที่กุนซือเตรียมสภาพจิตใจของนักเตะสำหรับเกมที่เบร์นาเบวหรือไม่: "เรามีเครื่องมือบางอย่างในการพยายามทำแบบนั้นครับ แต่พอถึงเวลาที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ คุณจะรู้เลยว่ามันยากแค่ไหน! ผมคิดว่าเราทำได้แล้ว และทำได้ในหลายช่วงเวลาอย่างชัดเจน เกมสามารถพาเราไปสู่สถานการณ์ที่ยากลำบากมาก โดยเฉพาะเมื่อเจอกับพวกเขา (เรอัล มาดริด) แต่เราก็รู้ชัดเจนว่าต้องรับมืออย่างไร และเราก็สามารถทำมันได้สำเร็จ" เสียงเชียร์ของแฟนบอลของเรา: "สุดยอดมากครับ ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่ร่วมเดินทางมากับเราตลอดเส้นทางนี้ ทั้งที่มาดริด รอบโรงแรม และการส่งพลังศรัทธาและกำลังใจให้กับทีม ผมคิดว่านี่แหละคือจุดประสงค์ของงานเรา เพื่อทำให้ผู้คนของเรามีความสุข หวังว่าพวกเขาจะภูมิใจในตัวนักเตะและทีมของเรา ตอนนี้ก็ถึงเวลาลุยต่อแล้ว" การเป็นทีมแรกที่ชนะที่เบร์นาเบวในสองนัดแรกที่ไปเยือน: "ผมไม่รู้สถิตินั้นมาก่อนเลยนะครับ แต่มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เรามีความสุขมากในคืนนี้ แต่แน่นอนว่ายังไม่พอ เรายังมีงานหนักรออยู่ กับเปแอสเช ทีมที่เรารู้จักดีและเคยเจอกันมาแล้ว ดังนั้นเราต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับเกมนั้นได้แล้ว" โทรหาเป๊ป กวาร์ดิโอล่าก่อนเกมส์: "ผมโทรหาเขา [เป๊ป กวาร์ดิโอล่า] เมื่อเช้านี้ [ก่อนเกมกับเรอัล มาดริด] เพราะผมคิดว่าการที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ส่วนใหญ่ก็ต้องขอบคุณเขา ในฐานะนักเตะและโค้ช เขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผม และเขาคือคนที่ตัดสินใจเชื่อมั่นในตัวผม ให้โอกาสผมเข้ามาเป็นผู้ช่วยโค้ช ผมใช้เวลาอยู่กับเขาสี่ปีที่ยอดเยี่ยมมาก [ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้] และผมต้องรู้สึกขอบคุณเขา ผมจะรู้สึกขอบคุณเขาเสมอ เพราะหากไม่มีเขา ผมก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้"
-
UEFA CHAMPION LEAGUE 2024/25 Real Madrid 1 - 2 Arsenal (AGG: 1-5) Wed 16 March 2025, 02.00 น. GOAL: 0-1 บูกาโญ ซาก้า (นาทีที่ 65, เมริโน่) 1-1 เวนีซีอุส จูเนียร์ (นาทีที่ 67) 1-2 กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (นาทีที่ 90+2, เมริโน่) ดาวิด ราย่า: 6.5 ไปโดนใบเหลืองตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก ทำให้ราย่าก็กดดันไม่น้อยเวลาที่ต้องออกบอลจากกรอบเขตโทษ ทำให้ลูกเปิดยาวของเขาดูไม่ค่อยได้เปรียบ ภาพรวมราย่า มีจังหวะต้องออกแรงเซฟอยู่ 1-2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ลูกยากอะไร แต่จังหวะอื่นไม่มีข้อผิดพลาด วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 ซาลิบาทำได้ดีมาตลอด ทั้งการประกบกับเอ็มบัปเป้ และลูกกลางอากาศที่มาติดที่เขาอยู่หลายครั้ง แต่เป็นซาลิบาที่ผิดพลาดไปแจกประตูตีเสมอ 1-1 ให้กับเรอัล มาดริด ซึ่งทีมเพิ่งขึ้นนำได้แค่นาทีเดียวเอง ยาคุบ คิวิออร์: 8.0 เป็นหนึ่งในเกมส์ที่ยอดเยี่ยมของคิวิออร์ในสีเสื้อของอาร์เซน่อลเลยก็ว่าได้ มีอยู่ 2-3 ครั้งที่คิวิออร์ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก แล้วเล่นได้ค่อนข้างนิ่งเลยทีเดียว ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 7.5 เกมส์รับอาจจะมีเจอทดสอบบ้าง กับการต้องดวลกับโรดริโก้ แต่ไมล์สก็ไม่มีพรวด ตามบล็อกลูกเปิดด้านข้างได้ตลอด ครึ่งหลังมีจังหวะตะลุยขึ้นหน้าสวยๆ ได้หลายหนเลย แต่ก็มีจังหวะหนึ่งที่พลาดเสียบอลอยู่เหมือนกัน ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 7.5 ถือว่ามีงานหนักเลย เพราะมาดริดเอียงมาฝั่งวีนีซีอุส ค่อนข้างบ่อย เจอสถานการณ์ตัวต่อตัวนับไปถ้วน แต่ทิมเบอร์ก็ยังนิ่งพอที่จะเอาตัวรอดได้ แม้ว่าจะเสียฟาล์วไปหลายทีเหมือนกัน โชคดีที่ไม่โดนใบเหลือง โธมัส ปาร์เตย์: 7.5 พี่หมึกก็ยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยม การพลิกบอลจากกลางสนามทำได้ดี จังหวะขยับเข้าไปซ้อนพื้นที่เกมส์รับก็ทำได้ดี จุดด่างพร้อยเดียวของปาร์เตย์คือไปทำให้ตัวเองเสียใบเหลืองแบบไม่จำเป็นช่วงท้ายเกมส์ ทำให้รอบรองเกมส์แรกเขาจะเล่นไม่ได้ เดแคลน ไรซ์: 8.5 ลุ้นเหมือนกันกับจังหวะที่กรรมการเป่าให้จุดโทษให้เรอัล มาดริด ที่ไรซ์ยื้อกับเอ็มบัปเป้ในกรอบเขตโทษ แต่ VAR เข้ามาเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน การเจอกับเรอัล มาดริด ไรซ์เป็นพระเอกทั้งสองนัด นัดนี้เขา เหมือนโผล่ไปอยู่ทุกจุดของสนาม แล้วอยู่ถูกที่ถูกเวลาด้วย ช่วยทีมให้รอดพ้นจังหวะอันตรายได้หลายครั้งเลย มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.5 (C) ครึ่งแรกการออกบอลในจังหวะสำคัญของโอเดการ์ดเป็นอะไรที่น่าผิดหวังเอามากๆ ทั้งการตัดสินใจในพื้นที่สุดท้าย หรือจังหวะที่จะเปลี่ยนรับเป็นรุกเร็ว เขาไม่โดนแย่งเสียบอล ก็จ่ายบอลให้เพื่อนไม่ดี ครึ่งหลังจังหวะขัดใจน้อยลง มีโอกาสได้ส่องนอกกรอบสองหน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 7.0 ก็มีหลายๆ จังหวะในการพาบอลไปเองของมาร์ติเนลลี่ที่ควรต้องทำให้ดีกว่านี้ แต่มาร์ตี้ก็ยังสามารถเรียกฟาล์วได้หลายหน รวมถึงวินัยเกมส์รับก็ยังดี ช่วงทดเจ็บหลุดไปยิงให้ทีมนำอีกครั้งเป็น 2-1 บูกาโญ ซาก้า: 7.5 มีโอกาสที่จะยิงประตูให้ทีมขึ้นนำจากจุดโทษ แต่ซาก้าไปตัดสินใจยิงแบบพาเนก้า แต่ยิงไม่ดีเลย ทำให้กูร์ตัวร์เซฟไว้ได้ แต่ซาก้าก็มาแก้ตัวได้ด้วยการหลุดทะลุไลน์เข้าชิพข้ามตัวกูร์ตัวร์เข้าไปให้ทีมนำ 1-0 สำหรับซาก้าก็ยังเป็นตัวอันตรายเวลาที่บอลอยู่กับเขา มิเกล เมริโน่: 7.5 กับบทบาทกองหน้าตัวเป้าแบบจำเป็น เมริโน่ก็ดูจะเป็นคนที่เล่นได้ลงตัวที่สุดแล้ว แต่การเล่นของเมริโน่ บ่อยครั้งที่เราเห็นเขาขยับมาเล่นเป็นกลางฝั่งซ้าย แล้ววันนี้ทำไปอีกสองแอสซิท เป็นลูกจ่ายที่ดีทั้งสองหนเลย ตัวสำรอง: เลอันโดร ทรอสซาร์: 5.5 (นาทีที่ 76, ซาก้า) หลายจังหวะของทรอสซาร์ เป็นการเล่นเสี่ยงแบบไม่ได้จำเป็นเลย ทำให้ทีมไปเสียการครอบครองบอลในพื้นที่ไม่ควรเสีย เบน ไวท์: N/A (นาทีที่ 90, ทิมเบอร์) โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: N/A (นาทีที่ 90, ไรซ์) คีแรน เทียร์นี่ย์: N/A (นาทีที่ 90, มาร์ติเนลลี่)
-
PREMIER LEAGUE 2024/25 Arsenal 1 - 1 Brentford Sat 12 March 2025, 23.30 น. GOAL: 1-0 โธมัส ปาร์เตย์ (นาทีที่ 60, ไรซ์) 1-1 โยอันส์ วิซซ่า (นาทีที่ 74) ดาวิด ราย่า: 7.0 ครึ่งแรกมีจังหวะต้องเซฟไปหนนึงในจังหวะที่อายเยอร์สอดทะลุเข้ามายิง ประตูขึ้นนำ 1-0 ของทีมต้องให้เครดิตกับราย่าด้วย จากที่เขาคว้าบอลจากลูกเตะมุม ก่อนจะเล่นเร็วไปให้กับไรซ์ได้โต้กลับ วิลเลี่ยม ซาลิบา: 7.0 คึกผิดปกติสำหรับซาลิบา เขาพยายามที่จะพาบอลลุยขึ้นหน้าอยู่ตลอด แล้วมีจังหวะลุยขึ้นไปสวยๆ ด้วย เกมส์รับซาลิบาไม่ได้มีปัญหาอะไร ยาคุบ คิวิออร์: 6.5 คีแรน เทียร์นี่ย์: 6.5 ได้สตาร์ทตัวจริงในเกมส์ลีก เทียร์นี่ย์มีจังหวะที่โหม่งบอลไปตุงตาข่าย แต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน จังหวะเกมส์รับก็มีสกัดสวยๆ อยู่บ้าง โธมัส ปาร์เตย์: 7.0 ต้องมาเล่นเป็นแบ็คขวาจำเป็นอีกครั้ง เพราะเบน ไวท์ ไปเจ็บระหว่างเกมส์ วันนี้เกมส์รับปาร์เตย์ไม่ได้มีปัญหาอะไรให้น่ากังวล แล้วเป็นเขาที่ตะบึ่งขึ้นหน้าในจังหวะโต้กลับเร็ว ก่อนจะยิงให้ทีมนำ 1-0 จอร์จินโญ่: 6.0 (C) การที่เล่นแบบไม่มีเพลย์เมกเกอร์ เลยได้เห็นการเข้ามาทำในพื้นที่สุดท้าย จะให้จอร์จินโญ่เป็นคนวางบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษอยู่หลายครั้ง แต่จังหวะยังไม่ลงตัว ปัญหาของพี่จอร์ยังเหมือนเดิม จังหวะ 50:50 แกมักจะเบรกเกมส์ตรงกลางไม่ค่อยได้ ช่วงท้ายจอร์จินโญ่เล่นต่อไม่ไหว แล้วทีมเปลี่ยนตัวครบไปแล้ว ทำให้ต้องเล่น 10 คน โอเล็กซานเดอร์ ชินเชนโก้: 6.0 สตาร์ทในตำแหน่งกองกลางฝังขวา ด้วยความที่ไม่ใช่เท้าข้างถนัด เราเลยเห็นเขาต้องแต่งบอลให้เข้าซ้าย เลยได้เห็นเขาทำได้แค่เคาะไป เดแคลน ไรซ์: 7.0 จังหวะประตูขึ้นนำ 1-0 ต้องยกความดีความชอบให้กับไรซ์ด้วย ในจังหวะโต้กลับที่เขาลุยเข้าไปเอง ก่อนจะจ่ายให้ปาร์เตย์ได้ยิง ไรซ์ก็ยังช่วยทีมได้ดีทั้งเกมส์รับและเกมส์รุก กาเบรียล มาร์ติเนลลี่: 5.5 จังหวะหนึ่งต่อหนึ่งของมาร์ติเนลลี่ ไม่สามารถเอาชนะเกมส์รับของเบรนท์ฟอร์ดได้แบบชัดเจน แล้วจังหวะบอลแรกในบางครั้งน่าจะทำได้ดีกว่า อีธาน วาเนรี: 5.5 ช่วงหลังเริ่มเล่นไม่ค่อยออกเหมือนกันสำหรับวาเนรี แล้วมีความไม่เข้าใจระหว่างเขากับชินเชนโก้ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เลอันโดร ทรอสซาร์: 5.5 เล่นในบทบาทกองหน้าตัวเป้า ทรอสซาร์มีบทบาทกับเกมส์น้อยไปหน่อยโดยเฉพาะในครึ่งเวลาหลัง แถมจะหายไปจากเกมส์เลย ช่วงครึ่งแรกยังพอมีจังหวะได้พลิกส่องจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่ถูกประตูเบรนท์ฟอร์ดเซฟไว้ได้ ตัวสำรอง: บูคาโญ ซาก้า: 6.5 (นาทีที่ 62, วาเนรี) มีโอกาสทองที่จะยิงประตูให้ทีมขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อซาก้าไปแย่งบอลจากประตูของเบรนท์ฟอร์ดมาได้ แต่จังหวะจะยิงไปแต่งหลายจังหวะจนทิ้งโอกาสทองไป ซาก้ายังมีโอกาสได้ลุ้นอีก 2-3 ครั้ง แต่ก็เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ มาร์ติน โอเดการ์ด: 6.0 (นาทีที่ 62, ชินเชนโก้) ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่: 6.0 (นาทีที่ 62, เทียร์นี่ย์) ยูร์เรียน ทิมเบอร์: 6.0 (นาทีที่ 69, ปาร์เตย์) มิเกล เมริโน่: 6.0 (นาทีที่ 75, ไรซ์)
-
บรรยากาศในสนามซ้อมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา: ยอดเยี่ยมมาก พลังงานมันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เป็นค่ำคืนที่พิเศษมาก แต่นั่นก็ผ่านไปแล้ว และตอนนี้เรามุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่เกมกับเบรนท์ฟอร์ด เพราะมันเป็นเกมที่จะต้องใช้ศักยภาพสูงสุดของพวกเรา ลูกฟรีคิกของไรซ์ที่เขาชอบมากที่สุด: มันยากจะเลือกนะ ผมไม่รู้จริง ๆ เทคนิคของทั้งสองลูกนั้นแตกต่างกันมาก ระยะยิงและมุมที่เขาทำได้ ทั้งสองลูกยอดเยี่ยมมาก และพวกมันช่วยให้เราชนะ ซึ่งนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อถูกถามว่าเขารู้ไหมว่าลูกไหนคือประตูโปรดของดีแคลน: ไม่รู้ครับ เมื่อถูกถามว่าไรซ์จะเป็นคนยิงฟรีคิกทุกลูกต่อจากนี้ไหม: มันเป็นสิ่งที่เราคุยกันบ่อย เขาสามารถสร้างโอกาสได้หลายรูปแบบในกรอบเขตโทษ ไม่ว่าจะเป็นแอสซิสต์หรือยิงเอง เพราะเขามีคุณสมบัติครบ เขาวิ่งทะลุเข้าเขตโทษได้ เลี้ยงหลบผู้เล่นได้ มีลูกยิงไกล และยังเล่นลูกตั้งเตะได้ดีด้วย เป้าหมายของเราคือให้เขาเป็นผู้เล่นที่สามารถตัดสินเกมได้ด้วยวิธีการหลากหลาย เกี่ยวกับผู้เล่นที่ตอบรับแนวคิด “make it happen” (ทำให้มันเกิดขึ้นจริง): แน่นอน ผมพูดไว้วันก่อนว่า แค่เชื่อยังไม่พอ ต้องมีความมุ่งมั่น รู้สึกให้ได้ และทำให้มันเป็นจริง ซึ่งเราต้องทำหลายสิ่งให้ถูกต้อง เหมือนที่เราทำมาตลอดฤดูกาล โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่เราต้องเจอมา ดังนั้นเราต้องสานต่อความคิดแบบนี้ต่อไป ความสำคัญของบูกาโย่ ซาก้าในช่วงที่เหลือของฤดูกาล: สำคัญมาก เขาสร้างความอันตราย การเชื่อมเกม และความไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งอาจจะไม่มีผู้เล่นคนอื่นทำได้แบบเขา โดยเฉพาะกับความสัมพันธ์ที่เขาสร้างไว้กับเพื่อนร่วมทีม เขามีพลังในการปลุกเร้าแฟน ๆ ในสนาม ซึ่งมันเหลือเชื่อจริง ๆ เพราะการเปลี่ยนบรรยากาศในสนามไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาทำได้ และนั่นคือคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ที่ซาก้าบอกว่าเขาอยากคว้าแชมป์กับทีมให้ได้: เขาเป็นคนที่ถ่อมตัว เรียบง่าย และทุ่มเทให้กับสโมสรอย่างมาก เขาผูกพันกับสโมสรนี้อย่างลึกซึ้ง และกับผู้คนมากมายที่นี่ ผมดีใจมากที่ได้ยินว่าเขาอยากอยู่กับเราต่อและคว้าชัยชนะร่วมกัน แนวทางของมิเกลในการรับมือเกมกับเบรนท์ฟอร์ด: ก็รับมือแบบปกติ นี่แหละบริบทของเรา เราต้องเล่นทุกสามวันในหลายรายการ รายการใหญ่สุดคือยุโรป แล้วก็กลับมาเล่นพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นเกมที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ทั้งคู่แข่งและบริบทของเกม ถ้าอยากเป็นทีมที่ชนะได้ในทุกเวที เราต้องรับมือให้ได้ในทุกสามวัน ไม่ว่าบริบทจะเป็นยังไง จำนวนวันหยุดที่ทีมได้รับหลังชนะมาดริด: แค่วันเดียวเอง ผมคิดว่าทุกคนก็พอใจนะ บางครั้งหลังชนะคุณอยากอยู่กับทีมอีกวัน เพื่อแชร์ความรู้สึกนั้นร่วมกัน แต่เราก็ให้วันหยุด เพราะนั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นตัวและเตรียมพร้อมสำหรับเกมกับเบรนท์ฟอร์ด เขาดูเกมนั้นซ้ำกี่ครั้ง: ผมดูเกมแค่ครั้งเดียว แล้วก็หันไปโฟกัสที่เบรนท์ฟอร์ดทันที นั่นคือความจริง การทำให้ผู้เล่นกลับมามีสมาธิหลังเกมใหญ่: ไม่ใช่เรื่องของการดึงเขากลับมาหรอก ตอนนี้เป็นเรื่องของการรักษาพลังงานและโมเมนตัมนั้นไว้ แล้วใช้มันกับเกมที่ยากมากกับเบรนท์ฟอร์ด ทีมที่ถ้าคุณดูในสิ่งที่พวกเขาทำมา มันเหลือเชื่อจริง ๆ เป็นเรื่องราวที่งดงาม และพวกเขาสมควรได้รับมันจากการทำงานหนัก การจัดการทีม ความเชื่อมั่น และแนวทางการเล่น ต้องให้เครดิตพวกเขาเลย เกมนี้จะเป็นบททดสอบที่หนักแน่นอนสำหรับเรา ความเคารพที่มีต่อโธมัส แฟรงค์: มากเลยครับ อาจจะมากกว่าคำว่าเคารพด้วยซ้ำ อาจจะเรียกว่าชื่นชมมากกว่า เขาทำได้ยอดเยี่ยมกับสโมสรที่ทุกคนมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน มีอัตลักษณ์ชัดเจน เป็นทีมที่เราสามารถเรียนรู้ได้มาก เพราะวิธีที่พวกเขาทำมันฉลาดมากในความเห็นผม และโมเดลของทีมก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดูผลงานเกมเยือน 6 นัดหลังสุดก็เห็นแล้วว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง จุดแข็งหลักของเบรนท์ฟอร์ด: นั่นแหละประเด็น พวกเขามีจุดแข็งหลายจุดเลย พวกเขาเพรสสูงอย่างดุดัน ถ้าแย่งบอลได้ในช่วงเปลี่ยนเกม พวกเขาเล่นได้ดีและจัดระเบียบได้ดีมาก ถ้าพวกเขาตั้งรับลึก พวกเขาก็มีตัวเติมเกมจากแนวลึกอีกด้วย ทุกการเริ่มเกมใหม่อาจกลายเป็นลูกตั้งเตะและพวกเขาสร้างความวุ่นวายได้ดี ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด เกมกับมาดริดว่าเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของทีมภายใต้การคุมของเขาหรือไม่: อาจจะใช่ ถ้าวัดจากผลกระทบในระดับโลก บริบทของเกม และวิธีการเล่น มันน่าจะเป็นเกมที่ถูกพูดถึงมากที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว สำหรับเรา มันก็เป็นแค่อีกเกมหนึ่ง และยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ มันดีสำหรับพวกเราในการสร้างช่วงเวลา ความเชื่อมโยง และประวัติศาสตร์ร่วมกัน การนำระบบล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติมาใช้ในพรีเมียร์ลีก: ใช่ครับ ผมคิดว่าในแชมเปียนส์ลีกมันใช้ได้ดี และช่วยให้ทุกฝ่ายทำงานง่ายขึ้น ทำให้เกมยุติธรรมขึ้นด้วย ยินดีต้อนรับเลย ความคิดที่จะพักผู้เล่นก่อนเกมเลกที่สอง: ตอนนี้เราต้องดูว่าสภาพร่างกายของนักเตะเป็นยังไง เพราะมันไม่ใช่แค่เกมนี้ แต่รวมถึงโปรแกรมในสัปดาห์ต่อ ๆ ไปด้วย ใครที่ได้ลงเล่นก็จะต้องพร้อมและแข่งขันได้แน่นอน อัปเดตอาการบาดเจ็บ: ดีแคลนกับบูกาโย่ฟิตทั้งคู่ มันแค่โดนเตะนิดหน่อยแล้วก็ฟื้นตัวได้ดี ดังนั้นทั้งสองพร้อมลงเล่นพรุ่งนี้ ริกกี้ก็กำลังฟื้นตัวได้ดี ผมยังบอกเวลาที่แน่นอนไม่ได้ เพราะเขาต้องเริ่มเร่งระดับขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เล่นคนอื่นซ้อมร่วมด้วย แล้วดูว่าเขาตอบสนองยังไง แต่ตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่ดี ความสำคัญในการรักษาอีธานและไมลส์ให้อยู่กับทีมต่อ: เราทุ่มพลังอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่านักเตะของเรามีความสุข รู้สึกมีคุณค่า และรู้สึกว่าเป็นส่วนสำคัญของสิ่งที่เราทำ แล้วส่วนอื่น ๆ ถ้ามีความจำเป็น เราก็จะดูที่อคาเดมี่ของเราก่อน ถ้าไม่พอก็ค่อยดูที่อื่น กรอบเวลาระหว่างอาการบาดเจ็บของไคกับซาก้า: งั้นเรามีเวลามากขึ้นอีกหน่อย มาดูกัน ทุกอาการบาดเจ็บไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่วิธีคิดของทั้งสองคนคล้ายกันมาก พวกเขามีประวัติบาดเจ็บที่ดี มีวินัยยอดเยี่ยม และกระหายที่จะกลับมาเล่นโดยเร็วที่สุด ทีมแพทย์เราก็ยอดเยี่ยม หวังว่าเราจะได้เขากลับมา แต่คงต้องรอดู เพราะช่วงสุดท้ายของการฟื้นตัวจะเป็นตัวบอกว่าเขาพร้อมแค่ไหน การที่อีธานได้ลงเล่นน้อยลง: ไมลส์ก็เล่นเยอะนะ และอีธานก็เช่นกัน เขาเพิ่งได้ลงตัวจริงกับเอฟเวอร์ตัน เกมเยือน นี่คือพรีเมียร์ลีกนะครับ และเรากำลังพูดถึงเด็กอายุ 17–18 ที่ไม่เคยเล่นฟุตบอลอาชีพมาก่อน แต่ได้ลงเล่นเยอะมาก ผมดีใจมาก เพราะพวกเขาสมควรได้รับมัน และพวกเขาจะได้ลงเล่นต่อไปแน่นอน การสร้างตำนานของตัวเองในยุโรป: ผมอยากใช้คำนั้นกับการคว้าถ้วยใหญ่มากกว่าการผ่านเข้ารอบนะ แต่เราต้องเริ่มจากที่ไหนสักที่ก่อน เราไม่ได้เล่นแชมเปียนส์ลีกมานานถึง 7 ปี เราต้องเริ่มสร้างเรื่องราว และตอนนี้เรากำลังเดินมาถูกทาง แต่ก็ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ วมันเป็นเรื่องของทั้งสโมสร ไม่ใช่แค่ผู้เล่นกับโค้ช: แน่นอน 100% ค่ำคืนแบบที่เรามีเมื่อวันก่อนจะถูกจดจำไปอีกหลายปี และนั่นแหละคือค่ำคืนที่ทำให้คนเชื่อมั่น มันให้ความหมายกับการแข่งขัน มอบความสุข และเตรียมคุณสำหรับค่ำคืนต่อไป เพราะคุณจะอยากรู้สึกแบบนั้นอีก นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในมุมมองของผม คือทำให้แฟน ๆ เฝ้ารอที่จะได้สัมผัสความรู้สึกนั้นร่วมกับเราอีก แรงจูงใจจากการที่ลิเวอร์พูลยังไม่การันตีแชมป์: พรีเมียร์ลีกมันยาวมาก ทุกทีมเล่นเยอะมาก และเรารู้ดีว่ามันแข่งขันกันสูงแค่ไหน ชนะกันแค่ลูกเดียวเกือบทุกเกม นั่นหมายความว่ายังมีโอกาสอยู่เสมอ แม้มันจะไม่อยู่ในมือเราแล้วก็ตาม สิ่งที่เราทำได้คือชนะเกมของตัวเอง อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด แล้วรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราต้องอยู่ตรงนั้นให้ได้แน่นอน ความประหลาดใจในพัฒนาการของดีแคลน: เราซื้อนักเตะที่พร้อมใช้งานอยู่แล้ว และราคาที่จ่ายก็สะท้อนสิ่งนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามาถึงขีดสุดแล้ว เพราะเรารู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างให้พัฒนา ทั้งการอ่านเกม และทักษะอื่น ๆ มันขึ้นอยู่กับว่าเขาเชื่อมั่นและกล้าที่จะก้าวไป เขาต้องทำประตูด้วยลูกโหม่งให้มากขึ้น ทำประตูในกรอบมากขึ้น ยิงไกลให้มากขึ้น เขาทำได้หมด และเขาต้องเพิ่มสิ่งเหล่านี้เข้าไป เพราะเขามีศักยภาพอยู่แล้ว คนที่บอกว่าเราซื้อเขามาครึ่งราคาหรือเปล่า: (หัวเราะ) ผมว่าไม่ใช่นะ! ที่มาดริดหวังว่าจะกลับมาได้ในเลกสอง: เราต้องโฟกัสในสิ่งที่เราทำได้ สิ่งที่เราควบคุมได้ และเมื่อถึงเวลานั้น เราก็จะเตรียมทีมให้พร้อม เพราะเรารู้ว่าต้องเจอกับอะไร และเราต้องคว้ามันมาให้ได้ ต้องก้าวขึ้นไปอีกขั้น และทำให้ดีกว่าเกมแรก
-
เทพเดวิดเปิดประเด็นกอร์ดอน-ฮุยเซน!! สรุปข่าวอาร์เซน่อลประจำวันที่ 11 เมษายน 68
admin replied to admin's topic in GUNNER NEWS
กอร์ดอนก็ดีนะ ไม่ต้องปรับตัว แต่ถ้าปล่อยคิวิออร์ อยากได้ ยอร์เรล ฮาโต้ ศิษย์ทิมเบอร์มากกว่า ฮุยเซน นิดหน่อย -
เดวิด ออร์นสตีน นักข่าวดังจากดิแอธเลติก ได้ตอบคำถามจากแฟนบอลทางบ้าน ซึ่งเขาได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการเสริมทัพของอาร์เซน่อลอยู่หลายประเด็นด้วยกัน อาร์เซนอลได้ติดตามและศึกษาผลงานของ เบนจามิน เซสโก้ มาเป็นเวลานานพอสมควร เขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์สูงและกำลังทำผลงานได้ดีมาก ซึ่งผมมั่นใจว่าเขาจะพัฒนาได้อีกในอนาคต เพื่อนร่วมงานของผม เจมส์ แมคนิโคลาส เพิ่งรายงานว่า อาร์เซนอลเองก็มีความกังวลบางอย่างเกี่ยวกับเซสโก้ อยู่บ้าง จึงอาจเป็นไปได้ว่า มิเกล อาร์เตต้า และ อันเดรีย แบร์ต้า กำลังให้ความสำคัญกับตัวเลือกอื่นมากกว่า (ก่อนหน้านี้เราก็เคยรายงานว่าอาร์เซนอลจับตามองทั้ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ วิคตอร์ โยเคเรส) อย่างไรก็ตาม นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเซสโก้หลุดจากลิสต์เป้าหมายของอาร์เซนอล เพียงแต่อาจไม่ใช่ปลายทางที่มีแนวโน้มมากที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ เราก็รู้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประทับใจเขาอย่างมากเช่นกัน... ผมจำได้ว่าเขาเคยเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ของพวกเขาเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจอยู่กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ต่อและเซ็นสัญญาใหม่ ตอนนี้เขายังเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ เชลซี กำลังพิจารณา และผมมั่นใจว่าสโมสรระดับท็อปอื่น ๆ ก็จับตามองอยู่เช่นกัน ดีลนี้ไม่ใช่ดีลราคาถูกแน่นอน — แต่ดีลระดับนี้ไม่มีทางถูกอยู่แล้ว และถ้า/เมื่อเซสโก้ย้ายทีมจริง ทีมที่คว้าตัวไปได้ก็น่าจะได้เพชรเม็ดงามไปครองแน่นอน นักเตะตำแหน่งริมเส้นอยู่ในแผนของอาร์เซน่อลมาสักระยะแล้ว และผมได้ยินมาว่า ตำแหน่งปีกซ้าย คืออีกหนึ่งตำแหน่งที่อาร์เซน่อลกำลังพิจารณาในช่วงซัมเมอร์นี้ เราทุกคนทราบดีว่า นิโก้ วิลเลี่ยมส์ เป็นนักเตะที่มิเกล อาร์เตต้า ชื่นชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าดีลนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน ยังมีชื่ออื่นที่ถูกพิจารณาอยู่ด้วย ยกตัวอย่างเช่น อาร์เซน่อลเป็นหนึ่งในหลายสโมสรที่ชื่นชอบ แอนโธนี่ กอร์ดอน A BOLA สื่อของโปรตุเกส เปิดเผยว่า อาร์เซน่อล เป็นตัวเต็งที่จะคว้าตัว วิคตอร์ โยเคเรส กองหน้าฟอร์มฮอตของสปอร์ติ้ง ลิสบอน ไปเสริมทัพในฤดูกาลหน้า มีข้อตกลงระหว่างตัวนักเตะและทางต้นสังกัด ว่าเขาสามารถย้ายทีมได้ด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร เคร็ก โฮฟฟ์ นักข่าวจากเดลี่ เมล์ บอกว่า มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นว่า อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าทีมชาติสวีเดน จะอยู่ล่าตาข่ายให้กับนิวคาสเซิ่ลต่อไปในฤดูกาลหน้า แม้ว่าจะได้รับความสนใจจาก อาร์เซน่อล และลิเวอร์พูล London Evening Standard รายงานข่าวว่า อาร์เซน่อล มีแผนที่จะโรเตชันผู้เล่นในเกมส์พรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ ที่จะเปิดบ้านรับมือกับเบรนท์ฟอร์ด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนบุกเยือน เรอัล มาดริด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก กลางสัปดาห์หน้า แม้ว่าเลกแรกพวกเขาจะเอาชนะมาได้ด้วยสกอร์ 3-0 ก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า มิเกล อาร์เตต้า อาจจะพัก บูกาโญ ซาก้า, วิลเลี่ยมส์ ซาลิบา, ไมล์ส-ลูอิส สเคลลี่ และเดแคลน ไรซ์ เป็นอย่างน้อย เดวิด ออร์นสตีน ได้พูดถึงอนาคตของ ดีน ฮุยเซน เซนเตอร์แบ็คดาวรุ่งอนาคตไกลของบอร์นมัธ เขาบอกว่า: "ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าลิเวอร์พูลเป็นหนึ่งในสโมสรที่ให้ความสนใจในตัวดีน ฮุยเซน อย่างจริงจัง ข้อมูลนี้ถูกพูดถึงในแหล่งอื่นด้วย และถือว่าแม่นยำ เชลซีได้สอบถามเกี่ยวกับเขา และอาร์เซนอลก็อยู่ในกลุ่มที่สนใจเช่นกัน ตอนนี้สามสโมสรนี้ดูจะเป็นตัวเต็ง แต่ก็ไม่ใช่เพียงสามทีมเท่านั้น เพราะนิวคาสเซิลและท็อตแน่มก็สนใจอยู่ด้วย ผมเชื่อว่าทุกสโมสรที่กล่าวถึงได้มีการประชุมหรือพูดคุยกับตัวแทนของฮุยเซนในสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อเสนออย่างเป็นทางการ ดังนั้นทิศทางของดีลนี้จึงยังไม่ชัดเจน มีรายงานไว้อย่างชัดเจนว่าฮุยเซนมีความชื่นชอบเรอัล มาดริดตั้งแต่เด็ก และทางมาดริดเองก็ชอบเขา แต่ผมยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนจากพวกเขาในตอนนี้ ดังนั้น ณ เวลาที่เขียนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะมีโอกาสย้ายไปอยู่กับสโมสรในพรีเมียร์ลีกมากกว่า ผมคิดว่าทั้งบอร์นมัธและตัวนักเตะเองอยากให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว เนื่องจากค่าฉีกสัญญา 50 ล้านยูโร ทำให้ดีลนี้สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งลิเวอร์พูลเคยใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขแบบนี้มาก่อน บางทีการพิจารณาของลิเวอร์พูลอาจได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์ต่อสัญญาของโคนาเต้ที่ยังไม่มีความคืบหน้า และหากเซ็นสัญญากับฮุยเซน ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะได้ลงเล่นเคียงข้างฟาน ไดจ์ค เชลซีเองก็อาจพูดแบบเดียวกันในกรณีจับคู่กับโคลวิลล์ และที่นิวคาสเซิลกับท็อตแน่ม เขาก็น่าจะได้โอกาสลงเล่นพอสมควรเช่นกัน ในส่วนของอาร์เซนอล อาจจะยากหน่อยเพราะมีซาลิบาและกาเบรียลอยู่แล้ว แต่ถ้าคิวิออร์ถูกขายออกไป ก็สามารถจินตนาการได้ว่าฮุยเซนอาจได้ลงเล่นบ่อยในฐานะหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็คของทีม และจากที่ผมได้ยิน ทั้งมิเกล อาร์เตต้า และอันเดรีย แบร์ต้า ต่างก็เป็นแฟนตัวยงของฮุยเซน ผมยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับนักเตะคนอื่น ๆ ที่ลิเวอร์พูลกำลังดูอยู่ตอนนี้ แต่จากที่ก่อนหน้านี้หลายทีมมองหากองหลังฝั่งซ้าย ตอนนี้กลับหันมาโฟกัสที่ฝั่งขวาแทน โดยรวมแล้ว (แม้จะไม่แน่ใจว่าสำหรับลิเวอร์พูลหรือไม่) มาร์ค เกฮี จะเป็นคนที่น่าจับตามอง รวมถึงเทรเวอร์ ชาโลบาห์ด้วย" ไซมอน คอลลินส์ สายข่าวอาร์เซน่อลของ London Evening Standard รายงานข่าววา ทีมงานสต๊าฟโค้ชของมิเกล อาร์เตต้า ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับอาร์เซน่อลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (อัลเบิร์ต สตูเวนเบิร์ก, คาร์ลอส คูร์เอสต้า, นิโคลัส โยเวอร์, อินากี้ คาญา และมิเกล โมลิน่า) หัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะของอาร์เซนอล เจมส์ เอลลิส คาดว่าจะ อำลาสโมสรหลังจบฤดูกาลนี้ ตามแหล่งข่าวที่เปิดเผยกับ Football Insider ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างงานด้านการเสริมทัพของสโมสร ภายใต้การนำของ อันเดรีย แบร์ต้า #arsenalfanaticsnews สายข่าววงในของอาร์เซน่อล บอกว่า ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี เซนเตอร์แบ็คทีมชาติอิตาลี สามารถกลับมาลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เขามีปัญหาบาดเจ็บมาจากการลงเล่นกับทีมชาติ ซามี่ ม็อกเบล นักข่าวจาก BBC บอกว่า อาร์เซนอลเตรียมเปิดการเจรจากับ อีธาน วาเนรี เกี่ยวกับ สัญญาฉบับใหม่ — แม้ยังไม่มีข้อเสนอหรือการพูดคุยอย่างเป็นทางการในตอนนี้ แต่คาดว่า ความคืบหน้าจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ดาวรุ่งวัย 18 ปีรายนี้กำลังจะเข้าสู่ ปีสุดท้ายของสัญญาฉบับปัจจุบัน ในช่วงซัมเมอร์นี้ ในขณะเดียวกัน สโมสรยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับ ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ เกี่ยวกับ การต่อสัญญา เช่นกัน เดวิด ออร์นสตีน บอกว่า มีความเป็นไปได้ที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ จะกลับมาช่วยอาร์เซน่อลได้ก่อนจบฤดูกาลนี้ หากทีมยังมีลุ้นบางอย่างในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล โดยกระบวนการฟื้นฟูร่างกายของเขากำลังเป็นไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังคงเป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้เท่านั้น และยังมี ปัจจัย ที่ไม่แน่นอน หลายอย่างที่ต้องพิจารณา
-
ดูบอลสดฟรี บทความโดย: แจ็ค แลง (ดิแอธเลติก) มีเหตุผลมากมายให้ตื่นเต้นกับวิคเตอร์ โยเคเรส เครื่องจักรผลิตประตูจากสวีเดน ซึ่งเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดนอก 5 ลีกใหญ่ของยุโรป อย่างแรกและที่ชัดเจนที่สุดก็คือตัวเลข—มันเหลือเชื่อจนแทบไม่อยากเชื่อสายตา โยเคเรสทำไปแล้ว 85 ประตูจาก 91 นัดในทุกรายการให้กับสปอร์ติง ลิสบอน นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 แค่นั้นก็น่าทึ่งพอแล้ว แต่สิ่งที่ยิ่งกว่าคือเขากำลังเร่งเครื่องขึ้นไปอีก: 42 ประตูจาก 42 นัดในฤดูกาลนี้ บวกกับอีก 12 ประตูจาก 12 นัดให้กับทีมชาติสวีเดน โดยเฉลี่ยแล้ว ในฤดูกาล 2024-25 เขาทำประตูได้ทุก ๆ 76 นาทีให้กับทั้งสโมสรและทีมชาติ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ตัวเลขเหล่านี้ก็เหลือเชื่อจนมองข้ามไม่ได้เลย ไม่น่าแปลกใจที่ผลงานของเขาจะได้รับเสียงชื่นชมอย่างต่อเนื่องในโปรตุเกส "เขาคือปรากฏการณ์" รูอิ บอร์เกส กุนซือของสปอร์ติงกล่าว หลังจาก โยเคเรสทำสองประตูใส่คาซา เปียเมื่อต้นเดือนนี้ "เขามีทุกอย่าง: คุณภาพทางเทคนิค พละกำลัง ความเฉียบขาด มันน่าประทับใจจริง ๆ เขาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดที่เคยเล่นในลีกของเรา" ก่อนเกมที่พบกับเขาในวันเสาร์ เฟร์โร กองหลังของเอสเตรล่า ดา อมาโดร่า ถึงกับบอกว่า "วิธีเดียวที่จะหยุดเขาได้คือใช้ยาวิเศษ" แต่ดูเหมือนว่าเขาจะหายานั้นมาไม่ได้ เพราะโยเคเรสยิงสองประตูจากจุดโทษ และทำอีกหนึ่งแอสซิสต์ในเกมที่ชนะ 3-0 "เขาเป็นนักเตะที่พิเศษ สนุกมากที่ได้ดูเขาเล่น" บอร์เกสกล่าวหลังจบเกม ภาพรวมของเขามีแต่สิ่งดี ๆ และสำหรับแฟน ๆ อาร์เซนอล ที่กำลังตื่นเต้นกับข่าวว่าสโมสรให้ความสนใจในตัวกโยเคเรสก่อนตลาดซัมเมอร์ ก็มีเหตุผลมากมายให้มองโลกในแง่ดี สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ เขาจะเป็นตัวเลือกที่แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง และมอบบางสิ่งที่กองหน้าของอาร์เซนอลในปัจจุบันไม่มี แม้ว่าจะฟิตสมบูรณ์และพร้อมลงเล่นก็ตาม ไค ฮาแวร์ตซ์, กาเบรียล เชซุส และเลอันโดร ทรอสซาร์ ต่างมีจุดแข็งของตัวเอง แต่พละกำลังที่ดุดันไม่ใช่หนึ่งในนั้น โยเคเรสในฟอร์มที่ดีที่สุดคือเหมือน "ม้าป่า" เขาสามารถเร่งสปีดหนีแนวรับได้ แต่ก็ดูจะพอใจไม่แพ้กันหากต้องบดขยี้กองหลังก่อนพุ่งเข้าหาประตู เขาสร้างปัญหาให้แนวรับฝ่ายตรงข้ามได้เสมอ แม้จะเล่นเป็นกองหน้าตัวเดียวก็ตาม โยเคเรสมีเป้าหมายเดียวในใจเมื่อพูดถึงการทำประตู แม้ว่าเขาจะทำแอสซิสต์ได้ไม่น้อย—16 ครั้งในลีกสูงสุดของโปรตุเกสนับตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่แล้ว—แต่นั่นเป็นเพียงผลพลอยได้จากสไตล์การเล่นที่ดุดันของเขา เมื่อเขาได้บอลในพื้นที่สุดท้าย เป้าหมายของเขามีเพียงอย่างเดียว “โยเคเรสต้องการพุ่งตรงไปที่ประตู” ปีเตอร์ คิสฟาลูดี หนึ่งในโค้ชเยาวชนของเขาในสวีเดน เคยบอกกับ The Athletic เมื่อปีที่แล้ว “เขาไร้ความปรานีโดยสิ้นเชิง” นอกจากนั้น เขายังหมกมุ่นกับการทำประตูอย่างมาก “บางครั้งเขาจะเริ่มกระวนกระวายในสนามถ้าเขายังยิงไม่ได้” เปโดร กอนคาลเวส มิดฟิลด์ของสปอร์ติงเคยบอกกับหนังสือพิมพ์ A Bola ในเดือนธันวาคม “เขารู้สึกว่าเขาต้องยิงให้ได้เสมอ” ไม่แปลกเลยที่โยเคเรสยกให้คริสเตียโน โรนัลโดเป็นหนึ่งในไอดอลของเขา การเล่นเพื่อทีมเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อพูดถึงกองหน้า บางครั้งต้องยึดคติแบบกอร์ดอน เก็กโก (ตัวละครใน Wall Street) ว่า "ความโลภนั้นดี" นั่นคือเหตุผลที่บอร์เกสอธิบายโยเคเรสว่าเป็นนักเตะที่ “ทะเยอทะยานและแข่งขันสูง” เส้นทางอาชีพของเขาอาจเป็นตัวหล่อหลอมทัศนคติแบบนี้ โยเคเรสคงคิดว่าเขาใกล้จะก้าวเข้าสู่เวทีใหญ่เมื่อเซ็นสัญญากับไบรท์ตันในวัย 19 ปี แต่เขากลับไม่ได้รับโอกาสที่คาดหวังไว้ การยืมตัวไปยังซังต์ เพาลี, สวอนซี ซิตี้ และโคเวนทรี ซิตี้ ก็ไม่ได้สร้างความฮือฮา แต่เมื่อเขาย้ายไปโคเวนทรีแบบถาวร นั่นคือจุดที่เขาเริ่มฉายแวว เขาจะอายุ 27 ปีในเดือนมิถุนายน และดูเหมือนว่าเขาต้องการชดเชยเวลาที่เสียไป อย่างไรก็ตาม เขาก็มีจุดอ่อนในเกมของเขาเช่นกัน เขาไม่ได้คล่องตัวที่สุดเมื่อต้องเล่นในพื้นที่แคบ ความเร็วของเขาช่วยกลบจังหวะสัมผัสบอลที่ไม่แน่นอนเป็นบางครั้ง แม้จะมีร่างกายที่สูงใหญ่ แต่เขาไม่ได้โดดเด่นในลูกกลางอากาศ จาก 68 ประตูล่าสุดที่ทำให้กับสปอร์ติงและสวีเดน มีเพียงลูกเดียวที่มาจากการโหม่ง ถึงแม้ว่าปัญหานี้จะเกี่ยวข้องกับแท็กติกพอ ๆ กับเทคนิค สำหรับสปอร์ติง โยเคเรสมักได้รับมอบหมายให้สร้างโอกาสด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการวิ่งจากด้านในออกไปทางปีกซ้ายหรือขวา ซึ่งได้ผลดีจนเรียกได้ว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา มีตัวอย่างให้เห็นอยู่หลายครั้ง หนึ่งในนั้นคือประตูที่สองจากแฮตทริกที่เขาทำได้ในเกมพบโบอาวิสต้าเมื่อเดือนมีนาคม 2024 หลังจากการแย่งบอลกันในแดนกลาง ดาเนียล บรากันซา ของสปอร์ติง เปิดบอลออกทางซ้ายให้ นูโน่ ซานโตส ที่เติมเกมขึ้นมา ขณะนั้นโยเคเรสอยู่ค่อนไปทางขวา แต่เมื่อเห็นโอกาส เขาก็ออกตัววิ่งตัดแนวรับด้วยความเร็ว ไม่มีช่องให้ซานโตสจ่ายทะลุช่องตรงกลาง โยเคเรสจึงยังคงวิ่งต่อไป ผ่านเซ็นเตอร์แบ็กตัวที่สอง กระตุ้นให้เพื่อนร่วมทีมส่งบอลไปยังพื้นที่ว่างทางริมเส้น เมื่อรับบอลได้ โยเคเรสอยู่ในเขตโทษของโบอาวิสต้าแล้ว เขาไม่รอช้า เผชิญหน้ากับกองหลังตรงหน้า ตัดเข้าด้านใน และพุ่งตรงเข้าหาประตู ในจังหวะนี้ การตบกลับให้เพื่อนที่เติมขึ้นมาน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่โยเคเรสมีสายตาจับจ้องที่เป้าหมายเพียงอย่างเดียว และซัดเต็มข้อส่งบอลพุ่งเสียบเสาไกล ทำให้สปอร์ติงนำ 3-1 ตัวอย่างที่สองคือประตูของโยเคเรสในเกมตัดเชือก Taça de Portugal ที่สปอร์ติงเอาชนะเบนฟิก้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 มันเกือบจะเป็นภาพสะท้อนของประตูก่อนหน้า โดยคราวนี้การโจมตีเริ่มจากฝั่งตรงข้าม เจนี่ คาตาโม เงยหน้าขึ้นมองและเห็นโยเคเรสเร่งสปีดเข้าสู่พื้นที่ว่างด้านหลังแบ็กซ้ายของเบนฟิก้า คาตาโมจ่ายบอลสุดเฉียบด้วยอุ้งเท้าซ้าย โค้งพุ่งเข้าหาทิศทางของโยเคเรส ซึ่งทิ้ง นิโกลัส โอตาเมนดี้ ไว้ข้างหลังเรียบร้อย โอตาเมนดี้ พยายามเร่งความเร็วเพื่อไล่ตาม และมาทันจังหวะที่โยเคเรสกำลังแตะบอลแรกพอดี หลายคนอาจคาดว่ากองหน้าสวีดิชจะชะลอเกม เก็บบอลไว้แล้วรอเพื่อนเติมขึ้นมา แต่ไม่เลย โยเคเรสยอมรับแรงปะทะ ปัดโอตาเมนดี้กระเด็น และเร่งสปีดพุ่งผ่านเขาลงไปริมเส้น ก่อนมีเวลาตัดเข้าใน แล้วซัดเรียดเสียบเสาแรกอย่างเด็ดขาด ตัวอย่างที่สามมาจากเกมพบคาซา เปียเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากแนวรับของสปอร์ติงจัดการเกมบุกของคู่แข่ง มอร์เท่น ยูลมันด์ กัปตันทีมชำเลืองมองขึ้นไป เห็นโยเคเรส และจัดการวางบอลโด่งขึ้นหน้าแบบวัดใจโยเคเรสเริ่มต้นวิ่งจากเส้นกลางสนาม ก่อนรับบอลที่ริมเส้นฝั่งซ้าย มีเพื่อนร่วมทีมสองคนวิ่งสอดขึ้นมาสร้างทางเลือกในการจ่าย แต่โยเคเรสไม่สนใจ เขาหักเข้าใน ดวลตัวต่อตัวแบบไม่เกรงกลัว และสุดท้ายก็แตะหนีแนวรับ ก่อนอัดบอลเต็มข้อเสียบเสาไกลอย่างเฉียบขาด สิ่งที่โดดเด่นที่สุดเกี่ยวกับประตูเหล่านี้—รวมถึงอีกนับไม่ถ้วนที่คล้ายกัน—ไม่ใช่เพียงแค่ความฉลาดในการวิ่งทำทาง มันไม่ได้เป็นการเคลื่อนที่ระดับอัจฉริยะ และการจบสกอร์ก็ไม่ได้ดูสวยงามเป็นพิเศษ สิ่งสำคัญจริง ๆ คือความสามารถในการพึ่งพาตัวเองของโยเคเรสในฐานะกองหน้า เขามีศักยภาพในการเปลี่ยนสถานการณ์ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร ให้กลายเป็นโอกาสทำประตูได้ด้วยตัวเอง นี่แหละที่ควรทำให้แฟน ๆ อาร์เซนอลตื่นเต้น เพราะไม่ต้องใช้ความจำมากนักก็สามารถนึกภาพได้ว่า กาเบรียล เชซุส, ไค ฮาแวร์ตซ์ หรือเลอันโดร ทรอสซาร์ เคยรับบอลในพื้นที่คล้ายกันนี้ แต่กลับโดนแนวรับเบียดจนเสียการครองบอล หรืออย่างน้อยก็ต้องคืนบอลกลับหลัง แน่นอนว่ามีปัจจัยที่ต้องพิจารณา หนึ่งในนั้นคือ พรีเมร่า ลีกา โปรตุเกส ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพรีเมียร์ลีก อีกปัจจัยคือ อาร์เซนอลแทบไม่ได้เล่นเกมสวนกลับ และแทบไม่เคยได้รับพื้นที่ว่างมากขนาดตัวอย่างที่เห็นในเกมของโยเคเรส คำถามที่สำคัญคือ เขาจะทำประตูได้มากขนาดนี้ไหม หากต้องเจอกับแนวรับที่ตั้งลึก? เขาจะยังใช้พละกำลังบดขยี้กองหลังพรีเมียร์ลีกได้เหมือนที่ทำในโปรตุเกสหรือเปล่า? และถ้าทำไม่ได้ ความได้เปรียบที่เขามีเหนือฮาแวร์ตซ์หรือกองหน้าคนอื่น ๆ จะหายไปหรือไม่? นี่คือคำถามที่อาร์เซนอล—หรือทุกสโมสรที่สนใจ—ต้องพิจารณา แต่สิ่งหนึ่งที่แทบจะแน่นอนคือ ตัวเลขผลงานของโยเคเรสหนักแน่นเกินกว่าที่สโมสรใดจะมองข้าม และไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีทีมที่ให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองในระดับที่สูงขึ้น ดูบอลสดฟรี
-
ดูบอลสดฟรี บทความโดย เจมส์ แมคนิโคลัส (ดิแอธเลติก) การทำงานร่วมกับดีเอโก้ ซิเมโอเน่ อาจเป็นการเตรียมตัวที่สมบูรณ์แบบสำหรับบทบาทใหม่ของอันเดรีย แบร์ตา ในฐานะผู้อำนวยการกีฬาของอาร์เซนอล แบร์ตา ซึ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คุ้นเคยกับการร่วมงานกับผู้จัดการทีมที่มีความต้องการสูงและมีอำนาจมากมาย ซิเมโอเน่ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งกุนซือของแอตเลติโก มาดริด มานานกว่า 13 ปีครึ่ง เป็นโค้ชที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดในโลก แน่นอนว่าบทบาทของเขาในการตัดสินใจเรื่องการสร้างทีมมีความสำคัญอย่างมาก และแบร์ตามีประสบการณ์หลายปีในการเรียนรู้ว่าควรบริหาร จัดการ หรือโต้แย้งในช่วงเวลาไหน แม้ว่าอาร์เตต้ายังไม่ได้ประสบความสำเร็จถึงระดับเดียวกับซิเมโอเน่ แต่อิทธิพลของเขาที่อาร์เซนอลก็ถือว่าใกล้เคียงกัน บทบาทของแบร์ตาจะครอบคลุมความรับผิดชอบที่หลากหลาย แต่ส่วนสำคัญของงานก็คือการสร้างทีมให้เป็นไปตามแนวทางที่อาร์เตต้ากำหนด อาร์เซนอลไม่เคยมองเรื่องนี้แบบนั้น นับตั้งแต่ที่อาร์เตต้าได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการทีมในปี 2020 โครงสร้างของสโมสรก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขายืนยันชัดเจนว่าเอดูไม่ใช่หัวหน้าของอาร์เตต้า และผู้ที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ก็จะไม่ใช่เช่นกัน สโมสรมองว่าบทบาทของผู้อำนวยการกีฬาและผู้จัดการทีมเป็นความร่วมมือกัน และเคมีระหว่างอาร์เตต้ากับผู้ที่ได้รับเลือกจะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ มีบุคลากรภายในสโมสรที่ถูกพิจารณา นั่นคือ เจสัน ไอโต้ รองของเอดู อดีตแมวมองผู้นี้ไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการกีฬา และได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการกีฬาชั่วคราว กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าจะใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งทำให้ไอโต้มีบทบาทสำคัญในการประสานงานเรื่องต่าง ๆ เช่น ตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม และการแต่งตั้งผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงคนใหม่ แม้ว่าอาร์เซนอลจะเชื่อมั่นในความสามารถของไอโต้เป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็ต้องการดำเนินกระบวนการสรรหาจากภายนอกอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้บุคคลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้ พวกเขาทำงานร่วมกับบริษัทจัดหางาน ซึ่งเป็นผู้นำในขั้นตอนแรกของกระบวนการ โดยเริ่มจากการระบุผู้สมัครที่มีศักยภาพและคัดกรองรายชื่อให้แคบลง อาร์เซนอลมองหาผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่โดยเฉพาะ เพื่อเข้ามารับผิดชอบบทบาทเดิมของเอดูโดยตรง ไม่ได้มีการพูดถึงการกลับไปใช้ตำแหน่ง "ผู้อำนวยการเทคนิค" หรือบทบาทที่ลดขอบเขตลงแต่อย่างใด นี่เป็นตำแหน่งที่ดึงดูดใจอย่างมาก ทีมชุดใหญ่ของอาร์เซนอลเป็นหนึ่งในทีมที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกฟุตบอล งานหลักของการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่น—หรือที่เอดูเรียกว่า “การล้างทีม” นั้นเสร็จสิ้นไปแล้ว ตอนนี้หน้าที่หลักคือการรักษาสมดุลและพัฒนาทีมให้ดีขึ้นไปอีก ความน่าสนใจของการทำงานกับอาร์เซนอล—ในลอนดอน ที่สนามแข่งระดับโลก ด้วยงบประมาณของพรีเมียร์ลีก และได้ร่วมงานกับผู้จัดการทีมที่ได้รับการยกย่อง—เป็นสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลบางประการ แคนดิเดตบางคนแสดงความไม่แน่ใจ—ไม่ว่าถูกหรือผิด—ว่าการเข้าร่วมอาร์เซนอลอาจหมายถึงการเป็นเพียงผู้ช่วยของอาร์เตต้า สำหรับผู้ที่มาจากวัฒนธรรมที่ผู้อำนวยการกีฬามีอิสระเต็มที่ในการตัดสินใจ นี่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา แต่นั่นก็สะท้อนถึงความน่าสนใจของอาร์เซนอลที่แม้แต่แคนดิเดต มีข้อกังวลก็ยังพร้อมจะพิจารณาตำแหน่งนี้ ในช่วงแรกมีการหารือเกี่ยวกับแคนดิเดตหลายคนจากลีกยุโรป บางคน เช่น โรแบร์โต้ โอลาเบ แห่งเรอัล โซเซียดาด เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในวงการฟุตบอลและเหมาะสมกับตำแหน่งนี้โดยธรรมชาติ ขณะที่บางคน เช่น โทมัส โรซิคกี้ อาจมีประสบการณ์น้อยกว่า แต่ก็มีชื่อเสียงที่กำลังเติบโตและมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับสโมสร โอลาเบดูเหมือนจะเป็นตัวเต็งสำหรับตำแหน่งนี้จากผลงานของเขากับ เรอัล โซเซียดาด อย่างไรก็ตาม เขาได้ให้คำมั่นกับสโมสรในลาลีกาว่าจะโฟกัสอยู่กับทีมจนถึงช่วงซัมเมอร์ ซึ่งทำให้ช่วงเวลานั้นไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่ออาร์เซนอลต้องการแต่งตั้งผู้บริหารถาวรก่อนตลาดซื้อขายนักเตะเปิด อันเดรีย แบร์ตา กลายมาเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งเมื่อเขาออกจากแอตเลติโก มาดริด ในช่วงต้นเดือนมกราคม หลังจากทำงานในเมืองหลวงของสเปนมานาน 12 ปี เขาพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง การเข้ามาของ การ์ลอส บูเซโร ในเดือนมกราคม 2024 ในตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารฝ่ายฟุตบอลของแอตเลติโก ได้เพิ่มความซับซ้อนให้กับโครงสร้างสโมสร และหนึ่งปีต่อมา แบร์ตาก็ประกาศอำลาตำแหน่ง แบร์ตาวัย 53 ปี ตั้งใจจะใช้เวลาช่วงต้นปี 2025 ในอังกฤษเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของเขา ก่อนจะพิจารณาย้ายมาทำงานในพรีเมียร์ลีก และตลอดกระบวนการสัมภาษณ์ เขาชัดเจนเสมอว่า อาร์เซนอลเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของเขา ผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกจากบริษัทจัดหางานเข้าสู่รอบสุดท้ายมีเพียงไม่กี่คน ขั้นแรกพวกเขาต้องเข้าพบ ทิม ลูอิส รองประธานกรรมการบริหารของอาร์เซนอล, ริชาร์ด การ์ลิค และอาร์เตต้า แดน แอชเวิร์ธ อดีตผู้อำนวยการกีฬาของนิวคาสเซิลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในตัวเต็ง เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับการ์ลิค เนื่องจากเคยร่วมงานกันที่เวสต์บรอม อย่างไรก็ตาม แอชเวิร์ธถอนตัวออกจากกระบวนการสรรหาเพื่อแสวงหาโอกาสอื่น ติอาโก้ สกูโร ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในรอบสุดท้าย เขาเคยเป็นผู้อำนวยการกีฬาของโมนาโกก่อนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นซีอีโอ และถูกมองว่าเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์กว้างขวาง สุดท้าย อาร์เซนอลต้องเลือกระหว่าง เจสัน ไอโต้ และ อันเดรีย แบร์ตา—ระหว่างความต่อเนื่องและการเปลี่ยนแปลง ทั้งสองคนได้เข้าพบ จอช โครเอนเก้ ประธานร่วมของสโมสร แม้ว่าเจ้าของสโมสรจะมีส่วนร่วมในกระบวนการสรรหาตลอด แต่ในช่วงสุดท้าย จอชบินมายังอังกฤษเพื่อมีบทบาทอย่างจริงจังมากขึ้น สุดท้าย ฝ่ายบริหารยอมรับคำแนะนำของสโมสร: แบร์ตา ได้รับเลือกให้เป็นผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ของอาร์เซนอล มุมมองของอาร์เตต้ามีน้ำหนักอย่างมากในการตัดสินใจครั้งนี้ เมื่อได้มีส่วนร่วมในช่วงสุดท้ายของกระบวนการ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลสนับสนุนการแต่งตั้งแบร์ตา อย่างไรก็ตาม การเลือกแบร์ตาได้นำไปสู่สถานการณ์ที่ซับซ้อนทางการเมืองภายในสโมสร เนื่องจากไอโต้ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ ขณะที่ข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงของแบร์ตากับอาร์เซนอลเริ่มแพร่สะพัด สิ่งที่ทำให้สถานการณ์นี้ยิ่งเปราะบางขึ้นคือ อาร์เซนอลต้องการให้ไอโ้อยู่กับสโมสรต่อไปในระยะยาว เขาเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับตำแหน่งนี้ และสโมสรก็ต้องการรักษาความสามารถของเขาไว้ อย่างไรก็ตาม โปรไฟล์ที่สูงขึ้นของไอโต้ทำให้เขาได้รับความสนใจจากที่อื่น และสถานการณ์นี้ยังไม่สามารถสรุปได้ สุดท้าย สโมสรเลือกแบร์ตาเพราะประสบการณ์และชื่อเสียงของเขา พวกเขามองว่าแบร์ตาจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของอาร์เซนอลในตลาดนักเตะ ผู้บริหารชาวอิตาลีรายนี้มีเครือข่ายกว้างขวางในหมู่เอเยนต์ระดับสูงของยุโรป ประสบการณ์ของเขากับแอตเลติโก มาดริดจะนำมุมมองที่แตกต่างมาสู่อาร์เซนอลในช่วงเวลาสำคัญของโปรเจกต์—ช่วงที่ทีมชุดใหญ่กำลังพยายามก้าวไปสู่ขั้นตอนที่ห้าของแผนพัฒนาของอาร์เตต้า ซึ่งก็คือการคว้าแชมป์รายการใหญ่ แบร์ตาเคยช่วยให้แอตเลติโกคว้าแชมป์ลาลีกาสองสมัย และผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกสองครั้ง ก่อนที่การแต่งตั้งของเขาจะประกาศอย่างเป็นทางการ แบร์ตาได้เริ่มทำความรู้จักกับทีมงานที่มีอยู่ของอาร์เซนอลแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นนักสื่อสารที่ดีในภาษาอิตาลีและสเปน แต่ภาษาอังกฤษของเขายังต้องพัฒนาอีกมาก นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไอโต้ ซึ่งพูดได้หลายภาษา อาจเข้ามาช่วยเชื่อมโยงระหว่างแบร์ตากับฝ่ายต่าง ๆ ของสโมสร โดยเฉพาะในรายละเอียดของการเจรจาต่าง ๆ ซึ่งเป็นไปได้ว่าในช่วงแรก แบร์ตาจะต้องพึ่งพาการสนับสนุนจาก เจมส์ คิง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการฟุตบอลของอาร์เซนอล และเจมส์ เอลลิส หัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะเป็นอย่างมาก แผนปัจจุบันคือให้แบร์ตาเข้ามาทำงานเพียงลำพังและร่วมงานกับทีมสรรหานักเตะที่มีอยู่ของอาร์เซนอล—ซึ่งรวมถึงไอโต้ด้วย หากเป็นไปได้ และหากแบร์ตายึดตามแผนที่วางไว้ งานเตรียมการสำหรับตลาดซัมเมอร์ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาย่อมมีมุมมองของตัวเองเกี่ยวกับนักเตะ ซึ่งอาจทำให้แผนการบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป แม้แฟนบอลจะกังวลเกี่ยวกับความล้มเหลวล่าสุดในการเสริมแนวรุก แต่การระบุและซื้อตัวนักเตะของอาร์เซนอลตั้งแต่ปี 2021 ถือว่าทำได้ดีเป็นส่วนใหญ่ งานของเอดูได้รับการยกย่องอย่างสูง อาร์เซนอลไม่ต้องการรื้อโครงสร้างที่เอดูสร้างขึ้นเพียงเพราะการเปลี่ยนตัวบุคลากร อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งในลักษณะนี้มักจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เมื่อเอดูเข้ามาในปี 2019 ก็มีการยกเครื่องแผนกแมวมองของสโมสรอย่างสิ้นเชิง แม้อาร์เซนอลจะยังไม่มีแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในตอนนี้ แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับว่าแบร์ตาจะเข้ากับทีมที่มีอยู่ได้ดีแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่างแบร์ตากับอาร์เตต้า ในอดีต แบร์ตาเคยร่วมงานกับโค้ชที่มีความเข้มงวดสูงอย่างซิเมโอเน่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาแม้จะมีความตึงเครียดเป็นระยะ แต่ก็ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด อาร์เซนอลก็คงหวังให้ความร่วมมือครั้งใหม่นี้นำไปสู่ผลลัพธ์ในลักษณะเดียวกัน ดูบอลสดฟรี